บทที่ 306 เรื่องราวเมื่อสามปีก่อน1
“จำไม่ได้แล้ว ตอนนั้นข้าหลงทาง ต่อให้ไม่หลงทาง ก็ผ่านมาตั้งสิบกว่าปีแล้ว น่าจะไม่มีเค้าโครงเดิมแล้ว ไม่แน่ว่าอาจถูกรื้อถอนไปแล้ว…”
“เจ้ามีวิธีย้อนคิดบ้างหรือไม่”
เบาะแสข้อนี้ช่างเบาบางยิ่งนัก
ทั้งยังเป็นแค่ความทรงจำที่คลุมเครือของเด็กหกขวบเท่านั้น…
ความน่าเชื่อถือไม่สูงมาก
แต่ว่าซินเหยากลับเชื่อถือเบาะแสอันน้อยนิดนี้!
ส้งชิงย้อนคิดอย่างถี่ถ้วน ก่อนกล่าว “ไม่มีความทรงจำอื่นใดเลยจริงๆ ถ้าหากไม่ใช่ว่าจู่ๆ เห็นนกอินทรีทองคำแปลกๆ ตัวนั้นที่โผล่ออกมาด้านบนของกล่องเหล็กอันนี้ ข้าก็แทบจะจำเรื่องนี้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”
ซินเหยากล่าว “ตอนนั้นเจ้ายังเป็นเด็กคนหนึ่ง คงจะขวัญกระเจิงแย่แล้ว เรื่องที่ฝึกใจเช่นนี้จะต้องไม่อาจลืมเลือนไปได้เป็นแน่ เพียงแต่ไม่ได้ขึ้นมานานมากแล้ว เจ้าเลยจำไม่ได้ เจ้าคิดให้ละเอียดสักนิด จะต้องจำอะไรบางอย่างได้แน่นอน จำไว้ ถ้าเจ้าคิดอะไรขึ้นได้ อย่าบอกคนอื่น ให้รีบบอกข้าทันที เข้าใจหรือไม่”
ส้งชิงถามอย่างใคร่รู้ “ท่านอาจารย์ นกอินทรีทองคำนี้เป็นคนแบบไหนกันแน่”
ซินเหยากล่าว “เขาเป็นเจ้าของกล่องเซิ้นใบนี้!”
ส้งชิงเอ่ยถาม “กล่องเซิ้นไม่ได้เป็นวัตถุศักด์สิทธิ์ของเทพเจ้าหรอกหรือ”
ซินเหยาเอ่ย “ใช่! กล่องเซิ้นเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้าบนสรวงสวรรค์ แต่ว่าจำเป็นต้องมีผู้ส่งสารที่ได้รับมอบหมายจากพรเจ้าจึงจะสามารถเปิดกล่องเซิ้นนี้ได้ กล่องเซิ้นที่หนึ่งมีเพียงข้าเท่านั้นที่เปิดได้ แต่ว่ากล่องเซิ้นกล่องนี้ มีเพียงคนที่ชื่อนกอินทรีทองคำเท่านั้นจึงจะเปิดออกได้!”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “เจ้านาย! ตอนนี้จะทำอย่างไรเล่า! ถ้าหากเปิดกล่องเซิ้นใบนี้ไม่ได้…คนทั่วหล้าต่างพากันเสาะหากล่องเซิ้นกล่องนี้อยู่!”
ซินเหยากล่าว “เอามันไปไว้ในร้านจี้โม่!”
ชีวหยุนเองก็เอื้อนวาจา “ก็แม้แต่จิ้งจอกเฒ่าถางเปิ่นขุยยังคิดอุบายนึกอยากครอบครองกล่องเซิ้นกล่องนี้ ในตำนานกล่าวว่ากล่องเซิ้นใบนี้ซ่อนสมบัติที่ลึกลับขนาดใหญ่เอาไว้ ผู้ใดที่ได้ครอบครองกล่องเซิ้นก็จะได้ครอบครองทั่วหล้า!”
ซินเหยากล่าว “ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นคำโกหกหลอกลวง! กล่องเซิ้นใบนี้ ก็เป็นเพียงแค่…เครื่องรางเท่านั้นเอง สิ่งสำคัญอย่างแท้จริงคือคนที่สามารถเปิดกล่องเซิ้นนี้ได้ต่างหาก! พวกเจ้าเอากล่องเซิ้นใบนี้ส่งกลับไป โอหยางซิงเฉินน่าจะไม่ทำให้พวกเจ้าลำบากใจหรอก คนทั่วหล้าเองก็คงไม่อาจไล่ฆ่าพวกเจ้าทั้งสี่คนอีกต่อไปแล้ว!”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “เจ้านาย! ข้อนี้ทำไม่ได้โดยเด็ดขาด! พวกเราจะให้เจ้านายละทิ้งสมบัติล้ำค่าเยี่ยงนี้เพียงเพื่อชีวิตไร้ค่าของพวกเราสี่คนได้อย่างไรกันเล่า! เจ้านายในเมื่อมีความสามารถเปิดกล่องเซิ้นกล่องแรกได้ ก็ย่อมมีวิธีเปิดกล่องเซิ้นที่สองนี้ได้เป็นธรรมดา สิ่งนี้จะมีส่วนช่วยและเป็นประโยชน์อย่างมากต่ออนาคตของเจ้านาย”
เจี้ยนหารยีเอ่ย “พวกเรามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือและปกป้องเจ้านาย จะไม่เป็นตัวถ่วงเจ้านายโดยเด็ดขาด!”
ซินเหยาพูด “ชีวิตของทุกๆ คนล้วนมีค่า ไม่มีชีวิตผู้ใดต่ำต้อยด้อยค่า! อีกอย่าง ทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้พวกเจ้ารอดพ้นจากการตามล่าสังหารของผู้คนทั่วหล้า แต่ยังสามารถใช้โอกาสนี้ล่อเจ้านายผู้อยู่เบื้องหลังของกล่องเซิ้นนี้ได้ด้วยนะ! หลักๆ คือพวกเจ้าต้องนำกล่องเซิ้นไปที่ร้านจี้โม่ บอกโอหยางซิงเฉินว่าพวกเจ้าหากล่องเซิ้นกลับมาคืนแล้ว หวังว่าจะเก็บรักษาไว้ในร้านจี้โม่สืบไป เขาจะต้องรับปากอย่างแน่นอน!”
ฮัวโหล่หยุนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น “เจ้านายไฉนท่านจึงรู้ว่าเขาจะต้องรับปากอย่างแน่นอน”
ซินเหยาเอ่ยวาจา “ก็จะต้องรับปากแน่นอนไง!”
หงจู๋กล่าว “เจ้านาย! โอหยางซิงเฉินคนนั้นเป็นบุคคลที่ลึกลับและชั่วร้ายอย่างถึงที่สุด คนผู้นี้ทั้งวรยุทธ์และความหลักแหลมล้วนยากแท้หยั่งถึง เจ้านาย ท่านอย่าได้หูเบาเชื่อเขาอย่างง่ายๆ เชียวนะ!”
ซินเหยาเอ่ย “เจ้าหนอนหนังสือคนนั้น? ลึกลับชั่วร้าย? เฮอะๆ! เหตุใดข้าไม่ยักจะเห็นว่าเป็นเช่นนั้นเลย”
ฮัวโหล่หยุนพูด “เจ้านาย ที่หงจู๋พูดนั้นไม่ผิดเลย! คุณชายรูปวิการที่แท้จริงคนนี้ ลุ่มลึกยากจะหยั่งรู้กว่าคุณชายรูปวิการตัวปลอมเป็นพันเท่าเชียวนะ!”
ซินเหยาถามอย่างใคร่รู้ “เหตุใดจึงพูดเยี่ยงนี้”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “เป็นเรื่องราวๆ เมื่อสามปีก่อนแล้ว”
เจี้ยนหารยีเอ่ย “คุณชายรูปวิการตัวปลอมนั้นเปรียบเสมือนยอดคีรีที่มีลำแขนงอกงาม ความคิดเรียบง่าย บุคคลดังกล่าวไม่น่าจะเป็นผู้ก่อตั้งร้านจี้โม่ได้เลยเป็นอันขาด!”
หงจู๋กล่าว “หลังจากที่อาศัยอยู่ร้านจี้โม่นานหลายปี พวกเราไม่กี่คนต่างก็เริ่มสงสัยคุณชายรูปวิการตัวปลอม…”
ชีวหยุนพูด “เพราะว่าเรื่องราวของร้านจี้โม่ยามปกติ ล้วนจะมีเถ้าแก่จินเป็นผู้จัดการ! คุณชายรูปวิการตัวปลอมคนนั้นมักจะปรากฎตัวในบางโอกาสที่สำคัญๆ แต่กลับดูเหมือนว่าต้องฟังคำของเถ้าแก่จิน…”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “คนนอกดูไม่ออก แต่ว่ากลับตบตาพวกเราสี่คนไม่ได้!”
เจี้ยนหารยีเอ่ยคำ “เจ้านายไม่เหมือนเจ้านาย คนใช้ไม่เหมือนคนใช้ ทำให้คนอดสงสัยไม่ได้!”
หงจู๋ว่า “หลายปีมมานี้ เมื่อใดก็ตามที่ร้านจี้โม่ประสบกับเหตุการณ์ที่สำคัญๆ เถ้าแก่จินจะไม่เรียนเชิญคุณชายรูปวิการตัวปลอมออกมาตรงๆ แต่จะไปคุกใต้น้ำด้านหลังสวนที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนา…ที่นั่นเป็นสถานที่ที่แม้แต่พวกเราสี่คนยังเข้าไปไม่ได้! ทุกครั้งที่มีเรื่องสำคัญอะไรต้องตัดสินใจ เถ้าแก่จินก็มักมีคำตอบและวิธีการแก้ปัญหาเสมอหลังจากไปคุกใต้น้ำมาแล้ว!”
ชีวหยุนพูด “ดังนั้นพวกเราสี่คนจึงคลางแคลงใจอย่างมากเกี่ยวกับคุกใต้น้ำในสวนด้านหลัง! เพียงแต่พวกเราไม่แน่ใจว่าด้านในมีอะไรกันแน่ บวกกับแต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยสงสัยมาก่อนว่าด้านในนั้นจะซ่อนคุณชายรูปวิการตัวจริงเอาไว้!”
พวกเขาสี่คน เอ่ยคนละประโยค เกี่ยวกับพฤติกรรมและการกระทำอันน่าสงสัยของโอหยางซิงเฉิน
หลังจากซินเหยาฟังจบ จึงกล่าว “เขาไม่ชอบเปิดเผยหน้า จึงส่งตัวแทนไปดูแลร้านจี้โม่ นี่ก็ยังพอทำความเข้าใจได้…”
ฮัวโหล่หยุนพูด “เจ้านาย! ด้วยความฉลาดของท่าน จะต้องรู้เป็นแน่ว่าร้านจี้โม่เป็นสถานที่แบบไหนกระมัง”
ซินเหยาเอ่ย “อันที่จริงข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ชัด ข้า…เพิ่งมาที่เมืองหลวงเมื่อครึ่งปีก่อน และก็เพิ่งเคยได้ยินสถานที่เกี่ยวกับร้านจี้โม่เมื่อพักหลังๆ ไม่นานมานี้เอง!”
เจี้ยนหารยีเอ่ย “นี่เป็นถึงสถานที่ที่น่ากลัวของร้านจี้โม่! ผู้ที่ร้านจี้โม่รับบริการทั้งหมดล้วนเป็นยอดฝีมือผู้มีฐานะและชื่อเสียงมากที่สุดในยุทธภพ เป็นที่รู้จักในฐานะสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งยุทธภพ แต่ว่าดำเนินการอย่างรัดกุม ในบรรดาพ่อค้าที่ร่ำรวยมั่งคั่งจำนวนมากในเมืองหลวงยังไม่เคยได้ยินร้านจี้โม่เลยนะ! ดาบเล่มหนึ่งหากจะซ่อนตัวในเงามืดตลอดกาลนั้นเป็นเรื่องง่ายดายเรื่องหนึ่ง แต่ว่าร้านโรงเตี๊ยมขนาดใหญ่เพียงนี้ซ่อนตัวท่ามกลางเงามืดไม่ถูกคนสังเกต นี่จะต้องเป็นเรื่องไม่พบบ่อยอย่างแน่นอน!”
ซินเหยาเองก็เหตุด้วยกับหลักการข้อนี้ ก่อนกล่าว “ดูท่าโอหยางซิงเฉินจะมีบางเรื่องปิดบังข้าอยู่ จะต้องมีพลังแข็งแกร่งและน่าขยาดกลัวคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังร้านจี้โม่อย่างแน่นอน…”
ฮัวโหล่หยุนเอ่ย “เบื้องหลังมีการสนับสนุนอะไรหรือไม่ พวกเราทั้งสี่คนก็ไม่รู้ แต่ว่า วรยุทธ์และอุบายของโอหยางซิงเฉินนั้นยากแท้หยั่งถึงเป็นอย่างยิ่ง!”