บทที่ 361 เจ้าฉลาดมาก2
หลังจากโจว๋ชิงหยีอดกลั้นปลอบขวัญเหล่านางสนมและนางในที่ซื้อของไม่ทัน ทั้งยังมีปากเสียงกันว่าจะต้องซื้อของให้จงได้ ตำหนักชิงหย่าพลันเงียบสงบลงอย่างยากลำบาก!
ซินเหยาเรียกให้เหล่าขันทีและองครักษ์มาเก็บกวาดทำความสะอาด
ส่วนเหล่านางในก็เริ่มจัดเก็บและบรรจุเครื่องสำอาง…
วันพรุ่งนี้ยังต้องมีการขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอีกระลอกแน่นอน!
เกรงว่า…
ถึงเวลานั้นคงจะพลิกราชวังกันเลยทีเดียว!
หลังจากนายหญิงเซียวนับจำนวนเงินได้ชัดเจนแล้ว ก็อุทานด้วยความตกใจ “คุณหนูเก้า คุณหนูสี่ วันนี้…วันนี้ได้รับเงินสดมาตั้งสองหมื่นสามพันกว่าๆ แหนะ รวมทั้งเครื่องประดับตกแต่งรวมมูลค่าราวๆ หนึ่งหมื่นตำลึง…ทั้งหมด…ทั้งหมด…ขายไปได้กว่าสามหมื่นตำลึงเชียว!”
“ชั่วข้ามคืน ขายไปได้สามหมื่นตำลึง!”
“สวรรค์!”
“ถ้าหากท่านโจว๋สี่รู้เข้าเกรงว่าคงจะตกใจเกือบตายแน่ๆ!”
โจว๋ชิงหยีเองก็หัวเราะตามไปด้วย “ถ้าหากท่านพ่อข้ารู้ว่าซินเหยาทำธุรกิจเก่งกาจขนาดนี้ เขาจะต้องโกรธตายไปเลยแน่ๆ เขาทำธุรกิจมาชั่วชีวิต แต่ไรมาในหนึ่งวันก็ไม่เคยหาเงินได้ตั้งมากมายขนาดนี้ ต่อให้หนึ่งเดือน ก็ทำรายได้เยอะขนาดนี้ไม่ได้แน่!”
ซินเหยารู้จักท่านโจว๋สี่
เขาก็คือบิดาของโจว๋ชิงหยีนั่นเอง
โจว๋เส้าหวุนมีฐานะเป็นนักธุรกิจนายหนึ่ง เป็นผู้รับผิดชอบในการทำธุรกิจทั่วประเทศของจวนอ๋องโจว๋เรื่อยมา…
กิจการเหล่านี้ ไม่ได้ดำเนินการภายใต้ชื่อของจวนอ๋องโจว๋…
โจว๋เส้าหวุนเองก็ไม่ได้ประกอบกิจการในฐานะคนของจวนอ๋องโจว๋…
แต่ว่าธุรกิจของจวนอ๋องโจว๋ ก็ไม่เคยเป็นความลับมาก่อน
ครอบครัวชนชั้นสูงใดๆ หรือไม่ก็ตระกูลผู้มีความโดดเด่น ล้วนสืบทอดกิจการครอบครัวอันมั่งคั่งมาเป็นเวลาต่อเนื่อง…
อุตสาหกรรมหรือธุรกิจเหล่านี้ย่อมต้องมีคนคอยดูแลอยู่แล้ว
จวนอ๋องโจว๋ทำงานอย่างประณีตเรื่อยมา และในตำแหน่งฐานันดรสูงศักดิ์ ยังควบคุมกองทัพทหารกว่าครึ่งหนึ่งของราชสำนัก…
ธุรกิจของจวนอ๋องโจว๋ ยิ่งต้องเพิ่มความละเมียดละไมกว่าเดิมเป็นธรรมดา
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกสู่คำสาปแช่งที่ไปขูดรีดทวยราษฎร์เหมือนกับจวนเฉิงเสี้ยง
ธุรกิจของจวนอ๋องโจว่ ถูกมอบหมายให้กับโจว๋เส้าหวุนไปจัดการอย่างลับๆ แต่ก็เป็นเพียงการหารายได้ให้ตระกูลไปจับจ่ายใช้สอยบางส่วนเท่านั้น
ไม่ใช่เพื่อสั่งสมความมั่งคั่งเหมือนกับจวนเฉิงเสี้ยงขนาดนั้น
อย่างไรเสีย…
ลำพังแค่เบี้ยยังชีพของราชสำนักเพียงเล็กน้อย มันไม่เพียงพอจะรองรับค่าใช้จ่ายรายวันของครอบครัวขนาดใหญ่เยี่ยงนี้ได้แน่นอนอยู่แล้ว
และจวนอ๋องโจว๋ก็ไม่ฉ้อโกง รับสินบน…
ย่อมต้องทำได้เพียงเปิดกิจการหารายได้เสริมอย่างลับๆ เท่านั้น…
ดังนั้นคนของจวนอ๋องโจว๋ต่างรู้ดี ก็แม้แต่คนนอกยังล่วงรู้ว่าในพื้นฐานความเป็นจริงท่านโจว๋สี่ออกจากจวนอ๋องโจว๋ไปรับผิดชอบประกอบกิจการทั่วประเทศในฐานะนักธุรกิจคนหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพียงแต่ แม้กระทั่งคนของจวนอ๋องโจว๋เองยังไม่รู้ว่าท่านโจว๋สี่กำลังประกอบธุรกิจอะไรอยู่กันแน่
ยกเว้นผู้ติดตามคนสนิทไม่กี่คนของตระกูลโจว๋ ไม่มีใครรู้เลยว่าท่านโจว๋สี่อยู่ที่ไหน ทำธุรกิจอะไรอยู่…
ดังนั้นฮ่องเต้อำมหิตจับกุมคนทั้งหมดของจวนอ๋องโจว๋ในครานี้ แม้กระทั่งลูกศิษย์ตระกูลโจว๋ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐภายนอก หรือไม่ก็ญาติสนิทของตระกูลโจว๋ ต่างถูกจับกุมตัวเอาไว้
มีเพียงท่านโจว๋สี่คนเดียวที่รอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งใหญ่นี้
เนื่องจากเขาแทบจะเป็นเงาอันเลือนรางที่พเนจรอยู่นอกจวนอ๋องโจว๋
ผู้ใดก็รู้ว่ามีคนๆ นี้อยู่ แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเขาอยู่แห่งหนใด…
ถ้าหากเขาไม่กลับจวนอ๋องโจว๋ละก็ แม้กระทั่งนายท่านโจว๋เองก็ไม่รู้ว่าลูกชายคนนี้อยู่ที่ไหน…
เงินสามหมื่นกว่าตำลึง
นายหญิงเซียวและโจว๋ชิงหยีย่อมเบิกบานใจจนนอนไม่หลับเป็นธรรมดา
ซินเหยากลับเอ่ยอย่างมั่นใจในตัวเอง “สามหมื่นตำลึงขี้ปะติ๋วเดียวพวกท่านก็ดีอกดีใจขนาดนี้เสียแล้ว พรุ่งนี้ อย่างน้อยต้องทำเงินได้หนึ่งล้านตำลึง! ถึงเวลานั้นพวกท่านจะไม่คุกเข่าขอบคุณสวรรค์กันเลยหรือ”
โจว๋ชิงหยีกล่าวอย่างตกใจ “น้องเล็ก เจ้า…เจ้าพูดจริงหรือ”
ซินเหยากล่าว “พี่สี่ ท่านพูดเองว่าวันนี้มีคนซื้อเครื่องสำอางเท่าไหร่นะ”
โจว๋ชิงหยีบอก “สามสิบคน!”
ซินเหยากล่าว “เหล่านางสนมจะต้องพอมีเงินกันอยู่แน่ จ่ายเงินหนึ่งพันกว่าตำลึงซื้อเครื่องสำอางครบชุดย่อมต้องไม่ปวดใจกันอยู่แล้ว นางในเหล่านั้น ไม่แน่ว่าจะมีเงินกันทุกคนหรอก เหล่านางในระดับสูงที่ยามปกติมีเงินทุนค่อนข้างอุ่นหนาฝาคั่งเป็นไปได้ว่าจะมีความสามารถในการจับจ่าย แต่ว่านางในส่วนใหญ่ คงล้วงเงินตั้งหนึ่งพันกว่าตำลึงออกมาไม่ได้ แต่ว่าแค่ร้อยกว่าตำลึงนับว่าไม่เป็นปัญหา อย่างไรเสียภายในวังหลวง ก็ไม่มีสถานที่ใช้จับจ่ายอะไรได้เลย พอมีเงินก็ต้องเก็บออมเอาไว้!”
โจว๋ชิงหยีพยักหน้า ก่อนกล่าว “ก็ประมาณนี้แหละ! วันนี้นางในคนหนึ่งอย่างน้อยที่สุดก็ซื้อเครื่องสำอางราคาร้อยกว่าหยวนไปแล้ว!”
ซินเหยาเอ่ย “สามสิบคน มียอดขายรวมกันสามหมื่นกว่า หรือจะพูดว่าโดยเฉลี่ยแล้วก็เป็นเงินคนละหนึ่งพันตำลึงเป็นอย่างต่ำ! พี่สี่ ท่านว่าในวังยังจะมีอีกกี่คนที่จะเข้ามาซื้อ?”
โจว๋ชิงหยีกล่าว “พระสนม นางบำเรอ เหล่านางในชั้นสูงและสาวใช้ตามเรือนต่างๆ จำนวนรวมกันก็คงไม่เกินสามพันกระมัง นางใน สาวใช้อื่นๆ นับรวมแล้วมีประมาณสามหมื่นคน”
ซินเหยาบอก “ไม่นับเด็ก คนอายุมาก และนางในเบ็ดเตล็ดเหล่านั้น จะเหลือนางในอายุน้อยรูปงาม ที่มีความหวังว่าจะได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ มีประมาณกี่คน”
โจว๋ชิงหยีเอ่ย “ยากจะคำนวณ แต่น่าจะมีหนึ่งในสามของจำนวนคนกระมัง”
“หนึ่งในสามก็คือหนึ่งหมื่นโดยประมาณ”
“อื้อ”
“หนึ่งหมื่นคน พรุ่งนี้จะต้องมีอย่างน้อย 10% ที่วิ่งโร่เข้ามาแย่งกันซื้อเครื่องสำอาง! แค่หนึ่งพันคน! โดยเฉลี่ยคนละหนึ่งพันตำลึง หนึ่งล้านตำลึงก็เป็นไปตามแผนเดิมได้อยู่แล้ว”
“น้องเล็ก เรื่องมันจะราบรื่นอย่างที่เจ้าคำนวณไว้ปานนั้นรึ”
“ข้อมูลเหล่านี้เป็นการวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ อีกอย่าง ท่านอย่าได้ประมาทความสามารถของสตรีที่รักสวยรักงามเชียว!”
ซินเหยาแอบเอ่ย ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด บริษัทเครื่องสำอางเหล่านั้นปล้นเงินจากความสวยงามของสตรีไม่รู้ว่าเป็นเงินตั้งกี่หมื่นล้าน!
นายหญิงเซียวยอมศิโรราบดุษฎีอย่างเลื่อมใสต่อซินเหยาตั้งนานแล้ว
ส่วนโจว๋ชิงหยีเป็นกังวลเกี่ยวกับยอดขาดในวันพรุ่งนี้…
ฉากปะทุอันร้อนแรงในวันนี้ นอกเหนือความคาดหมายของนางโดยสมบูรณ์
คิดไม่ถึงว่าวิดีโอสั้นๆ แค่ห้านาทีจะดึงดูดยอดขายอันร้อนแรงได้ขนาดนี้
ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้ยังจะระอุอยู่อีกหรือไม่
โจว๋ชิงหยีไม่ได้มั่นอกมั่นใจเหมือนซินเหยาขนาดนั้น
มีโปสเตอร์ของศิลปินราชสำนักและวิดีโอของฮ่องเต้อำมหิต แล้วก็การเจริญรอยตามของเหล่าหญิงสาวผู้บ้าคลั่งพวกนั้น…
ซินเหยาไม่ได้เป็นกังวลกับยอดขายในวันพรุ่งนี้เลยสักนิด
นางเป็นกังวลแค่การเดิมพันกับฮ่องเต้อำมหิตเท่านั้น…
จำนวนเงินตั้งสามล้าน