บทที่ 295 งามล้ำ2
เข้าใจผิด…
นี่คือการเข้าใจผิดอันยิ่งใหญ่มหันต์
ซินเหยาแอบพูดในใจ
อันที่จริงนางเพียงแค่หาข้ออ้างในการรีบหนีออกจากที่นี่ต่างหาก จะได้ไปหากล่องกองฉุกเฉินพิเศษกล่องที่สองก็เท่านั้นเอง
นั่นจึงจะเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญที่สุด
คิดไม่ถึงว่าถ้อยคำที่นางเอ่ยออกไปส่งเดชหนึ่งประโยคนั้น สำหรับคนทั้งสี่แล้ว กลับเป็นการตื้นตันใจและสำคัญเพียงนั้น…
“เอาล่ะ พวกเจ้ามีเรื่องอะไรกันแน่”
ซินเหยารู้สึกว่าตนเองทำเกินไปหน่อย อย่างไรเสียพวกเขาทั้งสี่ก็มีจิตใจจงรักภักดีจริงๆ นางควรจะอดทนอดกลั้นมากกว่านี้หน่อย ถึงอย่างไรกล่องเซิ้นก็อยู่ในห้องของนางเอง รออีกประเดี๋ยวก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
หรือว่ากล่องเซิ้นที่สองมันงอกปีกและบินหนีไปได้เองกระนั้นเชียว
หรืออาจจะมีบางคนบุกไปในห้องโถงใหญ่ของสำนักหลักชิงหลงทะลุไปขโมยกล่องเซิ้นในห้องของอาจารย์แล้ว
อีกสามคนล้วนมองทางฮัวโหล่หยุน เห็นได้ชัดว่าอยากให้เขาเป็นตัวแทน
ซินเหยาเห็นท่าทางของพวกเขา ก็รู้ว่าสิ่งที่ต้องพูดนั้นเป็นอะไรบางอย่างที่ยากจะเอ่ยออกปาก
ซินเหยากล่าว “พวกเจ้ามีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เถิด อย่าจริงจังนัก”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ยวาจา “เจ้านาย อันที่จริง พวกเรามีเรื่องจะขอร้อง ต้องการความยินยอมจากเจ้านาย”
ซินเหยาเอ่ย “ว่ามา”
ฮัวโหล่หยุนพูด “พวกเราไม่กี่คนล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งยอดฝีมือทั่วยุทธภพจำนวนมากตามฆ่าพวกเราอยู่ ดังนั้น พวกเราไม่กี่คนนี้อยากขอร้องเจ้านายให้พวกเราอยู่ในสำนักชิงหลงต่อ”
ซินเหยาเอ่ย “จะอยู่สำนักชิงหลงต่อได้หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับข้า ส้งชิงจึงจะเป็นผู้ช่วยของสำนักชิงหลง”
ฮัวโหล่หยุนพูด “แต่เขาเป็นแค่ลูกศิษย์ของอาจารย์อย่างท่าน”
ซินเหยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนกล่าว “พวกเจ้ารู้แล้ว? ในเมื่อพวกเจ้ารู้ความสัมพันธ์ของข้ากับส้งชิงแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าน่าจะรู้ ข้าเป็นอาจารย์ของส้งชิง แต่ว่าเรื่องของสำนักชิงหลง แต่ไรมาข้าไม่เคยยื่นมือเข้าแทรก สำนักชิงหลงนี้กับข้าอันที่จริงก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน”
ฮัวโหล่หยุนกล่าว “แต่ว่า ขอเพียงเจ้านายเอ่ยสักประโยค ส้งชิงก็น่าจะตกลง”
จู่ๆ เจี้ยนหารยีโพล่งออกมาหนึ่งประโยค “สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่มีถ้อยประโยคนั้นจากเจ้านาย ส้งชิงไม่กล้าตอบตกลง ถ้าหากมีถ้อยประโยคจากเจ้านาย ส้งชิงคงไม่กล้าไม่ตกลง”
หงจู๋เอ่ย “หากว่าเจ้านายเห็นชอบ เขากล้าไม่ตกลงละก็ สำนักชิงหลงของเขานี้ พวกเรานักบอดี้การ์ดทั้งสี่จะช่วยเขาโค่นลงมาเอง”
ซินเหยาเอ่ยอย่างค่อนข้างจนปัญญา “ดูท่าพวกเจ้าสี่คนได้หารือกันมาเรียบร้อยแล้วว่าจะบีบบังคับข้า”
ฮัวโหล่หยุนกล่าวอย่างหวาดผวา “เจ้านาย พวกเราไม่ได้หมายความว่าอย่างนี้เด็ดขาด”
ซินเหยาโบกมือ ก่อนเอ่ย “เอาล่ะ พวกเจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร พวกเจ้าก็รักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่นี่ต่ออย่างสงบใจเถิด อย่าได้คิดว่าข้าไม่รู้ว่าในใจของพวกเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เพียงแต่พวกเจ้าไม่กี่คนได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าออกไปแล้วถูกคนฆ่าตายก็เท่านั้น เรื่องราวทุกอย่าง รออาการบาดเจ็บของพวกเจ้าดีขึ้นแล้วค่อยว่ากันเถิด”
ฮัวโหล่หยุนกล่าว “ขอบคุณเจ้านายมาก”
เดิมทีซินเหยาตัดสินใจแล้วว่าจะไป จู่ๆ ก็ฉุกคิดหนึ่งคำถามขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถาม “พวกเจ้าไม่กี่คน อยู่ในร้านจี้โม่ตลอด เคยได้ยินเรื่องของกล่องเซิ้นที่สองบ้างหรือไม่”
บางที…
โอหยางซิงเฉินไม่เคยได้ยินเรื่องของกล่องเซิ้นที่สอง…
แต่ว่านักบอดี้การ์ดทั้งสี่น่าจะพอรู้เรื่องกล่องเซิ้นที่สองอยู่บ้าง…
ฮัวโหล่หยุนส่ายหน้า ก่อนกล่าว “พวกเราเป็นเพียงแค่นักบอดี้การ์ดของร้านจี้โม่ก็เท่านั้น มีหน้าที่เพียงรับผิดชอบความปลอดภัยของร้านจี้โม่ ต่อมาเฉิงเสี้ยงมาหาพวกเรา บอกว่าสามารถช่วยพวกเราตามหาเจ้านาย อยากให้พวกเราสี่คนช่วยเหลือเขา…”
ซินเหยาเอ่ยถาม “ช่วยเหลือเขาในการช่วงชิงกล่องเซิ้นที่สอง”
ฮัวโหล่หยุนส่ายหน้า ก่อนเอ่ย “เขาไม่ได้บอกว่าทำอะไร แต่เห็นได้ชัด จุดประสงค์ของเขาไม่ได้มีเพียงแค่กล่องเซิ้นที่สองเท่านั้น หรือพูดอีกอย่างคือ เป้าหมายหลักของเขาไม่ใช่กล่องเซิ้นที่สอง”
ซินเหยากล่าว “จะแน่ใจได้อย่างไร”
ฮัวโหล่หยุนมองเจี้ยนหารยีที่อยู่ด้านข้าง พลางเอ่ย “เจี้ยนหารยีค่อนข้างสงบเรื่อยมา มองปัญหาทะลุปรุโปร่ง ให้เขาเป็นคนพูดเถิด”
ซินเหยาเอ่ย “เจี้ยนหารยี เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร”
เจี้ยนหารยีเอ่ยกล่าว “ถางเปิ่นขุยจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นี้ ย่อมไม่อาจบอกพวกเราเรื่องเป้าหมายของเขาอย่างแน่นอน แรกเริ่มพวกเราเองก็เข้าใจว่าจุดประสงค์ของเขาคือกล่องเซิ้นที่สอง ทว่าต่อมา…หลังจากที่เขาพามือสังหารลักลอบบุกเข้าไปในร้านจี้โม่ เรื่องแรกกลับไม่ใช่ช่วงชิงกล่องเซิ้นที่สอง อีกอย่างหลังจากที่เขาแย่งกล่องเซิ้นที่สองไปแล้ว ก็มิได้รีบหนีออกไปแต่อย่างใด”
ซินเหยาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตอนนั้นนางและโจว๋หยุนถิงอยู่ใต้คุกใต้น้ำด้วยกัน
เจี้ยนหารยีเอ่ยต่อไป “ตอนนั้นคำสั่งแรกที่เขาบัญชาคืออะไร พวกเจ้ายังจำได้หรือไม่”
ฮัวโหล่หยุนครุ่นคิด พลางเอ่ย “เขาให้ทหารมรณะชุดดำจับคนบนชั้นสองและชั้นสามเอาไว้”
เจี้ยนหารยีพยักหน้า เอ่ยคำ “ใช่ มันชัดเจนมาก สิ่งที่เขาใส่ใจมากที่สุดไม่ใช่สมบัติ หากแต่เป็นแขกชั้นสองและชั้นสาม ในทางกลับกัน แขกชั้นหนึ่งเขาไม่ปรายตามองสักนิด ไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย”
ฮัวโหล่หยุนกล่าวคำ “ชั้นสอง ชั้นสามล้วนเป็นห้องปีกสำหรับแขกพิเศษของร้านจี้โม่ แขกที่สามารถเข้าไปพักที่ชั้นสองและชี้นสามได้ ล้วนเป็นผู้ที่มีศักดิ์โดดเด่นและสถานะสูง…”
เจี้ยนหารยีพูด “ถูกต้อง เห็นได้ชัดว่าเขาไปเพื่อใครสักคน”
หงจู๋เอ่ยอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก “แต่ว่าเขาเป็นเฉิงเสี้ยงสูงศักดิ์ ยังมีบุคคลใดที่ควรคู่ให้เขาทำการใหญ่ได้เยี่ยงนี้กันเล่า”
ชีวหยุนกล่าวว่า “เขานำทัพลูกน้องทหารมรณะมาด้วยตนเอง ยอมรุกรานร้านจี้โม่และยอดฝีมือทั่วยุทธภพที่ยากจะประมือ แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้จะต้องสำคัญกับเขามากยิ่งนัก”
หลังจากซินเหยาฟังคำวิเคราะห์ของพวกเราสักพัก จึงเอ่ยวาจา “ถางเปิ่นขุยจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ผู้นี้ คนที่เขาจงเกลียดจงชังมากที่สุดในชีวิตก็คือคนของจวนอ๋องโจว๋ ส่วนคนที่เขากลัวมากที่สุดก็ย่อมเป็นฮ่องเต้อำมหิตเป็นธรรมดา”
จวนอ๋องโจว๋?
ฮ่องเต้อำมหิต?
ทันใดนั้นซินเหยาก็มีความรู้สึกไม่ค่อยสงบนิ่ง
จู่ๆ เจี้ยนหารยีก็นึกหนึ่งคำถามขึ้นมาได้ และพูดว่า “วันนั้นบนชั้นสาม มียอดฝีมือลึกลับระดับปรมาจารย์คนหนึ่ง ก็แม้แต่เล๋ยถิงพีลี่ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ต่อมาถางเปิ่นขุยยังคาดเดาว่าเขาอาจจะเป็นยอดฝีมือขั้นเก้าท่านหนึ่ง…