บทที่ 368 พิลึกคนจริงๆ1
ซินเหยาบอก “ไม่เป็นไรหรอก!ไม่เป็นปัญหาเลย ไทเฮา ดูเหมือนพวกท่านยังมีเรื่องต้องเจรจา งั้นข้าขอตัวทูลลาก่อน! ราตรีสวัสดิ์!”
กล่าวจบ นางก็หมุนกายหมายจะเดินจากไป!
“ขวางนางไว้!”
ไทเฮาแผดเสียงร้องลั่น
มามาสองนางพุ่งกรูเข้าไปเบื้องหน้า ขวางหน้าซินเหยาเอาไว้
ไทเฮากล่าวอย่างเดือดดาล “โจว๋ซินเหยา เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าคำพูดพล่อยๆ ลอยลมเช่นนี้ของเจ้าจะสามารถตบตาข้าผ่านไปได้”
ซินเหยาหันหน้ากลับไปหัวเราะ ก่อนกล่าว “ไทเฮา พระองค์จะให้หม่อมฉันอยู่ทานสำรับช่วงดึกด้วยกันเลยหรือ?”
“ฮ่าๆ!”
ไทเฮาอดระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่ได้
เวลาเช่นนี้ ผู้หญิงคนนี้ยังกล้าพูดคำสบายๆ เยี่ยงนี้ได้อยู่อีก?
ช่างพิลึกคนเสียนี่กระไร!
ไทเฮากล่าวพลางหัวเราะเย็นชา “เจ้าช่างไม่รู้เป็นตายเสียจริง! ความตายมาเกยอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังผ่อนคลายสบายใจเฉิบอยู่อีก!”
ซินเหยากล่าว “พระดำรัสของไทเฮาหมายความว่าอย่างไร อะไรคือความตายมาเกยอยู่ตรงหน้า”
มามานางหนึ่งตวาดลั่น “หุบปาก! โจว๋กุ้ยเฟย ท่านบุกรุกตำหนักซูหนิงยามวิกาล จงใจรุกรานไทเฮา ก็ไม่ต้องแกล้งโง่ทำเซ่ออยู่ที่นี่หรอก!”
ไทเฮาตรัส “ปล่อยนางเถิด! ตอนนี้นางไม่เป็นวรยุทธ์ จะหนีไปที่ไหนได้”
“เจ้าค่ะ ไทเฮา”
คราวนี้มามาสองคนจึงปล่อยตัวซินเหยา
ซินเหยาบีบนวดลำแขนที่เจ็บปวด ก่อนกล่าวพลางหัวเราะเบาๆ “ไทเฮาคืนนี้ช่างน่าอภิรมย์ยิ่งนัก ว่าแต่ สีท้องฟ้าก็ไม่เลวเลยเชียว อื้อ สีท้องฟ้าไม่เลวเลยจริงๆ!”
ไทเฮากล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าไม่ต้องแกล้งโง่ทำเซ่อ ไม่มีใครอยู่ที่นี่ ในเมื่อเจ้ากล้าบุกรุกตำหนักซูหนิง ซ้ำยังเคราะห์ซ้ำถูกข้าจับได้แล้ว เจ้ายังคิดว่าคืนนี้เจ้าจะสามารถมีชีวิตอยู่แล้วเดินออกจากตำหนักซูหนิงอย่างนั้นหรือ”
สีหน้าของซินเหยาฟื้นกลับไปเป็นขึงขัง ก่อนเอ่ย “ไทเฮา…หม่อมฉันคิดไม่ถึงเลยสักนิด ว่าไทเฮาถึงขนาดส่งคนไปลอบสังหารหม่อมฉัน ทำให้หม่อมฉันรู้สึกใจชาเสียจริงๆ ความจริงแล้วหม่อมฉันเห็นไทเฮาเป็นคนที่น่าเคารพยกย่องเรื่อยมาเชียวนะเพคะ!”
ไทเฮากล่าวพลางหัวเราะเย็นๆ “ที่เจ้าพูดมา ข้ายังต้องเชื่ออยู่อีกงั้นรึ”
ซินเหยาเอ่ยวาจา “ไทเฮา ไม่ว่าพระองค์จะทรงเชื่อหม่อมฉันหรือไม่ หม่อมฉันก็ยังจงรักภักดีต่อไทเฮาพระองค์เองจริงๆ! ขอให้ทรงทราบ หลายวันเรื่อยมานี้หม่อมฉันอดตาหลับขับตานอนในการค้นคว้าสูตรลับความงาม ก็ไม่ใช่ว่าทำเพื่อไทเฮาหรอกหรือ”
ไทเฮาตรัส “เจ้าคิดว่าข้ายังเชื่อเจ้าอยู่อีกหรือ”
ซินเหยากล่าวคำอย่างจนปัญญา “ไทเฮา หม่อมฉันจะเอ่ยถ้อยคำใดๆ เหตุใดไทเฮาพระองค์ถึงไม่เต็มใจเชื่อถือแล้วหรือเพคะ”
ไทเฮากล่าวเย็นชา “นั่นก็เพราะเจ้าโกหกข้าหลายครั้งมากเกินไป ความเชื่อถือของข้าที่มีต่อเจ้าได้หมดเกลี้ยงไปตั้งนานแล้ว!”
ซินเหยาเอ่ย “หรือไม่ก็บางทีไทเฮาไม่ได้ทรงเชื่อหม่อมฉันเลยสักนิดตั้งตีทีแรกแล้ว?”
ทันใดนั้นไทเฮาพลันกลายเป็นใบ้อ้ำอึ้ง
ประโยคนี้ของซินเหยา พูดได้จี้จุดของนาง
แน่นอน
นับตั้งแต่แรก ซินเหยาทำผิดใจนาง
นางจึงเกิดความคิดอยากจะสังหารซินเหยา
ต่อมารู้ว่าซินเหยามีวิธีทำให้ผู้หญิงสวยและเยาว์วัยขึ้นได้ ไทเฮาจึงคิดอยากหลอกใช้ซินเหยา
อีกอย่าง ในใจของนางก็ตัดสินใจเอาไว้ตั้งแต่แรก ขอเพียงรอหลังจากหลอกใช้ซินเหยาเสร็จแล้ว ก็จะฆ่านางทิ้งเสีย!
ดูเหมือนซินเหยาจะมองความคิดของไทเฮาได้ทะลุปรุโปร่ง จึงเอ่ย “ไทเฮา ครั้งแรกตอนที่พระองค์เห็นหม่อมฉันก็ทรงอยากจะฆ่าหม่อมฉันทิ้งเลยใช่หรือไม่”
ไทเฮาตรัสและหัวเราะเย็นชา “ถ้าตอนนั้นข้าสังหารเจ้าไปเลยเสีย ตอนนี้คงไม่เป็นเสี้ยนหนามได้ขนาดนี้หรอก!”
ซินเหยาเอ่ย “แต่ตอนนั้นไทเฮาไม่คิดว่าหม่อมฉันเป็นภัยอะไร อีกอย่าง ไทเฮาทรงประหวั่นพรั่นพรึงคนของโจว๋กุ้ยเฟย นึกอยากฆ่าหม่อมฉัน แต่กลับลังเลว่าจะฆ่าหม่อมฉันดีหรือไม่ ในขณะนั้น สำหรับไทเฮาแล้ว หม่อมฉันเป็นเพียงสนมธรรมดาๆ คนหนึ่งในวังหลวงก็เท่านั้น ไม่ได้มีพิษสงอะไร”
ไทเฮาเอื้อนวาจาเย็นเยียบ “เจ้าเข้าใจว่าตอนนี้เจ้าเป็นมหันตภัยร้ายแรงอย่างหนึ่งสำหรับข้าอย่างนั้นหรือ”
ซินเหยากล่าว “มันเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ ไทเฮา พระองค์ทรงหวาดหวั่นหม่อมฉันเป็นอย่างยิ่งใช่หรือไม่”
ไทเฮาไม่เอื้อนเอ่ยถ้อยวจี
ซินเหยาพูด “ไม่ว่าจะเป็นเพราะหม่อมฉันฉลาดเกินไปเลยผิดใจไทเฮา หรือว่าเพราะหม่อมฉันตั้งครรภ์โอรสของฮ่องเต้?”
ไทเฮาเอ่ย “เจ้าไม่ต้องเดาส่งเดช!”
ซินเหยาบอก “หม่อมฉันทราบ ต่อให้หม่อมฉันเดาถูกต้อง ไทเฮาพระองค์เองก็ไม่ทรงยอมรับ ใช่หรือไม่”
ไทเฮาเอ่ย “ในเมื่อเจ้ารู้ ไยต้องพูดพล่ามให้มากความอีกด้วยเล่า”
ซินเหยากล่าว “เมื่อสักครู่ฮ่องเต้เสด็จมาหาไทเฮาเพื่อหยิบยืมทหารไปอารักขาหม่อมฉัน”
ไทเฮาตรัส “ฮ่องเต้จำต้องมาหาข้าหยิบยืมทหารเสียที่ไหนกันเล่า? ฮ่องเต้เพียงแค่อยากมาเตือนข้า ว่าอย่าได้เพิกเฉยต่อเจ้านัก! ถึงแม้ข้าจะควบคุมรับผิดชอบวังหลัง แต่ว่าวังหลังยังคงเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตกองกำลังของจักรพรรดิอย่างเขาอยู่วันยังค่ำ! ฮ่องเต้ ถึงจะเป็นเจ้านายที่แท้จริง!”
ซินเหยาหัวเราะเบาๆ “ไทเฮาทรงตรัสอย่างจริงใจเกินไปแล้ว อันที่จริง ฮ่องเต้เพียงแค่ต้องการคุ้มกันหม่อมฉันในช่วงที่มีครรภ์อยู่ อย่าได้พานพบกับเรื่องไม่คาดฝันใดๆ ภายในวังหลวงก็เท่านั้นเอง และภายในวังหลวง ไทเฮาเป็นผู้ที่มีอำนาจบาตรใหญ่มากที่สุด ดังนั้นฮ่องเต้จึงอยากบอกไทเฮาเป็นนัยๆ ด้วยเจตนาอันดีเท่านั้น ผลสุดท้าย…”
ไทเฮากล่าวว่า “ผลสุดท้ายเจ้าก็คาดคิดกระมัง ฮ่องเต้มาตักเตือนข้า กลับบอกใบ้ทางอ้อมให้ข้าฟังถึงความลับของเจ้า ที่แท้ เป็นเพราะเจ้าตั้งครรภ์จึงได้สูบเสียวรยุทธ์ไปโดยสิ้นเชิง ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เจ้าวรยุทธ์ไม่เลวเลยทีเดียว?”
“ไทเฮาทรงชมเกินไปแล้ว”
“ดังนั้นเจ้าถึงได้พยศ อวดดี ยโสโอหังเยี่ยงนี้! ตอนนี้เจ้าไม่มีวรยุทธ์แล้ว ซ้ำยังล้ำเส้นตำหนักซูหนิงอีก คืนนี้ ต่อให้เป็นทวยเทพก็มาช่วยเจ้าไม่ทันหรอก!”
ซินเหยากล่าว “ฮ่องเต้เล่า?”
ไทเฮาประหลาดใจเล็กน้อย ก่อนเอ่ย “ฮ่องเต้? ฮ่องเต้เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งเท่านั้น เขาจะมาช่วยเจ้าให้รอดจากเงื้อมมือของข้าได้อย่างไรกัน”
ซินเหยากล่าวพลางหัวเราะเย็นชา “ฮ่องเต้กำลังเสด็จมาตำหนักซูหนิงแล้ว!”
สีพักตร์ของไทเฮาเปลี่ยนไปอย่างมาก พลางเอ่ย “เจ้า…เจ้าว่าอะไรนะ”
ซินเหยากล่าวกลั้วหัวเราะ “ไม่ใช่ว่าไทเฮาไม่กลัวฮ่องเต้เลยสักนิดเดียวหรือ ไทเฮาพระองค์ไม่ได้เห็นฮ่องเต้ในสายพระเนตรเลยสักนิดไม่ใช่หรือไง เหตุใดพอได้ยินว่าฮ่องเต้กำลังเสด็จมา สีพักตร์ถึงได้ซีดเผือดขนาดนี้กันเล่า”
ไทเฮากล่าวอย่างเหลืออด “เจ้า! เจ้านังคนแพศยา!เจ้ากล้าเล่นละครตบตาข้ารึ”
ซินเหยาเอ่ย “ไทเฮา! ในเมื่อท่านก็ทรงทราบว่าถ้อยคำของหม่อมฉันไม่น่าเชื่อถือ และเหตุใดจึงเชื่ออยู่อีกเล่า อัย ไทเฮาพระองค์ช่างเป็นคนที่มีความขัดแย้งในตัวเองจริงๆ! ตอนที่หม่อมฉันทูลความจริง ไทเฮากลับไม่เชื่อเลยสักประโยคเดียว! พอตอนที่หม่อมฉันพูดโกหก ไทเฮากลับทรงเชื่อ! นี่เป็นเพราะอะไรกันเล่า”