Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi – ตอนที่ 124

ตอนที่ 124

การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง (Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) – ตอนที่ 124
ด้วยการปรากฎตัวเหนือท้องฟ้าของวุมเม่ในรูปลักษณ์ของเกราว์, อัลก็ทำหน้างงงวยกับสถานการณ์ที่เขาเห็นเบื้องล่าง

“หืม? เกิดอะไรขึ้นที่นี่เนี่ย?”

อัล, ที่คิดว่าฟีเน่ตกอยู่ในอันตราย, ทำการออกค้นหาเธอในทันที

หลังจากนั้นไม่นาน, เขาก็เห็นเธอ

ด้วยขลุ่ยที่อยู่ในมือ, เธอได้ปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองตัวคนเดียว

“ตกใจเลยนะเนี่ย ข้ารีบมาที่นี่เพราะคิดว่าเจ้าตกอยู่ในอันตรายซะอีก”

“ท่านอัลคะ…..”

ฟีเน่เรียกอัลโดยไม่ลังเลเลยแม้ว่าเขาจะยังปลอมตัวเป็นเกราว์อยู่ก็ตาม

ด้วยเหตุผลบางอย่าง, ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะร้องไห้

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ได้โปรดเถอะค่ะ…..! ท่านลีโอกำลังจะตาย…..!”

“…..เซบาส”

“ครับ”

เมื่อเห็นสีหน้าของฟีเน่, อัลก็ตัดใจเรื่องการถามสถานการณ์จากเธอ

ดังนั้น, เขาจึงเรียกพ่อบ้านของเขาที่สามารถสรุปสถานการณ์ให้เขาได้”

“อธิบายมาหน่อยซิ”

“ครับ ดยุคครูเกอร์พัฒยาตัวนึงขึ้นมาโดยผสมเลือดของปีศาจกับแวมไพร์เข้าด้วยกันและขุนนางทางใต้ประมาณครึ่งนึงที่ถูกจับเป็นตัวประกันก็ถูกจับเปลี่ยนเป็นมอนส์เตอร์ที่เรียกว่าอสูร เจ้าอสูรพวกนี้มีความสามารถในการเปลี่ยนคนที่พวกมันกัดให้กลายเป็นอสูรเหมือนพวกมันได้และอัศวินประมาณพันคนในปราสาทก็ถูกแปรสภาพแล้ว ตอนนี้, พวกเราปิดตายปราสาทเอาไว้และกำลังอพยพผู้คนที่อยู่ในนั้นครับ”

“เข้าใจหล่ะ แล้วลีโอตัดสินใจยังไง?”

“….เขาวางแผนที่จะใช้เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่เพื่อชำระล้างเลือดปีศาจและช่วยทุกคนที่ถูกเปลี่ยนเป็นอสูรค่ะ….แต่ว่าความคืบหน้าในการร่ายเวทย์ได้หยุดลงไปตั้งแต่เมื่อครู่ก่อนแล้ว……”

ฟีเน่เข้ามาช่วยอธิบาย

พอมองไปที่เซบาส, เขาก็พยักหน้าให้ฉันเพื่อยืนยัน

เป็นการตัดสินใจที่สมกับเป็นลีโอหล่ะนะ, อัลคิด

ในสถานการณ์ที่ถึงแม้จะได้คะแนน 6 เต็ม 10 ก็น่าพอใจแล้ว, แต่ลีโอก็ยังเล็งที่จะทำให้ได้ 10 เต็ม 10 มันคือสิ่งที่ต้องทำให้ได้สำหรับเขาเมื่อมันมีชีวิตของมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง

เขาจะไม่มีวันยอมละทิ้งชีวิตของผู้คนและพยายามลดความเสียหายให้ใกล้เคียงกับศูนย์มากที่สุด นี่คือสิ่งที่ลีโอน่าจะตัดสินใจจริงๆ และมันก็คือสิ่งที่อัลประทับใจในตัวเขา

อย่างไรก็ตาม

“บ้าจังเลยนะเจ้านั่นหน่ะ….แค่ปิดเมืองเอาไว้แล้วออกคำสั่งไปให้ทหารชายแดนใต้ก็ได้แท้ๆ นี่กะจะช่วยทุกชีวิตเอาไว้ให้ได้เลยสินะ”

“มันเป็นแผนที่น่ายกย่องจริงๆค่ะ! แต่ว่า…..นั่นคงไม่พอสำหรับท่านลีโอหรอกค่ะ! ท่านอัล, ได้โปรดเถอะ, ท่านต้อง…….”

“ขอปฏิเสธ”

แค่คำๆเดียว

เมื่อได้ยินเช่นนี้จากอัล, ดวงตาของฟีเน่ก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

มีสายลมพัดแรงบนกำแพงเมือง

หลังจากที่ลมสงบลง, อัลก็พึมพำออกมา

“มันเป็นกฏของครอบครัว…..”

“กฏครอบครัวหรอคะ…..?”

“จงทำในสิ่งที่อยากทำแต่ต้องเป็นคนรับผิดชอบกับมันเอง นี่คือกฏครอบครัวของพวกเรา ลีโอตัดสินใจว่าการทำแบบนี้คือทางเลือกที่ดีกว่า มันอาจจะไม่ได้ดีที่สุดแต่ว่ามันคือการตัดสินใจที่สามารถช่วยชีวิตได้มากมาย ความไม่พอใจอาจจะปะทุขึ้นมาได้ถ้าไปฆ่าขุนนางทางใต้ และถ้าเลือกสละเมืองทิ้งไป, ความไม่พอใจก็อาจจะเกิดขึ้นจากประชาชน แม้จะเป็นเช่นนั้น, เขาก็จำเป็นต้องหยุดสงครามและปกป้องผู้คนให้ได้ แต่ว่าลีโอกลับโยนทุกอย่างทุกอย่างนั้นทิ้งไป…..เขาพยายามจะช่วยทุกสิ่ง นี่คือความรับผิดชอบที่เขาเลือกจะแบกรับ นี่เป็นปัญหาของลีโอ, เขาจะต้องหาทางจัดการมันด้วยตัวเอง”

“ต, แต่ว่า! จนถึงตอนนี้หน่ะ!”

“จนถึงตอนนี้ศัตรูที่ซิลเวอร์ช่วยเหลือลีโอนั้นเป็นพวกที่อยู่เกินเอื้อมมือของเขา แวมไพร์, มังกร, ปีศาจ, แต่ละตัวมันมากเกินกว่าที่มนุษย์จะจัดการไหวและจำเป็นต้องจัดการด้วยกำลังล้วนๆ แต่ว่าครั้งนี้มันต่างออกไป นี่คือสถานการณ์ที่ลีโอสามารถจัดการได้ถ้าเขาเตรียมใจที่จะเสียสละ ถ้าพวกอสูรมีความแข็งแกร่งมากเกินไปข้าก็สามารถใช้เวทมนตร์เป่าพวกมันทิ้งไปให้หมดได้แต่ด้วยศัตรูระดับนี้ลีโอน่าจะสามารถขังพวกมันเอาไว้ในเมืองนี้ได้อยู่แล้ว แต่ว่าในกรณีที่ทำเช่นนั้น…..นาร์เบ ริทเทอร์อาจจะต้องตายไปหลายคน, ซึ่งลีโอหันหลังให้สิ่งนั้นแล้วตัดสินใจเล็งผลลัพธ์ที่ดีกว่า เขาโยนมันทิ้งไปแล้วตัดสินใจเลือกผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่สามารถช่วยได้ทั้งศัตรูและพรรคพวก ช่วยทั้งหมดนี้ด้วยพลังของเขาเอง”

“แบบนั้นมัน….อาจจะเป็นเรื่องที่ผิดก็ได้คะ…..? ตอนนี้ท่านลีโอพยายามจะช่วยเหลือชีวิตมากมาย…..! เหมือนกับสิ่งที่ท่านอัลทำอยู่ยังไงหล่ะคะ!”

“นั่นมันเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว…..ฟีเน่ ข้ารู้ว่ามีชีวิตที่สามารถช่วยได้ด้วยการยื่นมือเข้าไปหาพวกเขาจากพื้นที่ปลอดภัยแต่ถ้าเจ้าอยากช่วยชีวิตให้ได้มากกว่าเดิมเจ้าก็ต้องเสี่ยงเข้าไปหาอันตราย ไม่ใช่แค่ชีวิตของคนที่ติดตามเขา, ตอนนี้ลีโอกำลังเตรียมช่วยเหลือทุกคนที่อยู่ที่นี่ นี่คือสาเหตุที่ทำไมการเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงของเจ้านั่นจึงเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว”

การเคลื่อนไหวเพื่อช่วยเหลือผู้คนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

ถ้าอยากช่วยเหลือพันชีวิต, ความเสี่ยงมันก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ในเมื่อเขาเอาชีวิตของผู้ติดตามของตัวเองมาเสี่ยงด้วย, มันก็เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องเสี่ยงชีวิตของตัวเองเหมือนกัน นี่คือสิ่งที่อัลคิด ถึงยังไง, ถ้าเขาทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น, เขาก็จะไม่มีวันชักนำผู้คนได้”

“…..ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ…..ตอนนี้ท่านลีโอกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังอยู่นะคะ! เขาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากท่านอัล! ได้โปรดเถอะค่ะ, ข้าขอร้องหล่ะ!”

ฟีเน่อ้อนวอนในขณะที่ก้มศรีษะลง

มันเป็นเพราะไม่มีอะไรที่เธอสามารถทำได้แล้ว

อย่างไรก็ตาม, ในการตอบสนองต่อคำวิ่งวอนนี้, อัลได้พูดออกมาอย่างโหดร้าย

“ฟีเน่….ข้าช่วยพวกเขาไม่ได้ ไม่มีเวทย์โบราณบทไหนที่สามารถชำระล้างปีศาจได้ ถึงยังไง, เวทย์ศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกสร้างขึ้นมาเมื่อ 500 ปีก่อนในตอนที่ราชาปีศาจปรากฎตัวขึ้น ซึ่งเวทย์โบราณนั้นมีตัวตนอยู่มาก่อนหน้านั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่จะไม่มีเวทย์แบบนั้น สิ่งเดียวที่ข้าสามารถทำได้ก็คือ…..การทำลายล้าง มันคือสิ่งที่ทั้งข้าและเจ้าทำไม่ได้ เจ้าอยากให้ข้าบอกให้ลีโอหยุดแล้วทำลายชีวิตที่เขาเลือกที่จะเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือหรอ?”

“ไม่ใช่นะคะ….ท่านอัลต้องมีซักทางสิ…..”

“ข้าไม่ได้มีพลังรอบด้านแบบนั้น เอาจริงๆข้าไม่ได้มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์สมัยใหม่เลยซักนิด ผลลัพธ์ที่ลีโอต้องการมีแค่ลีโอเท่านั้นที่ทำได้ เอาเถอะ, ต่อให้มีสิ่งที่ข้าทำได้อยู่, ข้าก็จะไม่ยุ่งด้วย แต่ว่า, มันคงจะไร้เหตุผลไปหน่อยสำหรับลีโอที่จะเอาชีวิตของผู้ติดตามของตัวเองมาเสี่ยงเพื่ออุดมคติของเขาดังนั้นข้าจะยื่นมือเข้าช่วยในตอนที่เวลามาถึงแต่ว่าตราบใดที่ลีโอกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถ, ข้าก็จะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวด้วย ถึงยังไง, นี่ก็เป็นปัญหาของลีโอ, มันคือความรับผิดชอบที่เจ้านั่นต้องแบกรับ”

“แต่ว่า….ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ….”

อัลมองฟีเน่แล้วยิ้มให้

น้ำตาเม็ดโตไหลออกมาจากดวงตาของฟีเน่

อัลยิ้มให้เธอในขณะที่ใช้มือขวาเช็ดมันออกไป

“ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรให้เศร้าหรอกหน่า”

“ข้าไม่ได้…..ร้องไห้….เพราะข้าเศร้าค่ะ….ข้าแค่รู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์อะไรเลย…..”

“นั่นยิ่งเป็นเหตุผลที่เจ้าไม่จำเป็นต้องร้องไห้นะ เจ้าทำสิ่งที่ตัวเองทำได้แล้ว ข้าก็ทำในสิ่งที่ข้าทำได้แล้ว และลีโอก็กำลังทำในสิ่งที่เขาทำได้ ถึงตอนนี้เขาจะทำมากไปหน่อยก็เถอะ….แต่ว่าแค่รอดูก็พอ, เจ้านั่นเป็นน้องชายของข้า ไม่ว่ากำแพงจะสูงแค่ไหน, เขาก็จะฝ่ามันไปได้”

ในตอนที่พูดจบ, อัลก็มองไปทางลีโอที่กำลังเพ่งสมาธิไปที่เวทมนตร์ของเขา

บางทีเขาน่าจะมีพลังเวทย์ไม่พอที่จะร่ายมัน, เขายังไม่ได้เริ่มท่องคำร่ายด้วยซ้ำ ซึ่งการที่หยุดร่ายนั้นมันเป็นเรื่องพื้นฐานในกรณีที่พลังเวทย์ไม่พออยู่แล้ว เพราะถ้าเขาไม่หยุดมันก็จะอันตรายต่อชีวิตของเขาอย่างแน่นอน

“ท่านจะเชื่อใจเขามันก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับแต่นั่นก็ยังไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาตกอยู่ในอันตรายนะครับ”

“ถ้าเขาตายมันก็แค่นั้น แต่ว่า…..น้องชายของข้าไม่ตายหรอก”

“ท่านลีโอนาร์ดเองก็คงลำบากเหมือนกันนะครับ, ครอบครัวที่สนิทที่สุดคาดหวังในตัวเขาถึงขนาดนี้”

“แน่นอนสิ ข้ารู้ว่าเจ้านั่นยอดเยี่ยมแค่ไหน”

“แต่มันก็เป็นจุดอ่อนเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ?”

“เห้อ…..ข้าก็คิดงั้น เอาเถอะ, ข้าควรให้กำลังใจเจ้านั่นให้เหมือนกับพี่ชายที่แสนดีสินะ”

ในตอนที่พูดจบ, อัลก็สูดหายใจเข้าอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็เริ่มพูดอย่างช้าๆ

“ลีโอ….ได้ยินไหม?”

“อึ้ก, อั้กก!!”

ลีโอรู้สึกได้ว่าพลังถูกดูดออกไปจากร่างของเขา

ความรู้สึกที่เหมือนกับเลือดกำลังไหลอยู่ตลอดเวลานั้นทำให้มันเป็นเรื่องยากที่เขาจะคุมสติเอาไว้ได้

ลีโอก้มหน้าลงด้วยเสียงหอบในขณะที่มีเหงื่อไหลพราก

อีกแค่นิดเดียว, เขารู้สึกจริงๆว่ามันเหลืออีกแค่นิดเดียวก็จะสำเร็จแล้ว

มันอาจจะไม่สำเร็จก็ได้, เขาหยุดซะตอนนี้มันอาจจะดีกว่า

ความคิดอ่อนแอพวกนี้ผุดขึ้นมาในหัวเขาและจิตใจของเขาก็หวั่นไหว

ในตอนนั้นเอง, เสียงนึงก็ดั้งก้องในหัวของลีโอ

[[ลีโอ….ได้ยินไหม?]]

“ท, ท่าน….พี่หรอ…?”

ลีโอคิดว่ามันคือภาพหลอน

ภาพหลอนที่เกิดขึ้นเพราะจิตใจที่อ่อนแอของเขา

ลีโอรู้สึกเสียใจที่เขาดึงดันจนมาถึงจุดนี้ แม้ว่าเขาจะตัดสินใจช่วยเหลือทุกคน, แต่เขาก็ล้มเหลวตั้งแต่ขั้นแรกและตอนนี้เขาก็เริ่มเห็นภาพหลอน

อย่างไรก็ตาม, ภาพหลอนนี้ได้ดึงเขากลับมาสู่ความเป็นจริง

[[เป็นอะไรไป? ทำไมก้มหน้าแบบนั้นหล่ะ, บนพื้นมีอะไรสนุกๆอยู่รึไง?]]

“แฮ่ก แฮ่ก….ท่านพี่เข้มงวดจังเลยนะครับ……”

[[ก็ข้าเป็นพี่ชายของเจ้านี่ นี่คือสาเหตุที่เจ้าฝืนตัวเองขนาดนี้แม้ว่าคนรอบตัวเจ้าพยายามจะห้ามเจ้าไม่ใช่รึไง? ไม่ว่าพวกเขาจะเตือนเจ้าแค่ไหนคำพูดเดียวที่เจ้าคิดได้ก็คือ ‘แล้วไงหล่ะ’ ใช่ไหม? เจ้าไม่อยากเสียใครไป ข้าคิดผิดรึเปล่าหล่ะ?]]

“ข้าสู้ท่านพี่ไม่ได้จริงๆ……”

ภาพหลอนเข้ามาในรูปแบบเสียงของพี่ชาย

ลีโอยิ้มให้กับสถานการณ์นี้ อย่างไรก็ตาม, ตอนนี้เขาฟื้นสภาพจิตใจกลับมาถึงจุดที่สามารถยิ้มออกมาได้แล้ว ว่าแต่ได้ยังไงกันนะ?

มันเป็นเพราะเขาได้ยินเสียงของอัล

[[การตัดสินใจของเจ้ามันเข้าขั้นบ้าจริงๆ เลือกวิธีที่ง่ายกว่าเพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้นบ้างเถอะ เจ้าไม่ต้องกะทำคะแนนเต็มทุกเรื่องก็ได้ การรู้ว่าควรยอมแพ้เมื่อไหร่มันก็สำคัญเหมือนกันนะ]]

“จะ, จะลองดูแล้วกันครับ…..”

[[แต่ว่า, นี่เป็นสิ่งที่เจ้าตัดสินใจแล้วใช่ไหมหล่ะ? ถ้างั้นก็อย่ายอมแพ้ ไม่ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหน, ก็จงกัดฟันทนกับมันซะ เจ้าดึงคนมากมายมาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ตอนนี้เจ้าไม่มีสิทธิยอมแพ้นะ]]

“….นั่นก็จริงอยู่….แต่ว่า…..พลังเวทย์ของข้าหน่ะ…..”

ความรู้สึกของเขาค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ตาม, ปัญหาของเขายังไม่ได้รับการแก้ไขเลย

เขามีพลังเวทย์ไม่พอและไม่สามารถร่ายเวทย์ได้

อย่างไรก็ตาม, ภาพหลอนไม่ได้ทนกับข้ออ้างนั้น

[[ไม่มี ‘แต่’ อะไรทั้งนั้น นี่ไม่ใช่คำถามว่าเจ้าทำได้ไหม เพราะ ‘เจ้ากำลังทำมันอยู่’ ยังไงหล่ะ มีเวทมนตร์ไม่พอสินะ? เจ้าได้รีดมันออกมาจากทุกส่วนในร่างกายรึยัง? เจ้ายังมีแรงพูดอยู่นี่ จิตของเจ้าอาจจะคิดว่ามันถึงขีดจำกัดแล้วแต่จริงๆมันไม่ใช่เลย ถ้าเจ้าคือคนที่ตัดสินใจว่าจะช่วยเหลือทุกคนก็จงก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นซะ!]]

เสียงที่ไม่ยอมยกโทษให้ความมุ่งมั่นครึ่งๆกลางๆได้ต้อนลีโอจนมุม

อย่างไรก็ตาม, ทุกครั้งที่เขาได้ยินเสียงนั้น, พลังก็กลับมาในร่างของลีโอ

เหมือนกับเห็นด้วยกับเสียงนั้น, ไฟได้ถูกจุดในตัวเขาอีกครั้ง

เขายังไม่ได้กระอักเลือกออกมาเลย เขายังยืนไหวอยู่ เขายังทำได้มากกว่านี้

ลีโอตระหนักได้ว่าเขาทำตัวอ่อนหัดเกินไปและเริ่มปล่อยพลังเวทย์ออกมาด้วยความตั้งใจว่าจะผลาญมันให้หมดจากทุกส่วนในร่างกายของเขา

[[บางคนอาจปฏิเสธการตัดสินใจของเจ้า, แล้วบอกว่ามันเพ้อฝันเกินไป บางคนอาจหัวเราะเยาะเจ้า แน่นอนว่า, มันอาจจะเป็นการตัดสินใจที่ถ้าถามคนหนึ่งร้อยคน, ก็อาจจะไม่มีคนตัดสินใจทำก็ได้ แต่เจ้าคือคนที่ 101 ที่จะทำ มีแค่คนแบบนี้ที่สามารถสร้างปาฎิหารย์ได้ มันไม่สำคัญว่าพวกเขาจะปฏิเสธหรือหัวเราะเยาะเจ้ายังไง, จงปิดปากพวกเขาด้วยผลลัพธ์ซะ!]]

“อืม….นั่นสินะครับ….ข้าจะช่วยทุกคน….นี่คือสิ่งที่ข้าตัดสินใจไปแล้ว…..!!”

[[ดี! เอาหล่ะ, ตอนนี้มองไปข้างหน้าซะ คนที่เจ้าอยากช่วยและพวกที่กำลังรอให้เจ้าช่วยไม่ได้อยู่ใต้เท้าเจ้านะ]]

ลีโอค่อยๆมองไปข้างหน้า

ห่างออกไปไม่ไกล, นาร์เบ ริทเทอร์กับอัศวินกำลังต่อสู้กับตัวล้มเหลว และไกลออกไปกว่านั้นก็คืออสูรที่กำลังมองตรงมาจากปราสาท

ดวงตาสีขาวและการสั่นไหวของดวงตาของพวกมันนั้นไม่ปกติและชวนให้คิดว่าพวกมันหมดทางช่วยแล้ว

แต่, ในความคิดของลีโอ ถ้าตัดใจที่จะช่วยก็จะช่วยเหลือใครไม่ได้เลย ถ้าไม่ใช้ความพยายามก็จะไม่มีใครได้รับความช่วยเหลือ

เพราะข้าไร้พลังหรอ? หรือเพราะว่าข้าอ่อนแอ? เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เหตุผลให้ถอดใจ

เขาต้องเอาชนะมัน นี่คือแก่นแท้ของสาเหตุที่เขามาที่นี่

เขาจะช่วยพวกเขาเพราะเขาอยากช่วย ต่อให้ทุกคนบอกว่าพวกเขาหมดทางช่วยเหลือแล้ว, เขาก็จะช่วยพวกเขา

เขาอยากกลายเป็นคนที่สามารถพูดแบบนั้นได้ เขาปราถนาที่จะเป็นเช่นนั้น

ตอนนี้, คุณค่าที่แท้จริงของลีโอกำลังถูกทดสอบ

“ข้า….ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยพวกเขา….เพื่อหยุดสงคราม….ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือทุกคน…..!”

รูปลักษณ์ของอสูรได้มอบความแข็งแกร่งให้เขา

มันผลักดันเขาให้ช่วยเหลือพวกมัน

ด้วยการฝืนตัวเอง, เลือดก็ตีขึ้นมาที่คอหอยของเขา แต่ลีโอก็กลืนมันกลับไป

เขาไม่สามารถแสดงท่าทีน่าสมเพชที่นี่ได้ เขาต้องดูกล้าหาญ, และเพียบพร้อม

นี่คือสิ่งที่ควรเป็นสำหรับคนที่อยากขึ้นเป็นจักรพรรดิ

ถ้าเขาทำไม่ได้ตั้งแต่ตอนนี้, เขาก็จะไม่สามารถทำมันได้ในอนาคต

“ข้า….ข้าจะกลายเป็นจักรพรรดิที่สามารถช่วยเหลือผู้คนได้…..!! ข้าจะช่วยคนที่กำลังล้มอยู่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม! ต่อให้มีคนบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้….แต่คนที่ไม่สามารถไล่ตามอุดมคติของตัวเองได้นั้นไม่มีทางขึ้นเป็นจักรพรรดิได้หรอก!”

[[อา….เจ้าจะได้เป็นแน่ เจ้าคือน้องชายที่น่าภาคภูมิใจของข้า ไม่ต้องห่วงเรื่องที่เหลือหรอก จดจ่ออยู่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเจ้าซะ ถ้าเจ้าดึงทุกอย่างที่เจ้าสามารถดึงได้ออกมาแล้วข้าก็จะหาทางทำอะไรซักอย่างกับมันเอง—ถึงยังไงข้าก็เป็นพี่ชายของเจ้า]]

“ครับ…..!!”

ในตอนนั้นเอง, ลีโอก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขาถูกดันหลัง

ด้วยพลังที่เขาได้รับมา, ลีโอก็ผสานมือเข้าด้วยกัน

เขากัดฟันบีบพลังเวทย์ทั้งหมดให้เป็นเวทมนตร์

จากนั้น, แสงสีทองก็เริ่มเปล่งออกมารอบตัวลีโอ

[[แสงแห่งการกอบกู้ไหลรินลงมาจากสวรรค์—]]

เขาเริ่มคำร่ายแล้ว

เมื่อเห็นแบบนี้ อัลก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ

“เห็นไหมหล่ะ?, ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก”

“ที่นี่คนที่ไม่กังวลก็มีแค่ท่านอาร์โนลด์เท่านั้นแหล่ะค่ะ”

ฟีเน่ใช้สองมือปิดหน้าของตัวเองด้วยความโล่งอก

ในขณะที่กำลังลูบศรีษะของฟีเน่ในสภาพนี้, อัลก็มองไปรอบๆอย่างช้าๆ

“ดูเหมือนว่าจะมีหนูซุ่มอยู่แถวนี้สินะ”

“บางทีน่าจะเป็นพวกจากองค์กร”

“พวกนั้นน่าจะวางแผนขัดขวางลีโอสินะ”

อัลพูดแล้วแสยะยิ้ม

ฉันบอกให้เขาไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น

เขาก็เลยจดจ่อแค่กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

และเพื่อรักษาคำพูดที่ให้ไว้, อัลจึงออกเคลื่อนไหว

“ขอฝากฟีเน่ด้วยนะ, เซบาส”

“ครับ”

“ท่านอัล!”

“รออยู่นี่แหล่ะ ข้าจะไปจัดการเรื่องนี้เอง”

อัลพูดออกมาเช่นนั้นแล้วเคลื่อนย้ายออกไป

เพื่อปกป้องน้องชายของเขา

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi

Status: Ongoing

ชื่อเรื่อง: การต่อสู้ชิงบัลลังก์ในเงามืดของเจ้าชายไร้ค่าสุดแกร่ง ชื่อ ENG: The Strongest Dull Prince Battle For The Throne ชื่อ JPN: 最強出がらし王子の暗躍帝位争い(Saikyou Degarashi Ouji no An’ yaku Teii Arasoi ) ชื่อผู้แต่ง: Tamba ผู้แปล ENG: GRAVEROBBERTL ผู้แปลไทย: HouRen Fanpage ผู้แปลไทย: Hou Ren Fanpage เรื่องย่อ จักวรรดิอาเดรเชียในทวีปโฟเกล ที่นั่นมีการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์ของจักวรรดิ์ที่ครอบครองทั้งกำลังทหารที่แข็งแกร่งและแผ่นดินที่กว้างขวาง   ด้วยความที่ยังไม่มีใครได้รับเลือกเป็นผู้สืบทอดบัลลังก์, เหล่าบุตรของจักรพรรดิจึงกำลังจ้องที่จะขยายอำนาจของพวกเขา อย่างไรก็ตาม, มีเจ้าชายอยู่องค์นึงที่ทุกคนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาจะไม่ได้เป็นจักรพรรดิ์อย่างแน่นอน   ซึ่งเจ้าชายองค์นั้นก็คือเจ้าชายลำดับที่เจ็ด, อาร์โนลด์ เลคส์ แอดเลอร์ ชายหนุ่มผู้ที่ด้อยกว่าน้องชายฝาแฝดของเขาในทุกๆด้าน, เจ้าชายไร้ค่า   ไร้ความสามารและเฉื่อยชา, อาร์โนลด์ได้ใช้ชีวิตแต่ละวันไปกับการเที่ยวเล่น อย่างไรก็ตาม, เบื้องหลังนั้น, เขาคือนักผจญภัยที่ชื่อว่า ซิลเวอร์, หนึ่งในนักผจญภัยแรงค์ SS ที่มีอยู่เพียง 5 คนเท่านั้น   พอเห็นความรุนแรงของการต่อสู้ชิงบัลลังก์แล้วเขาก็ตัดสินใจว่า [ฉันไม่อยากตายเพราะงั้นฉันจะทำให้น้องชายของฉันได้เป็นจักพรรดิ….]   นี่คือเรื่องราวเกี่ยวกับการวางแผนบ้าๆบอๆของเจ้าชายผู้ซึ่งไม่สนใจในตำแหน่งจักพรรดิ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท