การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 137
“นี่คือรายงานสรุปครับองค์ชาย ดูเหมือนว่าองค์ชายอาร์โนลด์วางแผนจะอยู่ข้างท่านฟีเน่ต่อครับ”
ลีโอรับรายงานในห้องของเขา
คนที่รายงานเขานั้นคือเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่เด็กกว่าลีโอเล็กน้อย
“เข้าใจหล่ะ… แบบนั้นสมกับเป็นท่านพี่จริงๆ”
“ความมุ่งมั่นของเขาอาจจะน่ายกย่องแต่ความมุ่งมั่นที่ขาดความสามารถในการสนับสนุนมันนั้นถือว่าไร้ความหมายนะครับ องค์ชาย”
ชื่อของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลที่ประเมินอาโนลด์เช่นนี้ก็คืออุตซ์ ฟ็อน เลอร์มาน
เขาเป็นลูกชายของมาร์ควิสเลอร์มาน หนึ่งในขุนนางกลุ่มแรกๆที่ให้ความร่วมมือกับลีโอ ในตอนที่ขุมอำนาจของลีโอยังอ่อนแออยู่ เขาได้วิ่งเต้นไปทั่วพื้นที่ชนบทเพื่อโน้มน้าวให้ขุนนางต่างๆสนับสนุนพวกเขา มันพูดได้เลยว่าเขาเป็นหนึ่งในขุนนางที่ลีโอไว้ใจมากที่สุด
“เจ้ากำลังบอกว่าการกระทำของท่านพี่มันไม่มีความหมายหรอ?”
“การที่เขาตัดสินใจอยู่กับท่านฟีเน่นั้นน่ายกย่องครับแต่ข้าไม่คิดว่าเขาจะสามารถต้านทานพวกขุนนางได้นานขนาดนั้น ข้าคิดว่าการที่เขาเลือกตีตัวออกห่างจากเธอจะเป็นวิธีที่ฉลาดกว่า”
“สิ่งที่เจ้าพูดมานั้นฟังดูมีเหตุผลจริงๆอุตซ์ แน่นอนว่าการถอนตัวตั้งแต่แรกมันจะฉลาดกว่าถ้าสุดท้ายแล้วเขาก็ถูกกำจัดอยู่ดี แต่มันถือเป็นตัวเลือกที่ดีตราบใดที่เขาไม่ถูกกำจัดใช่ไหมหล่ะ”
“นั่นแล่ะครับคือปัญหา องค์ชาย ความสามารถและการตัดสินใจของเขามันไปด้วยกันไม่ได้ ขุนนางที่หมายตาท่านฟีเน่เอาไว้จะพยายามทำทุกอย่างเพื่อกำจัดองค์ชายอาร์โนลด์ ถ้าพวกเขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้พวกเขาก็คงไม่เหมาะสมกับเธอหรอก นี่คือเหตุผลที่องค์ชายอาร์โนลด์ให้มา ข้าเป็นห่วงว่าเขาจะอยู่รอดไม่ถึงสุดสัปดาห์ด้วยซ้ำครับ”
ลีโอยิ้มเจื่อนๆให้กับการประเมินของอุตซ์ที่มีต่อพี่ชายของเขา
เมื่อพิจารณาถึงชื่อเสียงโดยทั่วไปของอัล หนึ่งสัปดาห์ก็ถือว่าเป็นระยะเวลาที่นานแล้ว นี่หมายความว่าอุตซ์นั้นประเมินเขาอย่างเหมาะสม
อย่างไรก็ตาม การประเมินของลีโอที่มีต่อพี่ชายของเขานั้นดีกว่าอุตซ์มาก
“แต่ข้าคิดว่าเขาสามารถจัดการกับอะไรก็ตามที่พวกขุนนางโยนมาให้เขาได้นะ”
“เห้อ…. องค์ชาย ช่วยหยุดประเมินเขาสูงเกินไปเถอะครับ ถึงแม้ว่าองค์ชายทั้งสองจะเป็นฝาแฝดกัน แต่องค์ชายอาร์โนลด์ก็ยังคงแตกต่างจากท่านนะครับ”
“นั่นก็จริง ท่านพี่ไม่เหมือนข้า เพราะฉะนั้นข้าเลยมั่นใจว่าเขาจะหาวิธีของตัวเองในการผ่านพ้นเรื่องนี้ได้”
ความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ อุตซ์ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
หนึ่งในข้อเสียไม่กี่อย่างของลีโอก็คือเขาเชื่อมั่นในครอบครัวของเขามากเกินไป
การเชื่อพวกเขานั้นไม่ได้ผิดอะไรหรอกแต่การไว้ใจมากเกินไปคือจุดอ่อน ต่อให้เขาเป็นพี่ชายฝาแฝด เขาก็จำเป็นต้องมีเส้นแบ่งอยู่
“องค์ชาย ขุมอำนาจกำลังค่อยๆเติบโตขึ้น พวกเราไม่ได้เป็นขุมอำนาจเล็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ถ้าองค์ชายไว้ใจองค์ชายอาร์โนลด์มากเกินไปข้าเกรงว่ามันอาจจะเกิดความไม่พอใจในอนาคตนะครับ”
“ไม่หรอก ถึงจะเห็นอย่างนี้ แต่ข้าก็ขีดเส้นแบ่งไว้ว่าเขาเป็นพี่น้องของข้านะ”
ลีโอบอกอุตซ์โดยไม่ลังเลในขณะที่มองตรงเข้าไปในดวงตาของเขา
เมื่อเห็นเขาเป็นแบบนี้ อุตซ์ก็เงียบลงด้วยความไม่เต็มใจ เขาไม่เคยคิดที่จะเชื่อมั่นในอาร์โนลด์มากขนาดนั้น
“ก็ได้ ข้าเข้าใจว่ามันดูเหมือนข้ากำลังเข้าข้างพี่น้องของตัวเอง เอาแบบนี้เป็นไง? เจ้าลองไปอยู่ข้างท่านพี่ซักพักนึงดีไหม?”
“จะให้ข้าไปรับใช้องค์ชายอาร์โนลด์หรอครับ?”
“เขาอาจจะต้องการกำลังคนก็ได้นะ”
“องค์ชายคิดจะฝากเรื่องนี้เอาไว้กับองค์ชายอาร์โนลด์จริงๆสินะครับ?”
ผลลัพธ์นั้นชัดเจนสำหรับอุตซ์แล้ว
อีกฝ่ายคือขุนนางจำนวนมากที่เข้าร่วมสนธิสัญญานกนางนวล ถ้าพวกเขาวางแผนกำจัดอัลจริงๆ อัลก็จะได้เจอนรกตามมาเป็นทอดๆอย่างแน่นอน
และในตอนจบ อัลก็จะถอนตัวในเวลาแค่หนึ่งสัปดาห์ นี่คือส่งที่อุตซ์คิด แถมมันยังทำให้เกิดความเสียหายกับขุมอำนาจของลีโอถ้าอัลแพ้ในเรื่องนี้ด้วย
“จำนวนขุนนางที่สนับสนุนพวกเราเพราะท่านฟีเน่ก็มีอยู่ไม่น้อยเลยนะครับองค์ชาย นอกจากนี้พวกเรายังมีเรื่องของบริษัทอะจินด้วย มันจะส่งผลในแง่ลบได้ถ้าพวกเราไม่ทำการปกป้องท่านฟีเน่อย่างเพียงพอ ข้าคิดว่าองค์ชายควรจะเป็นหัวหอกในวิกฤตนี้ แบบนั้นคงจะไม่มีใครบ่นอะไรครับ”
เจ้าชายผู้กล้าที่คลี่คลายปัญหามานักต่อนัก ลีโอได้กลายเป็นคนที่มีความโดดเด่นในสงครามผู้สืบทอดจนถึงขั้นที่ว่าการได้เห็นเขาเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไปนั้นก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย ชื่อเสียงและความสำเร็จของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าหญิงนกนางนวลสีน้ำเงินด้วย
ตั้งแต่แรกแล้ว ความไม่พอใจในตอนนี้เกิดจากการที่พวกขุนนางกำลังรู้สึกอิจฉาเพราะพวกเขากลัวว่าฟีเน่อาจจะโดนเจ้าชายไร้ค่าพรากไป
สถานการณ์จะสงบลงถ้ามีคนที่พวกเขาไม่สามารถอิจฉาได้มายืนอยู่ที่แนวหน้า นั่นคือสิ่งที่อุตซ์คิด อย่างไรก็ตาม ลีโอมีความคิดที่ต่างออกไป
“ถ้าข้าเข้ามายุ่งด้วยปัญหาก็อาจจะทุเลาลงไปชั่วคราวแต่ขุนนางที่พ่ายแพ้จะก่อความวุ่นวายอีกครั้งแน่ ข้าพนันได้เลยว่าพวกเขาจะเริ่มร่วมมือกับท่านพี่เอริคเพื่อเป็นการตอบโต้ ถึงยังไงเขาก็คือคนที่มีความสามารถในการจัดการข้า และเมื่อเรื่องแบบนั้นเกิดขึ้น การต่อสู้เพื่อคุณฟีเน่ก็จะเกิดขึ้นด้วย ข้าคิดว่าเหตุผลที่ท่านพี่เสนอตัวแบบนี้คงเพราะเขาอยากหลีกเลี่ยงการพัฒนานั้น ความภาคภูมิใจของพวกเขาคงไม่ยอมแน่ถ้าพวกเขาพ่ายแพ้แม้กระทั่งคู่ต่อสู้ที่พวกเขาดูถูก ข้ามั่นใจว่าพวกเขาจะยอมจำนนกับมันแล้วถอดใจไปเอง”
แต่ว่ามันก็น่าจะยังมีคนที่ไม่ยอมตัดใจ แต่เนื่องจากพวกเขาคงจะเป็นคนกลุ่มน้อย มันจึงไม่มีปัญหาอะไรถ้าลีโอจะเข้าไปจัดการพวกเขาในตอนนั้น
ลีโออธิบายไปแบบนั้นแต่อุตซ์ก็ยังคงมีสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขาไม่สามารถทำใจเชื่อได้ว่าอัลจะคิดไปไกลถึงขนาดนั้น
“ข้าเข้าใจว่าองค์ชายพยามจะพูดอะไรแต่ว่า….”
“ท้ายที่สุดแล้ว ทั้งหมดมันก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านพี่จะสามารถรับมือกับพวกขุนนางได้รึเปล่า เพราะฉะนั้น อุตซ์ ข้าอยากให้เจ้าไปอยู่ข้างท่านพี่”
“ข้าจะทำตามคำสั่งของท่านครับแต่ท่านจะทำอะไรในระหว่างนั้นหล่ะ องค์ชาย?”
“ข้ามีเรื่องที่ต้องไปจัดการด้วยตัวเอง ข้าจะฝากเรื่องนี้เอาไว้กับท่านพี่ ถึงยังไงถ้าข้าเข้าไปจัดการเองปัญหามันก็มีแต่จะซับซ้อนยิ่งขึ้น”
ในตอนที่พูดเช่นนั้น ลีโอก็ยิ้มอย่างหดหู่
ปัญหาอาจจะจบถ้าเขาประกาศว่าฟีเน่เป็นของเขาแต่การทำแบบนั้นจะทำให้เขาสร้างศัตรูขึ้นมามากมาย ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ลีโอต้องการ
ขุนนางบางคนที่เข้าร่วมในสนธิสัญญานกนางนวลนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งในสงครามผู้สืบทอดเหมือนกัน แต่พวกเขาส่วนใหญ่ยังรักษาความเป็นกลางเอาไว้ สำหรับขุนนางหนุ่มๆ สงครามผู้สืบทอดยังคงเป็นดินแดนที่ไม่รู้จักและมักจะถูกพ่อแม่และคนที่อยู่รอบตัวพวกเขาแนะนำให้ออกห่างจากมัน
แน่นอนว่าตอนนี้พวกเขาสามารถเลือกเข้าหาคนที่น่าจะชนะได้แต่มันก็ยังมีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นเป้าถูกกำจัดด้วย ถ้าพวกเขาอยากยุ่งกับมันพวกเขาก็จำเป็นต้องมีอำนาจทางการเมืองที่แข็งแกร่งและนั่นก็เป็นสิ่งหายากที่ขุนนางหนุ่มจะครอบครองได้
“ข้ารู้ว่าวันนี้จะมาถึงตั้งแต่ตอนที่พวกเราเริ่มใช้ความนิยมของคุณฟีเน่ แต่มันก็ยังเร็วกว่าที่ข้าคิดเอาไว้จริงๆ เอาเป็นว่าข้าขอฝากท่านพี่เอาไว้กับเจ้าแล้วกันนะ”
“ตามประสงค์ครับ ข้าจะสนับสนุนเขาด้วยอำนาจทั้งหมดของข้า”
“อืม ต่อให้เจ้าจะคิดว่ามันไร้เหตุผล ก็ช่วยทำตามคำแนะนำของท่านพี่ด้วยนะ”
“ต่อให้ข้าจะมองว่ามันเป็นการเคลื่อนไหวที่ไม่ดีหรอครับ?”
“ใช่ ท่านพี่ชอบทำเรื่องที่ถ้ามองเผินๆอาจจะดูไม่ดี แต่ข้าคิดว่าเจ้าจะได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจแน่ ๆ ถึงยังไงมันก็เป็นเรื่องหายากที่ท่านพี่จะเสนอตัวแบบนี้”
“องค์ชายเชื่อจริงๆหรอครับว่า….องค์ชายอาร์โนลด์จะคลี่คลายปัญหานี้ได้?”
“แน่นอนสิ ถ้าท่านพี่ทำไม่ได้ก็ไม่มีใครทำได้แล้ว ปัญหานี้ซับซ้อนถึงขนาดนั้นแหล่ะ ถึงยังไง ศัตรูของพวกเราในครั้งนี้ก็เคลื่อนไหวด้วยอารมณ์อย่างที่เจ้าเห็นนั่นแหล่ะ”
เนื่องจากพวกเขาใช้อารมณ์ จึงไม่สามารถหยุดพวกเขาโดยใช้เหตุผลได้
ทางเลือกที่ดีที่สุดคงจะเป็นการหลีกเลี่ยงศัตรูแบบนี้แต่นั่นไม่ได้อยู่ในตัวเลือกอีกต่อไปแล้ว
พอคิดว่าปัญหาเกิดขึ้นไม่รู้จักหยุดหย่อน ลีโอก็ถอนหายใจออกมา
เห็นได้ชัดเลยว่าเรื่องนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากเอริค ถึงยังไงตอนนี้เอริคเองก็อยู่ห่างจากเมืองหลวงและเขาก็ไม่ใช่คนที่จะใช้เรื่องไม่จำเป็นที่ไม่สามารถให้ผลลัพธ์ที่แน่นอนแบบนี้ด้วย
เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของทั้งลูกน้องของเอริคหรือบุคคลที่สาม ซึ่งมันบอกได้ว่า ตราบใดที่มันไม่สามารถเชื่อมโยงไปถึงผู้ที่มีสิทธิ์ครองบัลลังก์ได้โดยตรง จักรพรรดิก็จะไม่เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้
“ข้าว่านี่คงเป็นโอกาสเดียวที่ข้าสามารถใช้ได้สินะ”
“อะไรหรอครับองค์ชาย?”
“นักกลยุทธ์ของเรา ช่วงเวลาพักรบนี้คือโอกาสที่พวกเราจะได้เตรียมตัวสำหรับความขัดแย้งครั้งถัดไป ก็เหมือนกับที่อุตซ์พูด ความมุ่งมั่นที่ไม่มีความสามารถคอยสนับสนุนนั้นไร้ความหมาย พอลองนึกย้อนกลับไปแล้ว ทุกคนที่ชนะสงครามผู้สืบทอดในอดีตนั้นล้วนมีคนที่ฉลาดคอยอยู่ข้างกายพวกเขา อย่างท่านพ่อก็มีท่านรัฐมนตรี พวกเราเองก็จำเป็นต้องมีนักกลยุทธ์เหมือนกัน”
“ท่านกำลังจะไปตามหานักกลยุทธ์ที่ว่าหรอครับ?”
“ข้ามีคนในใจแล้ว มันก็แค่เรื่องคงจะไม่ผ่านไปได้ด้วยดีถ้าข้าไม่ไปเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง ถึงยังไงข้าก็ไม่มีโอกาสออกไปโน้มน้าวเขาจนกระทั่งตอนนี้ แต่ก็นะถึงข้าจะไปเองมันก็รับประกันไม่ได้หรอกว่าจะชวนมาได้สำเร็จรึเปล่า”
ในขณะที่พูด ลีโอก็ลุกขึ้นยืน
เขาได้เก็บกระเป๋าแล้วและพร้อมออกเดินทางทุกเมื่อ
นอกจากนี้ยังมีข้อมูลว่าเขามักจะชอบย้ายที่อยู่ตลอดดังนั้นเขาอาจจะสายไปแล้วด้วย
“เอาหล่ะ ฝากดูแลท่านพี่ด้วยนะ ข้าจะออกไปจากเมืองหลวงซักพักนึง”
“การที่องค์ชายออกไปเจอด้วยตัวเองแบบนี้ เขาต้องเป็นคนที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเลยสินะครับ”
“ไม่หรอก เขาไม่ได้ประสบความสำเร็จขนาดนั้น มันก็แค่เขาเคยใช้ชีวิตในปราสาทหลังนี้ เขามักจะเล่นกับข้าและท่านพี่อยู่บ่อยๆด้วย พรสวรรค์ของเขานั้นถือได้ว่าชั้นหนึ่งแต่ว่ามีปัญหาเรื่องนิสัยนิดหน่อย”
“คือว่า….เขาเป็นเพื่อนเก่าหรอครับ?”
“ก็นะ จะคิดแบบนั้นก็ได้”
ลีโอยิ้มในขณะที่พูดเช่นนั้น
ไม่มีความกังวลอยู่บนหน้าของเขาเลย เขาจะทำทุกอย่างที่เขาทำได้และเขาก็จะไม่เป็นห่วงอัลด้วย
ถึงยังไง อัลก็เป็นคนที่จะหนีในทันทีถ้าเขาคิดว่าไม่มีโอกาสชนะ และครั้งนี้เขาก็ตัดสินใจที่จะยืนหยัดเผชิญหน้ากับมัน
พูดอีกนัยนึงก็คือ มันมีโอกาสชนะอยู่
ในขณะที่กำลังคาดหวังในผลลัพธ์ ลีโอก็ออกไปจากเมืองหลวงจักรวรรดิ