บทที่ 300 วิธีเผด็จการ1
ถ้าหากราชสำนักควักเงินเพื่อสร้างผังเมืองให้แก่แคว้นเหอถู ให้ประชาชนทั่วไปเข้าไปใช้ชีวิตอยู่ในเมือง หลังจากที่มีที่อยู่อาศัยมั่นคง ชีวิตของประชาชนก็จะมั่นคงผาสุกเป็นแน่แท้ ไม่ต้องร่อนเร่ทั่วสารทิศ…
แต่ในขณะเดียวกันนั้นความได้เปรียบทางกองกำลังทหารของแคว้นเหอถูก็ต้องมลายหายไปเช่นเดียวกัน
การกระทำเยี่ยงนี้ของฮ่องเต้อำมหิตก็เท่ากับลดทอนความเสี่ยงด้านพลังของแคว้นเหอถูต่อราชสำนัก
สิบล้านตำลึงเช่นนี้ ยังไม่สู้ขอเพียงห้าล้านตำลึงเลยด้วยซ้ำ
ทว่าสามารถสั่งซื้ออาชาศึกและอาวุธทางทหารได้อย่างเพียงพอ เพิ่มความแข็งแกร่งทางการทหารโดยตรงเลยเชียว
เวลานี้ ฮ่องเต้เหอถูแอบนึกย้อนเสียใจ แต่ก็ไร้ประโยชน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในระหว่างการเจรจาที่แต่เดิมเป็นฝ่ายได้เปรียบนั้น ฮ่องเต้เหอถูสูญเสียข้อได้เปรียบไปโดยสิ้นเชิง
ไม่ได้รับการเวนคืนที่ดินสักส่วน
ค่าชดเชยทางการทหารที่ใช้ในการโจมตีอ๋องถู่ซือก็กลายเป็นเนื้อติดซี่โครงไก่ไปเสียได้
ราชสำนักจ่ายเงินเพียงสิบล้านตำลึง ไม่ต้องเปลืองพลทหารสักนาย ไม่เพียงแต่สยบการกบฏของอ๋องถู่ซื่อ ยิ่งเพิ่มพูนการควบคุมความแข็งแกร่งของแคว้นเหอถู กำจัดภัยคุกคามที่จะเป็นความวุ่นวายของแคว้นเหอถูในอนาคตได้อีกด้วย
ฮ่องเต้พระองค์นี้
ระหว่างความเยือกเย็น บรรลุชัยชนะมาแล้วพันลี้
ถึงแม้ฮ่องเต้เหอถูจะปวดใจ และชิงชัง…
แต่ว่ากลับต้องชื่นชมวิธีเผด็จการของฮ่องเต้เหอถูอย่างเสียมิได้
ดูท่า…
ยอดฝีมือขั้นเก้าผู้หนึ่ง สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่ก่อให้เกิดผลกระทบกองกำลังอันยิ่งใหญ่ใต้หล้าดุจดั่งผีเสื้อขยับปีกก็ไม่ปาน ทำให้ใต้หล้าเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ขึ้น
ถ้าหากฮ่องเต้เหอถูรู้สิ่งที่เรียกว่าผีเสื้อขยับปีกคืออะไรแล้วละก็
เขาเองก็ไม่คงอาจปวดใจต่อการชดเชยที่ดินเหล่านี้แล้ว
เขาจะปลาบปลื้มที่ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการไว้วางใจของฮ่องเต้อำมหิต
อย่างน้อย บุตรีของเขาก็ได้เป็นฮองเฮา…
จากนี้ไปขอเพียงแคว้นเหอถูยังคงสงบสุข และจัดการปกครองชนเผ่าสำคัญและรัฐข้าราชบริพารแทนราชสำนักเป็นอย่างดี…
ราชสำนักเองก็จะปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเยี่ยม
ฮ่องเต้เหอถูถอยกลับมาคิดหนึ่งก้าว และทันใดนั้นก็ร่าเริงเบิกบานใจขึ้น
อย่างไรเสียเขาก็มิได้สูญเสียอะไรเลย
อย่างน้อยๆ ตัวเขาเองก็ได้เป็นอ๋องถู่ซือ
ธิดาของเขาก็ได้ขึ้นเป็นฮองเฮา
เขาลิดรอนความทะเยอทะยานในความตั้งใจเดิม และจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ละก็ จากนี้ไปก็จะเป็นผู้ที่ฮ่องเต้ไว้วางใจที่สุดและเป็นคนสำคัญที่สุด
ฮ่องเต้ที่เยาว์วัยเยี่ยงนี้กลับครอบครองวิทยายุทธ์ของยอดฝีมือขั้นเก้า จัดการกับจวนเฉิงเสี้ยง ทำให้แนวชายแดนคงที่โดยไม่ต้องสิ้นเปลืองความพยายามใดๆ…ดูจากกลิ่นอายจิตวิญญาณเช่นนี้แล้ว ไม่ถึงสามปีห้าปี เขาจึงต้องแทะเล็มจวนอ๋องโจว๋ทีละขั้นๆ สุดท้ายก็จะทำลายตระกูลป๋ายให้สิ้นซาก
รวบรวมใต้หล้า
จนกลายเป็นจักรพรรดิสูงสุดไร้ผู้เหนือกว่าที่สันโดษใต้หล้าอย่างแท้จริง
ฮ่องเต้เหอถูดูเหมือนว่าจะมองเห็นสง่าราศีของฮ่องเต้อำมหิตในอนาคต
เขาแอบปลาบปลื้มอย่างลับๆ ที่ตนเองมิได้ยืนอยู่ผิดฝั่ง
ถึงแม้ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีการสูญเสียอย่างหนัก…
แต่ว่าวันข้างหน้าเขาจะได้รับประโยชน์มากมายมหาศาลด้วยประการฉะนี้แล
ฮ่องเต้เหอถูขจัดความทะเยอทะยานที่จะครองใต้หล้าของตนออกไปโดยสมบูรณ์แบบ…
เขารู้ว่าชั่วชีวิตนี้ตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดๆ อีกแล้ว
ยอดฝีมือขั้นเก้าที่เยาว์วัยเยี่ยงนี้
ใต้หล้านี้จะมีผู้ใดกล้าต่อกรด้วย
หลังจากที่ฮ่องเต้เหอถูขอตัวแล้ว นักอาคมฝั่งซ้ายอดไม่ได้จริงๆ ที่จะระเบิดหัวเราะขึ้นมา “ฮ่าๆ ฮ่องเต้ทรงพระปรีชาสามารถเสียจริงๆ ทักษะการเจรจาของฮ่องเต้นั้นช่างยอดเยี่ยมยิ่งนักทำเอาฮ่องเต้เหอถูอึ้งกิมกี่ไปเลย ใช้ฝ่ามือเดียวอุดรอยโหว่ขนาดใหญ่ ประโยคที่ฮ่องเต้เรียกเขาว่าพระสัสสุระ นั้นก็สามารถประหยัดหัวเมืองไปได้ตั้งหลายแห่งทีเดียว”
ฮ่องเต้อำมหิตจ้องเขาแวบหนึ่ง นัยน์ตาทอประกายอันเยือกเย็นออกมา
นักอาคมฝั่งซ้ายตกใจเสียจนตัวสั่นเทิ้ม หุบปากไม่เอ่ยคำอีกต่อไป
เหอเทียนจ้าวกล่าว “ฮ่องเต้ จากความเห็นกระหม่อม ฮ่องเต้เหอถูผู้นี้กลับเป็นผู้เฉลียวฉลาดคนหนึ่ง หลายวันมานี้เขาได้เห็นความกล้าหาญของพระองค์และความมั่งคั่งของราชสำนัก ในใจย่อมรู้…”
เขาหยุดชั่วคราวก่อนกล่าว “จากแคว้นเหอถูเล็กๆ ของเขาคงจะมิอาจก่อให้เกิดกระเพื่อมคลื่นขนาดใหญ่ได้ ฮ่องเต้ยังกรุณาต่อเขาเยี่ยงนี้ เขาคงไม่มีความเย่อหยิ่งเหมือนตอนที่เพิ่งจะเข้ามาเมืองหลวงไปตั้งนานแล้ว ดูท่าจะศรัทธาเลื่อมใสต่อฮ่องเต้แล้วจริงๆ”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าวอย่างเย็นชา “ตราบใดที่จ้าวยู่หญิงอยู่ในวังหลัง ฮ่องเต้เหอถูคนนี้คงมิอาจสร้างระลอกคลื่นอะไรขึ้นมาหรอก การบรรเทาดีกว่าการกดขี่ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้พลังแคว้นของแคว้นเหอถูเพิ่มขึ้นอย่างมาก ให้เขาไปจัดการปกครองชนเผ่าและรัฐข้าราชบริพารที่น่ารังเกียจเหล่านั้นเป็นการเหมาะสมอย่างถึงที่สุด ช่วยลดทอนความวุ่นวายของราชสำนักได้หลายโขเชียว”
เหอเทียนจ้าวเอ่ย “แต่ว่าฮ่องเต้…เรื่องของคืนนี้…”
ฮ่องเต้อำมหิตเอ่ย “เจ้าหมายถึงจวนเฉิงเสี้ยง?”
เหอเทียนจ้าวพยักหน้า “อำนาจของจวนเฉิงเสี้ยงนั้นแพร่กระจายไปทั่วหล้า สถาบันทั้งหมดของราชสำนักล้วนมีการเจาะอำนาจจากจวนเฉิงเสี้ยงทั้งสิ้น ถึงแม้จวนเฉิงเสี้ยงจะมอดมลายแล้ว พลพรรคทุรชนเหล่านั้นก็น่าจะถูกริบทั้งหมดเช่นกัน แต่ว่าองครักษ์ผู้ช่วยของจวนเฉิงเสี้ยงกลับมิอาจภักดีต่อฮ่องเต้เป็นแน่แท้ ควรจะระวังระไว”
ฮ่องเต้อำมหิตพยักหน้า ก่อนกล่าว “มู่หรงหยุน ตอนนี้เจ้าเป็นเฉิงเสี้ยง หลังจากที่เจ้าเข้ารับตำแหน่งแล้วจงขับไล่ผู้ที่ไม่สำนึกบาปออกไปทั้งหมด”
มู่หรงหยุนเอ่ย “ขอรับ”
เหอเทียนจ้าวกล่าว “ฮ่องเต้ อำนาจพลพรรคเหล่านั้นของตระกูลถางเปิ่น…”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าว “เจ้าหมายถึงถางเปิ่นกลาง?”
เหอเทียนจ้าวกล่าว “ยังมีถางเปิ่นหลงและถางเปิ่นหู่สองพี่น้องอีก ฮ่องเต้พระองค์ก็ทรงทอดพระเนตรเห็นแล้วคืนนั้นที่จวนอ๋องโจว๋ วรยุทธ์ของถางเปิ่นกลางนั้นน่าทึ่งจริงๆ ลักษณะที่หาได้เปรียบมิได้ ได้ยินว่าเขาปิดตัวไปฝึกฝน ถ้าหากหลังจากที่เขาออกจากด่านแล้วรู้ว่าพระองค์ทรงทำลายตระกูลถางเปิ่นจนมอดไหม้ จะต้องคับแค้นใจเป็นแน่”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าวอย่างทรงกริ้ว “ในขณะนั้นข้าอยู่ใต้อาณัติของเขา บัดนี้ข้าและเขาล้วนเป็นยอดฝีมือขั้นเก้ากันทั้งคู่ ข้ากลับเฝ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสต่อสู้กับเขาสักตั้ง เฮอะ”
กลางใจของฮ่องเต้อำมหิต เพลิงโทสะที่กดทับมาหลายปี ทั้งหมดกำลังจะปะทุออกมาอยู่รอมร่อ!
ถางเปิ่นกลาง!
เขาจะต้องเอาชนะถางเปิ่นกลางด้วยตนเอง!
เขาอยากให้ชายแก่ผู้ไร้เทียมทายคนนี้ได้รับรู้ ฮ่องเต้อย่างเขาคนนี้จะต้องไม่อับอายขายขี้หน้าเป็นอันขาด!
เหอเทียนจ้าวกล่าว “ฮ่องเต้ ขั้นต่อไปพระองค์ทรงวางแผนจะทำการใด”
ฮ่องเต้อำมหิตกล่าวพลางหัวเราะเย็นชา “ทำลายจวนอ๋องโจว๋ทิ้งเสีย!”
เหอเทียนจ้าวมีท่าทีตกตะลึง มีสีหน้าค่อนข้างวิตกกังวล แต่กลับไม่กล้าเอ่ยออกมา
ฮ่องเต้อำมหิตละเอียดรอบคอบปานฉะนี้ ย่อมมองออกว่าเหอเทียนจ้าวมีคำอยากจะเอ่ย “เจ้ามีอะไรก็พูดเถิด ข้าใจกว้างกับคนของตนเองเสมอมา ต่อให้เจ้าพูดผิดอะไร ข้าเองก็จะให้อภัยที่เจ้าไร้เดียงสา!”