บทที่ 245 แสร้งเป็นหมูให้เสือตายใจ2
ซินเหยาหัวเราะเล็กน้อย ก่อนกล่าว “เจ้าไม่ต้องมองข้าเยี่ยงนี้ ข้ารู้ว่าข้าเป็นบุรุษรูปงามหล่อเหลาคนหนึ่งยิ่งนัก! แต่ว่าแม่นางที่ติดตามพี่ชายมีมากแล้ว ดังนั้นอย่าได้หลงใหลรักใคร่พี่ชายเป็นอันขาด! พี่ชายเป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น”
สีหน้าอับอายของชีวหยูนซีดขาว!
ซินเหยาฉวยตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันระวัง จู่ๆ ก็พลิกเคลื่อนย้ายกายมายังเบื้องหน้าของนางราวกับสายฟ้าฟาดก็ไม่ปาน เอื้อมมือไปลูบไล้โครงหน้าขาวใสเนียนนุ่มของนาง จากนั้นก็ถอยกลับมาราวกับสายฟ้าอีกครั้ง!
การเคลื่อนไหวทั้งหมดนี้ราบรื่นไม่มีสะดุด
ในที่เกิดเหตุแทบจะไม่มีใครตอบสนอง และยิ่งไม่มีใครรู้ว่าซินเหยาทำมันได้อย่างไรกันแน่
แต่ทุกคนเห็นมันชัดเจน!
ชายร่างผอมอัปลักษณ์นามว่าหยาวซินคนนี้ หยอกล้อสาวงามชีวหยูนอย่างอันธพาลอาจหาญขนาดนี้เชียว!
ชีวหยูนโกรธเสียจนหน้าแดงก่ำ ร้องตวาดโกรธเกรี้ยว “ไอ้เด็กไร้ยางอาย! เจ้ามันอันธพาล ลามก! เจ้า…เจ้า…เจ้ามันไอ้คนชั่ว!”
ซินเหยากล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ฮ่าๆ แม่นางผิวของเจ้าช่างนุ่มลื่นยิ่งนัก ช่างทำให้คนคิดเตลิดไร้ขีดจำกัดเสียจริง ทำย่างไรดี ยังอยากสัมผัสอีกสักครา…”
กล่าวไปพลาง สายตาของนาง ก็แปรเป็นลามกอนาจารอย่างถึงที่สุด จ้องดวงหน้าบอบบางขาวนุ่มของชีวหยูนด้วยสีหน้าไม่ใคร่จะสุภาพเอาเสียเลย…
ชีวหยูนโกรธไอ้นักเลงลามกนี่จัด เงื้อฝ่ามือขึ้น!
ฮัวโหล่หยูนกล่าวเสียงดัง “ชีวหยูน อย่าได้โกรธ เขาจงใจแหย่ให้เจ้าอับอาย ทำให้เจ้าโกรธจัด รบกวนกำลังภายในของเจ้าให้กระเจิดกระเจิง!”
“อื้อ! ขอบคุณพี่ฮัวมากที่กล่าวตักเตือน!”
เดิมทีชีวหยูนโกรธจัด ถูกฮัวโหล่หยูนเตือนสติขนาดนี้ ก็รีบบังคับข่มอารมณ์โกรธเคืองเอาไว้ให้นิ่งในทันที!
แต่เดิมนางเป็นแม่นางผู้เงียบขรึมคนหนึ่ง เพราะนางเชี่ยวชาญการฝึกฝนกำลังภายใน ยิ่งต้องควบคุมความผันผวนทางอารมณ์ของตนเองอย่างเข้มงวด ดังนั้นยามปกตินางจึงเป็นคนหนึ่งที่พูดน้อยสงบคำ เป็นผู้ที่เงียบที่สุดในบรรดานักบอดี้การ์ดทั้งสี่
คราวนี้ ถูกชายอัปลักษณ์หยาวซินหยอกล้อเข้าให้ ก็บันดาลโทสะเสียยกใหญ่!
เกือบจะสูญเสียการควบคุมไปสิ้น
ดีที่ฮัวโหล่หยูนเตือนสติได้ทันเวลา
ชีวหยูนข่มอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้ กระบวนท่าหมัดมวยในมือเองก็ค่อยๆ เสถียรขึ้น
ครั้นซินเหยาได้เห็นแววตาที่ถูกยับยั้งของนาง ก็รู้ตั้งแต่เนิ่นๆ ว่านางจะต้องเป็นผู้ฝึกฝนกำลังภายในอย่างแกร่งกล้าแนวหน้าคนหนึ่งแน่นอน!
สิ่งต้องห้ามสูงสุดในการฝึกฝนกำลังภายในนั่นก็คือความหงุดหงิดโกรธง่าย!
ในเวลานี้ซินเหยาแต่งกายเป็นผู้ชาย ทั้งยังเป็นชายรูปร่างอัปลักษณ์คนหนึ่งอีก
สาวงามคนใดที่ถูกชายอัปลักษณ์คนหนึ่งหยอกล้ออย่างไร้มารยาทเยี่ยงนี้ จะต้องอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่อยู่เป็นแน่!
ในฐานะที่เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ซินเหยาย่อมเข้าใจผู้หญิงด้วยกันมากที่สุด!
อย่างไรก็ตามชีวหยูนสงบลง และซัดสองฝ่ามือประดุจยอดภูเขาไท่ซานออกมา!
ความเร็วกลับไม่ได้ว่องไวนัก แต่ว่ามั่นคงและแข็งแกร่ง
เหมือนฝ่ามือล่องลอยและบางเบา แต่จริงๆ แล้วมันซุกซ่อนกำลังภายในแท้จริงที่มีความแข็งแกร่งและดุเดือดเอาไว้อยู่
ดูเหมือนว่าซินเหยาไม่ได้แยแสเลยสักนิด นางยกฝ่ามือสองข้างขึ้นรับไว้โดยไม่ต้องยั้งคิด!
“ตู้ม!”
สี่ฝ่ามือประชันกัน
“ฮ่าๆ พี่สาว มือของเจ้าช่างนุ่มลื่นเสียจริงๆ เลย”
ขณะที่กำลังจะประชันกำลังภายใจ จู่ๆ ซินเหยาก็ผุดเผยรอยยิ้มบางเบาออกมา
“เจ้า…”
ชีวหยูนอดกลั้นความโกรธเอาไว้ไม่อยู่แล้วจริงๆ กลิ่นอายสังหารผุดขึ้นกลางใจของนาง
ใบหน้าอัปลักษณ์และชั่วร้ายนี้ ช่างต่ำต้อยน่ารำคาญเหลือเกิน!
เมื่อครั้นชีวหยูนโกรธ…
กำลังภายในก็ไหวติงไม่หยุด…
ซินเหยาใช้ลมปราณเล็กน้อยซัดชีวหยูนกระเด็นลอยออกไป!
“โครม!”
ชีวหยูนเองก็กระอักเลือดออกมา สีหน้าแปรเป็นซีดขาวและไม่น่ามอง!
“วรยุทธ์ของเจ้าน่าทึ่งจริงๆ ทำให้ข้าฮัวโหล่หยูนชื่นชม ขอชื่นชม! แต่ไรมานักบอดี้การ์ดทั้งสี่ไม่เคยพานพบกับความพ่ายแพ้อย่างอนาถเยี่ยงนี้มาก่อน ไม่ทราบว่าคุณชายจะเปิดเผยชื่อที่แท้จริงของท่านได้หรือไม่!”
ในที่สุดฮัวโหล่หยูนก็อดรนทนไม่ไหว ออกโรงด้วยตัวเอง
ซินเหยาเอ่ย “หยาวซิน!”
ฮัวโหล่หยูนกล่าว “นี่น่าจะเป็นชื่อปลอมกระมัง?”
ซินเหยาพูด “ชื่อจริงไม่สะดวกพูด ถึงได้ใช้ชื่อปลอม ย่อมไม่สะดวกใช้ชื่อจริง ไฉนเจ้าจึงได้ถามหลายครั้ง!”
เป็นนาง!
ผู้หญิง!
เป็นนางหรือ? เหตุใดนางจึงมาอยู่ที่นี่ได้?
ไฉนนางจึงกลายเป็นผู้ชายที่อัปลักษณ์ขนาดนี้ได้
ผู้หญิงคนนี้ต้องการอะไรกันแน่
หรือว่านางกลับชาติมาเกิดเพื่อก่อความวุ่นวายจริงๆ เชียวหรือ
ที่ใดมีอันตรายที่นั่นจะต้องมีเงาของนาง!
ฮ่องเต้อำมหิตที่อยู่ชั้นบนซัดฝ่ามือเดียวใส่ทหารมรณะสี่ห้าคนจนถอยร่น
ปลายตาเหลือบเห็นการสนทนาของซินเหยาและฮัวโหล่หยูนที่อยู่ชั้นล่างพอดี!
ถึงแม้ซินเหยาจะแต่งหน้าปลอมตัวด้วยทักษะอันไร้ที่ติ ก็แม้กระทั่งโจว๋หยุนถิงและโจว๋ก้องหรุงและคนเบื้องหน้าของนางยังมองตัวตนของนางไม่ออก
แต่ว่าฮ่องเต้อำมหิตเป็นผู้ชายของนาง!
ในช่วงเวลาครึ่งปีมานี้…
ทุกๆ ช่วงดึก ทุกวันคืน ต่างก็มีความฝันเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้เสมอ!
รอยยิ้มพิมพ์ใจ ทุกการกระทำทุกความเคลื่อนไหวของนาง…
ทุกๆ น้ำเสียงรอยยิ้มและรูปลักษณ์ล้วนฝังลึกอยู่ในสมองของเขา
อีกทั้งแทบจะทุกวันต่างผุดขึ้นในสมองของเขามากกว่าร้อยครั้ง…
ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง
แต่ว่าฮ่องเต้อำมหิตมองปราดเดียวก็ทะลุปรุโปร่ง อีกทั้งยามพูดจามักจะมีถ้อยคำกล้าหาญฟังไม่ได้ศัพท์ปะปนอยู่เล็กน้อย…คนผู้นี้ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นรูปร่างแบบไหน ก็จะต้องเป็นผู้หญิงของเขาแน่นอน!
แม่ทัพคู่หูเล๋ยถิงพีลี่กรูขึ้นมา
ฮ่องเต้อำมหิตลอบยิ้ม คนผู้นี้ช่างไม่รู้จักความเป็นความตาย ทำให้พวกเขาได้ประจักษ์กับโหมกงระดับปรมาจารย์ขั้นสูงที่ข้าเพิ่งจะฝึกฝนมาสักหน่อย พอดีเป็นคู่ซ้อมให้ข้าเลย!
วรยุทธ์ของแม่ทัพคู่หู ถึงแม้จะยังไม่ได้ถึงขั้นปรมาจารย์ แต่ว่าทั้งสองคนก็เลื่องชื่อในเส้นทางโหมกงเป็นเวลาช้านาน ทักษะของพวกเขาไม่อาจหยั่งรู้…
ทั้งสองร่วมมือกัน อำนาจกำจายเหมือนความกล้าบ้าบิ่นแห่งเล๋ยถิงและพีลี่
มุมปากของฮ่องเต้อำมหิตรูปงามเย็นชา กระตุกขึ้นแย้มรอยยิ้มชั่วร้าย…
ฮัวโหล่หยูนกล่าว “พี่น้องหยาวเอาชนะสองคนในนักบอดี้การ์ดทั้งสี้ติดต่อกัน ทักษะแพรวพราว ข้าแซ่ฮัวนับถือจริงๆ แต่น่าเสียดายที่พี่น้องหยาวไม่เต็มใจเปิดเผยชื่อแซ่ที่แท้จริง ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน!”
ซินเหยากล่าวพลางยิ้มบาง “มีอะไรให้น่านับถือ ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนประจักษ์แจ้ง ข้าสามารถเอาชนะแม่นางหงจู๋ผู้นั้นได้ก็เป็นเพราะข้าแอบเลียนแบบกระบวนท่าของนาง ส่วนที่สามารถเอาชนะชีวหยูน…สาวแสนงามได้ อันนี้…เอ่อ เพราะว่านางมีรูปโฉมที่งดงามเหลือเกิน ข้าน้อยใจเต้นอย่างอดไม่อยู่ หัวใจเหมือนถูกกระแทก จึงกล่าวชมความงามไปสองสามประโยค ผลลัพธ์คือยั่วโมโหแม่นางชีวหยูนเข้า ส่งผลให้นางจิตใจฟุ้งซ่านจนข้าสามารถเอาชนะได้ ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นพฤติกรรมอันน่าละอายทั้งสิ้น อันที่จริงวรยุท์ของข้านั้นย่ำแย่ยิ่งนัก ย่ำแย่จริงๆ!”
โอหยางซิงเฉินรู้ว่านางเป็นผู้หญิง จึงอดกล่าวพลางหัวเราะไม่ได้ “พี่น้องหยาวประโยคที่ว่าหัวใจเหมือนถูกกระแทกนี้ ช่างน่าขยะแขยงเสียจริงๆ ฮ่าๆ!”