บทที่ 412 ศิษย์ไม่กล้า1
ก่วยกุเซียนที่ผอมแห้ง รูปร่างเตี้ยๆไม่สูง ราวกับศพที่มีอายุนับพันปี
“ศิษย์ไม่กล้า”
“เจ้าไม่กล้า แล้วทำไมถึงทำลายแผนที่วางเอาไว้ตั้งแต่แรก ทำไมไม่กำจัดคนจวนอ๋องโจว๋ให้สิ้นซาก แต่กลับขัดขวางหยินซวางที่จะฆ่าซินเหยาหลายต่อหลายครั้ง”
“อาจารย์ ท่านรับปากข้าไว้ว่าจะไว้ชีวิตเลือดเนื้อเชื้อไขของข้า ให้เด็กที่อยู่ในท้องออกมาและขึ้นครองราชย์ ถ้าหากฆ่าซินเหยาเด็กก็จะตายไปด้วย” ฮ่องเต้อำมหิตพูดเถียงขึ้น
“เหลวไหล ข้าแค่รับปากเจ้าว่าหากนางไม่ขัดขวางแผนการของข้า ข้าก็จะปล่อยนางไป ให้นางได้คลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่นางกลับเข้ามาขัดขวางทุกครั้ง เจ้าคิดว่ายังจะไว้ชีวิตนางได้อีกหรือ”
เสียงของก่วยกุเซียนเย็นเฉียบราวกับภูเขาน้ำแข็ง ในความสงบกลับมีความรู้สึกเหมือนว่ากำลังมีอะไรแหลมๆมาทิ่มแทงอยู่
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “อาจารย์ได้โปรดอย่าพึ่งโกรธ ยังไงเสียจวนอ๋องโจว๋ก็คือลูกหลานของโจว๋อี้เฉิน และซินเหยาเองก็คือลูกหลานของโจว๋อี้เฉิน ให้อาจารย์คิดเสียว่าเด็กคือคนตระกูลโจว๋ และคือเลือดเนื้อของศิษย์ ปล่อยเด็กไปเถอะ ให้เขาได้เกิดมาและขึ้นครองราชย์”
ก่วยกุเซียน “ตำแหน่งฮ่องเต้ของเจ้าข้านั้นไม่เคยสนใจ ยังไงเสีย ถ้าหากเจ้าฝ่าฝืนคำสั่งข้าแล้วก่อให้เกิดผลเสีย เจ้าก็ไม่ต้องเป็นแล้วฮ่องเต้”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “อาจารย์วางใจได้ ข้าจะไม่ทำให้เกิดผลเสียกับงานของท่านอาจารย์แน่นอน หลังจากนี้หนึ่งเดือน ข้าสัญญาอาจารย์จะไม่ผิดหวังแน่นอน”
ก่วยกุเซียน “เจ้าหามังกรดำเจอแล้วหรือยัง”
ฮ่องเต้อำมหิต “ยัง”
ก่วยกุเซียน “ช่างมันเถอะ เรื่องนี้ให้หยินซวางไปจัดการ เจ้าจัดการเรื่องในราชสำนักและวังหลังให้เรียบร้อย หลังจากนี้อีกหนึ่งเดือนหากเกิดอะไรแล้วไปขัดขวางงานใหญ่เจ้ารู้ดีว่าผลที่จะตามมาเป็นอย่างไร”
ฮ่องเต้อำมหิตพยักหน้า “ข้าจะให้ทำให้เกิดอะไรขึ้นกับงานใหญ่ของอาจารย์แน่นอน”
“อืม”
ก่วยกุเซียนเหมือนจะไม่ได้ลงโทษอะไรเขา ได้แต่พยักหน้ารับไว้
ฮ่องเต้อำมหิตลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า “อาจารย์แล้วซินเหยาล่ะ”
ก่วยกุเซียนตอบ “นางตั้งครรภ์ลูกของเจ้าอยู่ และในอนาคตเด็กคนนี้ต้องขึ้นครองราชย์ งั้นก็ปล่อยนางไปก่อน”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “ขอบคุณท่านอาจารย์”
ก่วยกุเซียนขยับตัว ตาที่ปิดอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า “เจ้ากลับไปเถอะ หนึ่งเดือนหลังจากนี้ เรื่องทุกอย่างจะต้องจบด้วยดี แค่เดือนเดียว……รอมาสามร้อยปีแล้ว สามร้อยปีเต็ม”
ในคำพูดของเขาถึงจะฟังดูเย็นชาแต่ก็เต็มไปด้วยความหวัง
ฮ่องเต้อำมหิตรู้สึกแปลกใจ
เขารู้จักอาจารย์มายี่สิบกว่าปี นี่คือครั้งแรกที่เห็นอาจารย์มีความรู้สึก
เขาคิดมาตลอดว่าเพื่อให้อายุยืนยาวนานไม่ตาย สำคัญที่สุดคือการไม่มีความรู้สึก และไม่สามารถมีได้ จะต้องดูเย็นชาตลอดเวลา ปกปิดความรู้เอาไว้ถึงจะได้อายุยืนยาวไม่ตาย
เขาคิดว่าอาจารย์คงไร้ความรู้สึกไปแล้ว
อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง
ฮ่องเต้อำมหิตกำลังจะจากไป แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นป้ายนกอินทรีที่ห้อยไว้ที่เอวของก่วยกุเซียน
“อาจารย์….”
สายตาของเขามองตรงไปที่ป้ายนกอินทรีทอง
ก่วยกุเซียนสะดุ้งนิดหน่อย พร้อมกับพูดว่า “เจ้าคงรู้แล้วสินะ”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “อาจารย์ มันเรื่องอะไรกันแน่”
อาจารย์ดูแปลกไป ราวกับว่าป้ายอินทรีทองนี้มีความลับอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต
ก่วยกุเซียนพูด “เจ้ารู้ไหมว่าข้านั้นมีลูกศิษย์ทั้งหมดกี่คน”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “มีโจว๋อี้เฉินและข้า”
ก่วยกุเซียนพูด “ผิดแล้ว ถ้าหากนับรวมหยินซวางด้วยก็มีทั้งหมดสี่คน”
“ห๊า”
“สี่คน”
“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน”
“อาจารย์”
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ฮ่องเต้อำมหิตรู้สึกแปลกใจ
เขารู้แต่เพียงแค่ว่าเขามีศิษย์พี่คนหนึ่งเมื่อหนึ่งร้อยสามสิบปีที่แล้ว นั่นคือโจว๋อี้เฉิน และไม่เคยหรือรู้อีกเลยว่ามีศิษย์พี่อีก
สายตาของก่วยกุเซียนค่อยๆมองย้อนกลับไปในอดีต “ที่จริงแล้วตอนนั้นที่โจว๋อี้เฉินมาคำนับฝากตัวเป็นศิษย์กับข้านั้น ยังมีอีกคนที่มานั้นก็คือศิษย์พี่รองของเจ้า”
ฮ่องเต้อำมหิตถาม “อาจารย์ ทำไมหลายปีมานี้ ท่านไม่เคยพูดหรือเล่าเรื่องของศิษย์พี่รองให้ข้าฟังเลย”
ก่วยกุเซียนพูด “ศิษย์พี่รองของเจ้าเข้ามาช้ากว่าโจว๋อี้เฉินแค่สองปี ความสามารถในการเรียนวรยุทธของเขานั้นไม่สู้โจว๋อี้เฉิน ตอนที่โจว๋อี้เฉินได้สิบกว่าปี เขาก็กลายเป็นนักกระบี่ที่มีชื่อเสียงแล้วไปทั่วหล้าแล้ว”
ฮ่องเต้อำมหิตพูด “เรื่องพวกนี้ข้าพอจะรู้อยู่ โจว๋อี้เฉินคือบุตรชายคนโตของจวนอ๋องโจว๋ ทุกคนให้ความสำคัญกับเขามากบวกกับได้เรียนวรยุทธกับอาจารย์อีก วรยุทธเขาล้ำเลิศ หนึ่งดาบสามารถทำให้ปฐพีสงบลงได้ เขาได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติเอาไว้มากมาย”
ก่วยกุเซียนพยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ โจว๋อี้เฉินคืออัจฉริยะ ไม่ เขาคืออัจฉริยะในอัจฉริยะ”
คำพูดของอาจารย์ที่ฮ่องเต้อำมหิตได้ยินนั้นเหมือนเขาจะรักและคิดถึงศิษย์คนนี้อยู่ไม่น้อย นี่ทำให้เขารู้สึกแปลกใจมาก
เรื่องมันผ่านมาร้อยกว่าปีแล้ว ต้องหลงลืมกันบ้าง
ทำไมอาจารย์ถึงมีความรู้สึกแปลกๆต่อโจว๋อี้เฉิน