บทที่ 282 ทำได้แค่ยอมแพ้1
แม้ถางเปิ่นขุยจะเป็นผู้มีฝีมือขั้นแปด
แต่คิดว่าวรยุทธ์ของนาง ถ้าหากมีจังหวะที่นางไม่สนใจ ก็จะมีโอกาสน้อยนิด ขอแค่ฝ่ายตรงข้ามประมาทสักนิด ถางเปิ่นขุยก็เอาชนะได้ ถางเปิ่นขุย
แต่ถางเปิ่นขุยคนนี้เจ้าเล่ห์เพทุบาย
เขาเตรียมพร้อมป้องกันตัวเอง ไม่ต่อสู้กับซินเหยา
เหมือนเต่ามุดหัวเข้าไปด้านหลัง
ให้เล๋ยถิงพีลี่เข้ามารับขับสู้แทน
เล๋ยถิงพีลี่มีวรยุทธ์ขั้นสูง ทั้งสองความตั้งใจเหมือนกัน ใช้เวลาต่อสู้กับศัตรูต้องใช้พลังสูง ซินเหยาสู้กับสองคนนี้จ้องใช้เวลามากขึ้น ถางเปิ่นขุยคงชิงโอกาสสังหารผู้พิทักษ์ทั้งสี่ไปแล้ว
“ฮึ ซุ่มโจมตีงั้นรึ ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าเป็นยังไง”
พูดจบ ถางเปิ่นขุยโกรธขึ้นมา เอาดาบฟันไปที่แขนหงจู๋
แขนกระดิกเป็นๆตกไปบนพื้น
เลือดสดไหลนองสาดกระเซ็น
หงจู๋สลบไปแล้ว
แต่นางไม่ร้องสักนิด
ซินเหยาเริ่มรู้สึกผิด แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
ตัวนางเองได้รับบาดเจ็บ ผู้พิทักษ์สามคนไร้เรี่ยวแรง สองในสามคนนั้นไม่รู้เป็นหรือตาย แต่รอบตัวมีแต่ศัตรูแกร่งกล้าสามคนและมือธนูนับร้อย….
ลำพังนางคนเดียวไม่สามารถพาทั้งสี่คนหนีออกไปได้
ซินเหยาตัดสินใจเสียสละส่วนน้อยเพื่อปกป้องคนส่วนใหญ่
ผู้พิทักษ์ทั้งสี่ นางทำได้แค่เลือกบางคนไปเท่านั้น
ฮัวโล่หยูน เจียนหารยี้ หงจู๋ถูกล่ามโซ่ไว้กับพื้น แต่ฮัวโหล่หยูนกับหงจู๋อาการร่อแร่แล้ว
แล้วยังต้องช่วยชีวหยูนด้วย
อย่างน้อย อย่าทำให้พวกเขาตายจนหมดสิ้น
แม้ไม่เต็มใจ แต่ซินเหยาไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ตัดสินใจด้วยความลำบากและอึดอัดใจ
นางแอบตัดสินใจ เพียงคว้าโอกาสได้ตอนที่ศัตรูไม่สนใจ จะชิงพาชีวหยูนหนีออกไปจากที่
นางช่วยได้แค่ชีวหยูนเพียงคนเดียวแล้ว
คนอื่นๆจำต้องทิ้งไว้
เป็นการตัดสินใจที่ไร้ทางเลือก
ชีวหยูนมองหงจู๋แขนขาก ร้องไห้ด้วยความเสียใจ โผเข้ากอดหงจู๋ที่ไร้สติ “หงจู๋ หงจู๋ เจ้ารีบฟื้นสิ”
“รีบฟื้นสิ เจ้าจะตายแบบนี้ไม่ได้นะ พวกเรายังต้องหาเจ้านายนะ ไม่มีเจ้านาย พวกเราตายไม่ได้”
หงจู๋เตือนเสียงแผ่วเบา มองชีวหยูนน้ำตาอาบหน้า “พี่สาว ท่านไม่ต้องร้องไห้ ท่านเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในบรรดาพวกเราทั้งสี่คน ต่อไปท่านจะเป็นตัวแทนเราทั้งสามคนตามหาเจ้านาย ท่านบอกกับเจ้านายว่าพวกเราสามไร้ประโยชน์ ไม่อาจปกป้องเจ้านายได้”
เจียนหารยี้ที่อยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยเสียใจ “ชีวหยูน เจ้ารีบไปเถอะ อย่าโง่เลย เจ้าสุ้กับพวกเขาไม่ได้ เจ้าเฒ่าสับปลับนั่นตั้งใจจะกำจัดเราทั้งสี่คน พวกเราสามคนไม่หวังมีชีวิตอยู่แล้ว แต่เจ้าต้องหนีไปให้รอด ไม่ต้องล้างแค้นแทนพวกข้า ตั้งใจหาเจ้านายต่อไป เจ้าจงจำเอาไว้ พวกเราทั้งสี่คนได้รับคำสั่งเพียงอย่างเดียวคือหาเจ้านาย”
ชีวหยูนพูด “แต่ว่า…แต่ว่าพวกเราหาเจ้านายมาหลายปีแล้วแต่ไม่พบ ตอนนี้จะไปเจ้านายที่ไหนกันเล่า”
เจียนหารยี้มองฮัวโหล่หยูนที่อยู่ด้านข้างค่อยๆฟื้นสติ หัวเราะด้วยความตกใจ “ฮัวโหล่หยูน แท้จริงแล้วในชีวิตข้า คนที่ข้าเกลียดที่สุดก็คือเจ้า”
ฮัวโหล่หยูนหันมาตอบรับ สีหน้าดีขึ้นมาบ้าง ฝืนยิ้ม “ฮึๆ เป็นพรหมลิขิตแท้ๆ”
“นึกไม่ถึงว่าตายแล้วยังมีเจ้าตามเป็นเพื่อน ชีวิตนี้ก็ไม่เสียใจ”
“ชีวิตนี้ก็ไม่เสียใจ จริงหรือ”
“ใช่ ไม่เสียใจ พูดออกมาง่าย พวกเรา…พวกเรายังหาเจ้านายไม่เจอเลยนะ” ดวงตาเย็นชาของเจียนหารยี้เปลี่ยนไปดูทรงเสน่ห์มากขึ้น
ฮัวโหล่หยูนกลับเจ็บหนัก “ขอแค่เจอเจ้านาย ข้าก็ตายตาหลับแล้ว แต่ว่า….แต่ว่า พวกเราหามาหลายปี ยังไม่ได้พบหน้าเจ้านายก็ตายเสียแล้ว”
หงจู่ก็พูด “พี่ชายทั้งสอง หงจู๋ขอบคุณมากที่พวกท่านดูแลมาหลายปี หลายปีนี้พวกเราอยู่เหมือนพี่น้องกัน ใช้ชีวิตมีความสุขยิ่งนัก แค่ตายไม่ได้พบหน้าเจ้านาย เป็นความเสียใจในห้วงท้ายของชีวิตโดยแท้”
ถางเปิ่นขุยกล่าวด้วยโกรธ “พวกเจ้ารำลึกความหลังอยู่ที่นี่ไปเถอะ ทหาร ข้าพวกเขาทิ้งให้หมด”
ซินเหยายิ้มเย็นชา “ช้าก่อน”
ถางเปิ่นขุยกล่าว “เจ้าจะทำอะไร เจ้าพูดจาไร้น้ำหนัก ข้าไม่เชื่อ รอให้เจ้าตายเสียก่อน ข้าจะหาวิธีสืบหาตัวตนของเจ้า ถึงเวลา กล่องเหล็กก็ไม่พ้นมือข้า ในแผ่นดินนี้ ไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่ได้มาครอง”
ซินเหยากล่าว “คนจะตายแล้ว ให้คุยกันสักหน่อยก็ได้”
ถางเปิ่นขุยกล่าว “เจ้ากำลังพูดอะไร”
ซินเหยาไม่สนใจเขา เดินก้าวเข้าไปด้านหน้า มองผู้พิทักษ์ทั้งสี่คนกอดกัน ในใจก็รู้สึกบอกไม่ถูก
สี่คนนี้น่าสงสาร
ทั้งสี่คนยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ต้องตามหาเจ้านายที่ไม่เคยเจอเพียงคนเดียวเพราะสาเหตุพิเศษบางอย่าง
ไม่เคยมีชีวิตเป็นของตัวเอง
ซินเหยาถอนหายใจ พวกเจ้าสี่คนตามหาเจ้านาย ที่มีตราสีดาวบังคับใต้เท้าใช่หรือไม่”
ชีวหยูนมองนาง “หรือว่าท่านชายหยาวรู้จักนายของพวกข้า ถ้าท่านชายยอกได้ แม้พวกข้าต้องตาย ก็ขอตายอย่างสงบ”
ซินเหยาพยักหน้า “ข้ารู้ว่าเป็นใคร”
ฮัวโหล่หยูนเผยความดีใจ พอดีใจแล้วก็รู้สึกเสียใจ “น่าเสียดาย น่าเสียดาย เราเจอนายแล้วแต่ไม่ได้เห็นหน้า”
ซินเหยากล่าว “ไม่ พวกเจ้าเคยเห็นนาง ก่อนเจ้าจะตาย เจ้าได้สมหวังแน่”