บทที่ 264 อันธพาลผู้กดขี่ข่มเหงคนจน1
ซินเหยากล่าวว่า “ข้อนี้พวกเจ้าควรเตรียมความพร้อมเอาไว้แล้วแต่เนิ่นๆ มิใช่ข้าเคยบอกพวกเจ้าแล้วรึ ช่วงปีนี้ เป็นช่วงเวลาที่พวกเจ้าต้องวางรากฐานการใช้หมัดมวย คราแรกก็จวนตระกูลเก่อ บัดนี้ก็เป็นเฉินเปียวโผล่มาอีกหนึ่ง…คนพวกนี้ถึงแม้จะไม่มีระเบียบวินับและองค์กรทางการของยุคมืด แต่พวกเขาก็กือบจะพอๆ กับต้นแบบของกองกำลังอันชั่วร้าย เพียงแต่คนเหล่านี้ต่างเป็นตัวแทนแห่งอันธพาลและพลังทุกสรรพ์ พวกเจ้าต้องช่วยกองกำลังสำนักให้พัฒนาไปทั่วแคว้น พวกเจ้าต้องปกป้องประชาชนคนทั่วไปทั้งหมด ก็ต้องขจัดสิ่งกีดขวางบนเส้นทางราชสีห์นี้ไปด้วย”
ส้งชิงเอ่ย “อาจารย์ พวกเราไม่กลัวการต่อสู้ หลังจากสองเดือนมานี้ เหล่าพี่น้องทั้งปวงล้วนตระหนักถึงเรื่องๆ นี้ ใต้หมัดผุดเผยอำนาจ ขอเพียงหมัดของพวกเราแข็งแกร่งมากพอ ต่อสู้ได้ดุเดือดมากพอ ผู้อื่นก็จะยำเกรงพวกเราเอง แต่ว่ายอดฝีมือที่เฉินเปียวเชิญมาผู้นั้นเก่งกาจมากจริงๆ คนของพวกเราถูกโจมตีอย่างทารุณทันทีที่เข้าไปในเมืองเขตตะวันตก พวกเราไม่ได้มาสำนักหลัก อาจารย์น้องก็ไม่ยอมลงมือ ดังนั้นพวกเราจึงทำได้เพียงมาวิงวอนให้ท่าอาจารย์ลงมือด้วยตนเอง”
ซินเหยาหัวเราะเบาๆ “ดี อาจารย์จะช่วยพวกเจ้าสักเที่ยว แต่ว่า อาจารย์ขอถามพวกเจ้าหนึ่งคำถาม”
ส้งชิงและหลัวเสี่ยวหู่มองหน้ากัน
พวกเขาไม่รู้ว่าซินเหยาจะถามอะไรกันแน่
ซินเหยามองดูเด็กหนุ่มสองคนที่ยังไม่ทันได้บรรลุนิติภาวะด้วยสีหน้าแน่วแน่ดุดัน รู้ว่าพวกเขาจะต้องผ่านการต่อสู้เพื่อชีวิตและความตายมากมายบนเส้นทางสายในตลอดสองเดือนที่ผ่านมา…
พวกเขาจะต้องตระหนักถึงชะตามนุษย์จำนวนมาก เข้าใจในสิ่งที่เรียกว่าการเก็บเกี่ยวอะไรย่อมมาจากการเพาะปลูกสิ่งนั้นได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้ เป็นเวลาที่จะสอนให้พวกเขาจัดการเหล่าสำนักนั้นว่าควรทำอย่างไรแล้ว
สังคมยุคมืดที่ยุติธรรม เที่ยงแท้ และยิ่งใหญ่
“ส้งชิง เสี่ยวหู่ พวกเจ้าสองคนตรองอยู่สักหน่อย ถ้าหากพวกเจ้าล้มเฉินเปียวได้ เช่นนั้นบรรดาคนงานที่เป็นลูกน้องของเขาจะทำอย่างไร กะลาสีเรือเหล่านั้นจะทำอย่างไร เฉินเปียวทรุดลง นั่นก็หมายความว่ากิจการขนส่งทางน้ำทรุดลงด้วย จากนี้ไปจะให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่ออย่างไร”
“เอ่อก็…สามารถเรียกพวกเขาเข้ามาสมทบสำนักชิงหลงของพวกเราได้” ส้งชิงคิดว่าตนเองฉุกคิดได้ถึงวิธีการดีๆ วิธีหนึ่งแล้ว
“ถ้าหากมีบางคนไม่เต็มใจเข้าร่วมเล่า?”
“เอ่อ…”
“พวกเจ้าทำธุรกิจเป็นหรือไม่ พวกเจ้ามีใครรู้เส้นทางเดินเรือบ้างหรือไม่ ในพวกเจ้ามีใครรู้วิธีการจัดการทัพเรือที่มีคนงานห้าร้อยคนกับเรืออีกสามลำร้อยหรือไม่”
“เอ่อ…”
คำถามของซินเหยา ทั้งเฉียลและคม ออกจะเอาแต่ใจไปนิด
ทว่าเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ส้งชิงและหลัวเสี่ยวหู่ไม่ได้ฉุกคิดมาก่อน
พวกเขาแค่คิดว่าจะต้องฝึกฝนหมัดมวยและวรยุทธ์ของตนเองให้ดี จากนั้นจะนำทัพเด็กผู้ยากไร้ผู้อยากจะเป็นนายอย่างไม่กลัวตายไปทำศึกนองเลือด ยึดครองแผ่นดิน
ซินเหยากล่าว “สมมติว่าคนทั้งหมดต่างเต็มใจเข้าร่วมสำนักชิงหลง พวกเจ้าเองก็ยินดีทำกิจการ รับจัดการทัพเรือและคนงาน…เจ้าส้งชิงเสี่ยวหู่ก็ไม่ใช่ว่าจะกลายเป็นแบบเฉินเปียวแล้วหรือ”
“กลายเป็นอันธพาลอีกคนที่เอารัดเอาเปรียบคนจนอีก?”
“ขูดรีดประชาชนผู้แร้นแค้นเหล่านั้นต่อไป?”
“พวกเจ้าเป็นคนยากจน พวกเจ้าไม่ต้องการถูกรังแก พวกเจ้าต้องการชีวิตครอบครัวที่ปลอดภัยและมั่นคง แล้วผู้อื่นก็มิใช่คนยากไร้แล้วกระนั้นเชียวหรือ”
“ผู้อื่นไม่ได้เฝ้าหวังอำนาจที่จะใช้ชีวิตอย่างสวยงามหรอกหรือ”
ส้งชิงที่มีกายภาพกำยำ ใบหน้ากลับแสดงออกถึงความสับสนและอับอาย เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เข้ากันเลยสักนิด
“ท่านอาจารย์ ท่านเป็นคุณหนูสูงศักดิ์แห่งจวนอ๋อง ท่านเคยอ่านตำรามีประสบการณ์มาก ท่านสอนพวกเราสักหน่อยว่าควรปฏิบัติอย่างไร”
สมองส้งชิงค่อนข้างงี่เง่า แต่ว่าก็ไม่ได้โง่งม
ในใจของเขา ซินเหยานั้นราวกับเทพธิดาที่จุติจากสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน
เขารู้ ขอเพียงฟังคำซินเหยาก็พอแล้ว
ซินเหยาว่าอย่างไร เขาก็จะทำอย่างนั้น
หลัวเสี่ยวหู่เองก็เอ่ยคำ “ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอาจารย์ของส้งชิง และก็เป็นอาจารย์ของพวกเราทุกคน พวกเราล้วนเป็นคนยากไร้ พวกเราล้วนถูกคนรังแก พวกเราเพียงแค่ต้องการความแข็งแกร่ง ไม่ถูกคนรังแกอีก”
ส้งชิงเองก็พยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ ใช่ แต่ไรมาพวกเราไม่เคยคิดจะอยากกลายเป็นอันธพาลที่เที่ยวรังแกคนอื่นไปทั่ว ขอร้องท่านอาจารย์ชี้แนะพวกเราว่าควรทำอย่างไร”
ซินเหยาเอ่ย “เอาปลาให้ไม่สู้สอนวิธีจับปลา”
ส้งชิงเอ่ย “ปลาอะไร? สิ่งที่ท่านอาจารย์พูดข้าเข้าใจนิดเดียว”
ซินเหยากล่าวกลั้วหัวเราะ “ความหมายของประโยคนี้คือข้าสอนพวกเจ้าครั้งเดียว ครั้งต่อไปพวกเจ้าก็ยังทำไม่ได้ คงไม่อาจให้คนอื่นคอยสอนพวกเจ้าในทุกๆ ครั้งกระมัง”
ส้งชิงว่า “อาจารย์ เช่นนั้นพวกเจ้าควรจะทำอย่างไร”
ซินเหยากล่าว “ข้าจะสอนพวกเจ้าถึงวิธีการแก้ปัญหาหนึ่งวิธี จากนี้พวกเจ้าก็ใช้วิธีนี้ไปจัดการปัญหาเถิด”
ส้งชิงเอ่ยอย่างชื่นมื่น “เช่นนั้นก็ดีเหลือเกิน ท่านอาจารย์ เป็นวิธีอะไร ท่านรีบพูดเถิด”
ซินเหยาบอก “อันที่จริงวิธีนี้ง่ายมาก มันถูกเรียกว่าเอาตัวเองไปคิดเกี่ยวกับคนยากจน ยืนอยู่ในมุมมองของพวกเขา เพื่อขบคิดเกี่ยวกับผลประโยชน์ของพวกเขา จะทำอย่างไรจึงจะเป็นการช่วยเหลือพวกเขาได้อย่างแท้จริง”
ส้งชิงมึนตึบ ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี…
ซินเหยาเอ่ย “เช่นนั้นข้าจะถามพวกเจ้าสักสองสามคำถาม ใครก็ตามที่สามารถตอบคำถามได้ก็ตอบ”
“อาจารย์ ท่านถามเถิด”
“คำถามข้อแรก คนงานและชาวเรือร้อยกว่าคนนั้น ถ้าหากไม่มีงานแล้วจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ภรรยาลูกเล็กเด็กแดงและผู้เฒ่าผู้แก่ในครอบครัวของพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไร พวกเขาจำนวนมากทำได้เพียงแค่แล่นเรือ ส่งสินค้า ถ้าหากหางานใหม่ไม่ได้มิใช่ว่าทั้งครอบครัวต่างพากันหิวโหยกันหรอกหรือ”
“ท่านอาจารย์ เช่นนั้นควรให้พวกเขาทำงานปัจจุบันนี้ต่อไปใช่หรือไม่”
“คำถามข้อที่สอง ถ้าหากคงสถานะเดิม พวกเขาจะถูกรังแกโดยอันธพาล และเงินที่หามาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายส่วนใหญ่จะถูกอันธพาลริบไว้ส่วนตัว ชีวิตเช่นนี้แร้นแค้นยิ่งนัก เช่นนั้นไฉนต้องลุกฮึดขึ้นมาต่อต้านด้วยเล่า”
“แต่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู่ และทำให้พวกเขามีชีวิตที่ดีขึ้น”