บทที่ 294 งามล้ำ1
โจว๋ปี้หลัวกล่าวอย่างผยองหน่อยๆ “ข้าชื่อโจว๋ปี้หลัว คุณหนูหกแห่งจวนอ๋องโจว๋”
ครั้นส้งชิงได้ยินว่าเป็นคนของจวนอ๋องโจว๋ จึงรีบเอ่ยคำอย่างสุภาพนอบน้อมทันใด “ที่แท้ก็เป็นคุณหนูหกแห่งจวนอ๋องโจว๋นี่เอง ไม่ทราบว่าคุณหนูหกมาสำนักชิงหลงดึกดื่นป่านนี้มีธุระอะไร”
โจว๋ปี้หลัวกล่าว “ข้ามาส่งจดหมาย”
ส้งชิงเอ่ย “มอบให้ท่านอาจารย์ข้าหรือ”
โจว๋ปี้หลัวกล่าวอย่างค่อนข้างดูแคลน “ใครรู้จักอาจารย์เจ้ากัน พวกคนหยาบน่าอดสูอย่างพวกเจ้า ไม่รู้จริงๆ ว่าในสมองของโจว๋ซินเหยากำลังคิดอะไรอยู่ อยู่จวนอ๋องโจว๋ดีๆ ไม่ชอบ ดันมาหมกมุ่นอยู่กับคนชั้นต่ำอย่างพวกเจ้า ช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัวจริงๆ”
ท่วงทีของนางเย่อหยิ่งและไร้มารยาทนิ่งนัก ท่าทางสูงสง่า ราวกับคนระดับสูง
องครักษ์ด้านข้างสองนายต่างพากันทนดูไม่ได้แล้ว
ส้งชิงเองก็รู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ แต่เมื่อนึกถึงว่านางเป็นพี่สาวแท้ๆ ของโจว๋ซินเหยา ก็ไม่พึงพอใจเท่าใดนัก แต่ก็ทำได้เพียงแสดงท่าทีเคารพนบนอบเท่านั้น
“คุณหนูหก อันที่จริงอาจารย์ของข้า ก็คือน้องสาวของท่าน โจว๋ซินเหยานั่นเอง”
“อะไรนะ นางถึงกับรับลูกศิษย์อย่างเจ้าเชียวหรือ”
“ลูกศิษย์อย่างข้าคนนี้ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก วรยุทธ์น้อยนิด ได้รับเกียรติจากท่านอาจารย์ แต่ว่า ข้าจะต้องไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังเป็นอันขาด”
“อัย โจว๋ซินเหยาช่างเป็นกาดำที่มิอาจเปลี่ยนเป็นหงส์ขาวได้เลยจริงๆ นางทำให้สายเลือดจวนอ๋องโจว๋ของพวกเราต้องหมองมัว นี่จดหมายฉบับนั้น เจ้าเอาไปให้นาง จำไว้ว่าจะต้องส่งให้นางกับมือ ข้าส่งจดหมายถึงที่แล้ว จะไปแล้ว”
โจว๋ปี้หลัวทิ้งจดหมายให้ส้งชิง แต่ว่าจู่ๆ ก็ฉุกคิดคำกำชับจากปากท่านปู่ขว่าจะต้องมือให้ซินเหยาเองกับมือ ดังนั้นจึงกล่าวอีก “ไม่ได้ นี่เป็นจดหมายลับของท่านปู่ข้าส่งมา เขาบอกว่าจะต้องส่งถึงมือซินเหยาเองกับมือ เจ้ารีบไปเรียกนางออกมาเร็วเข้าปะไร”
ส้งชิงเอ่ย “ตอนนี้ท่านอาจารย์ไม่อยู่ในจวน แต่นักบอดี้การ์ดทั้งสี่บอกว่านางน่าจะกลับมาในไม่ช้านี้ ไม่เช่นนั้น คุณหนูหกเข้าไปรอด้านในสักประเดี๋ยวดีหรือไม่”
“ก็คงต้องเป็นอย่างนี้เท่านั้นแหละ”
ส้งชิงหันไปสั่งองครักษ์ทันที “พวกเจ้ารีบนำคุณหนูหกไปที่ห้องของท่านอาจารย์ข้า”
ซินเหยาชำระล้างเครื่องสำอางมาตามทาง และคืนรูปลักษณ์เดิมของนางแล้วเรียบร้อย
นางบินกลับมาโวยระดับความเร็วอันว่องไว เสี่ยวป๋านติดตามอยู่ด้านหลังของนางอย่างใกล้ชิด ความเร็วนั้นถือว่าหายากในโลกใบนี้
“ในที่สุดก็กลับมาแล้ว”
ซินเหยาราวกับดาวตกดวงหนึ่งที่ตกลงไปในลานของสำนักชิงหลง
“ห้อง”
“ห้องข้าอยู่ที่ไหน”
ตอนนี้สีนภามืดค่ำมากแล้ว…
คนส่วนใหญ่ล้วนดำดิ่งสู่ห้วงนิทราลึกไปเป็นที่เรียบร้อย ทั้งสวนไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว ห้องปีกทางด้านทิศตะวันออกส่วนใหญ่ล้วนมืดสงัดไร้แสงไฟ…
“ห้องของข้าคือห้องไหนกันแน่”
ทันใดนั้นซินเหยาก็รู้สึกระทมเล็กน้อย นางถึงกับทำให้ตนเองจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าห้องอยู่ที่ไหน
และซินเหยาก็จำได้…
ดูเหมือนส้งชิงจะเคยพูดไว้ เพื่อให้ผู้หญิงอย่างนางเข้าออกได้สะดวก จึงจัดตำแหน่งให้ห้องของนางอยู่หลังสวนโดยเฉพาะ…
“ด้านหลัง”
“เสี่ยวป๋าน”
“พวกเราไปกัน”
ซินเหยาและเสี่ยวป๋าน มือเบาเท้าเบา พยายามไม่ส่งเสียงรบกวนคนอื่นสุดความสามารถ และพรวดไปทางด้านหลังสวน…
เมื่อมาถึงหลังสวน ห้องปีกยังคงมีอยู่จำนวนมาก
สรุปว่าเป็นห้องไหนกันแน่
ซินเหยามองเห็นห้องปีกห้องหนึ่งในนั้นมีไฟสว่างโร่อยู่…
มีคนยังไม่นอนหรือ
ไปถามดูก็รู้เอง
คนของสำนักชิงหลงน่าจะรู้ว่าห้องของอาจารย์อยู่ที่ไหน…
ซินเหยาพาเสี่ยวมายังหน้าประตูห้องปีกที่จุดไฟสว่างจ้า…
“ผู้ใด”
น้ำเสียงอันเย็นชาของเจี้ยนหารยีลอยออกมาจากด้านใน…
“ข้าเอง”
ซินเหยาเอ่ยตอย
ที่แท้ก็มิใช่คนของสำนักชิงหลง
เจี้ยนหารยีย่อมไม่รู้ห้องของนางแน่ๆ
“ข้าแค่ผ่านมา…” นางกำลังเตรียมจะจากไป
ทันใดนั้น น้ำเสียงของฮัวโหล่หยุนก็ดังลอยมาจากด้านในอีก “เจ้านาย ท่านเข้ามาเสียหน่อยเถิด พวกเรามีเรื่องอยากจะหารือกับเจ้านาย”
“แอ๊ด” ประตูเปิดออก ชีวหยุนเปิดประตูห้องออก
ซินเหยาในยามนี้ ได้กำจัดเครื่องปลอมแปลงอย่างง่ายบนใบหน้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรือนผมก็ปล่อยสยายลงมา กลับคืนสู่รูปลักษณ์ล่มเมืองอันงดงามดุจเทพธิดาดังเดิม…
“โอ้”
“งามแท้”
ชีวหยุนเบิกตาอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง…
ฮัวโหล่หยุนกล่าว “เจ้านาย เข้ามาเถิด”
“เฮ้อ ก็ได้”
ถึงแม้ในใจของซินเหยาจะค่อนข้างร้อนรน แต่ว่ายังคงลังเลอยู่เล็กน้อย จากนั้นจึงเดินเข้าไป
ครั้นนางปรากฎ อีกสามคนที่อยู่ในห้อง ต่างพากันตกตะลึง
ฮัวโหล่หยุนที่ชื่นชอบเข้าออกสถานเริงรมย์มากที่สุด สตรีสะคราญโฉมก็นับว่าเคยเห็นมาไม่น้อย ครานี้ได้เห็นซินเหยา กลับยิ่งตาค้างอย่างอัศจรรย์ พิศวงอย่างถึงที่สุด…
“ช่าง…เป็นสตรีที่งดงามหยาดเยิ้มยิ่งนัก”
“งามจนล่มบ้านล่มเมืองเชียวล่ะ”
“ในที่สุดตอนนี้ข้าก็รู้แล้วว่าเหตุใดข้ามักจะไม่มีผู้ชายมาชมชอบเลย”
“หงจู๋ ที่เจ้าไม่มีผู้ชายมาชอบเป็นเพราะเจ้าเหี้ยมเกินไปต่างหากเล่า”
“เจ้านาย…ท่านช่าง…ช่างงามเหลือเกิน ใช้คำว่างามมาพรรณนา นั่นมันคือการแปดเปื้อนความงดงามของท่านได้เลยเชียว”
คนทั้งสี่ต่างพากันมีสีหน้าพิศวง เบิกตากว้างอ้าปากค้าง…
ซินเหยากอดเสี่ยวป๋านเอาไว้ ก่อนกล่าว “พวกเจ้ามีเรื่องสำคัญอะไร รีบพูดมาหน่อยเถิด เวลาไม่รอท่าแล้ว พวกเจ้าต่างได้รับบาดเจ็บ ยังต้องพักผ่อนอยู่นะ”
ฉัวโหล่หยึนกล่าว “ขอบคุณเจ้านายมากที่เป็นห่วง”
เจี้ยนหารยีเอ่ย “อาการบาดเจ็บของพวกเราได้จัดการเสร็จแล้วเป็นที่เรียบร้อย ผู้ช่วยส้งไปเชิญท่านหมอด้วยตนเองแล้ว ทุกอย่างต่างไร้อุปสรรค”
หงจู๋เองก็เอ่ยคำอย่างตื้นตันยิ่งนัก “เจ้านาย ที่แท้ท่านก็เอาใจใส่พวกเราขนาดนี้เชียว