บทที่ 431 ไม่อยากทำให้พวกเจ้าลำบาก2
ฮัวโหล่งหยูนพูด “เรื่องอะไร”
เจี้ยนหารยีพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร พวกเราจะทำให้ได้”
เฮยหยิ่งพูด “ข้าต้องการให้พวกเจ้าไปหาหนังสือหนึ่งเล่ม”
“หนังสือ”
ฮัวโหล่หยูนและเจี้ยนหารยีพูดขึ้นพร้อมกัน
“ใช่หนังสือหนึ่งเล่ม”
เฮยหยิ่งพูด “หนังสือที่ชื่อว่า ค้วยฮัวมี่ลู่ ซึ่งหายไปนานนับหลายร้อยปีแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าอยู่ที่ไหน และไม่มีใครรู้ว่าอยู่ในมือของใคร”
ฮัวโหล่หยูนพูด “ก่อนหน้านี้ในยุทธภพมีคนพูดถึงหนังสือเสินอู่ หรือมันจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”
“หนังสือเสินอู่”
พอได้ยินสี่คำนี้เฮยหยิ่งเหมือนจะชะงักไป
จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “หนังสือเสินอู่เป็นแค่จดหมายเท่านั้นไม่ต้องสนใจ หนังสือลับที่แท้จริงคือ ค้วยฮัวมี่ลู่ จากนี้อีกหนึ่งเดือนสิ่งที่สามารถหยุดยั้งคนนี้ได้คือหนังสือเล่มนี้กับคนอีกหนึ่งคน”
ฮัวโหล่หยูนพูด “อาจารย์พูดแบบนี้ ก็มีหนังสือเล่มนี้กับคน แล้วใครกันล่ะคนนั้น”
เฮยหยิ่งพูด “คน พวกเจ้าไม่ต้องไปสนใจ แล้วก็ไม่ต้องรู้ความจริงด้วย ยังไงเสียจากนี้อีกหนึ่งเดือน พวกเจ้าต้องหาหนังสือมาให้ได้ก็พอแล้ว ถึงแม้จะหาหนังสือไม่เจอ ก็ต้องแน่ใจว่าหนังสือไม่ได้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่น”
ฮัวโหล่หยูนพูด “พวกเราจะทำให้ได้”
เฮยหยิ่งพูด “ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรก็ตาม”
เหมือนเจี้ยนหารยีจะคิดได้เรื่องหนึ่ง “อาจารย์แต่พวกเราสี่คนแค่นี้คงไม่พอ ข้ากับชีวหยูนจะต้องเข้าวังไปคอยคุ้มครองนายท่าน ส่วนฮัวโหล่หยูนและหงจู๋ต้องอยู่ที่ร้านจี้โม่คอยจับตาดูโอหยางซิงเฉิน”
เฮยหยิ่งพูด “คุ้มครองนายท่านของพวกเจ้าชีวหยูนคนเดียวก็พอแล้ว ส่วนโอหยางซิงเฉินก็ไม่ต้องจับตาดูเขา”
ฮัวโหล่หยูนพูด “อาจารย์ โอหยางซิงเฉินคนนี้มีทีท่าที่แปลกๆและทำอะไรลึกลับ”
เฮยหยิ่งพูด “ดูเหมือนว่าคงถึงเวลาที่ข้าจะต้องบอกความลับให้กับพวกเจ้าแล้ว”
ฮัวโหล่หยูนพูด “ความลับอะไร”
เฮยหยิ่งพูด “โอหยางซิงเฉินก็คือศิษย์พี่ของพวกเจ้า”
“อะไรนะศิษย์พี่”
ฮัวโหล่หยูนและเจี้ยนหารยีเบิกตากว้าง ไม่กล้าที่จะเชื่อความจริงนี้เลย
เฮยหยิ่งพูด “พวกเจ้าคงสงสัยมาก แต่ไม่ต้องสงสัย โอหยางซิงเฉินคือศิษย์พี่ของพวกเจ้า เขาเองก็มีหน้าที่ของเขา ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ดังนั้นข้าจึงไม่ได้บอกกับพวกเจ้า เขาเองก็ไม่รู้ความสัมพันธ์นี้ของพวกเจ้ากับเขา ตอนที่พวกเจ้าเข้าไปในร้านจี้โม่ข้าเองก็รู้สึกแปลกใจ บางที่นี่อาจจะเป็นโชคชะตาของพวกเจ้า โอหยางซิงเฉินพวกเจ้าไม่ต้องจับตาดูเขาแล้ว งานของเขายังมาไม่ถึง รอถึงวันนั้นพวกเจ้าก็จะรู้เองว่ามีเขาเอาไว้ทำไม”
“ขอรับอาจารย์”
ฮัวโหล่หยูนเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
เจี้ยนหารยีรู้ว่าไม่มีคำตอบเขาจึงไม่ได้ถามอะไรมาก
เฮยหยิ่งพูด “พอแล้วตอนนี้พวกเจ้าก็เข้าใจแล้ว งั้นก็กลับไปก่อนที่ฟ้าจะสว่าง ในหนึ่งเดือนนี้พวกเจ้าสามารถมาหาข้าได้ที่นี่”
เจี้ยนหารยีเหมือนจะนึกอะไรได้ “อาจารย์ ข้ามีเรื่องอยากจะถาม”
“เสี่ยวเจี้ยนปกติเจ้าจะไม่ชอบถามอะไร แต่วันนี้เจ้ากลับถามข้า เจ้าถามมาข้าจะตอบเจ้าเท่าที่ข้าตอบได้”
เจี้ยนหารยีลังเลก่อนจะถามขึ้นว่า “อาจารย์ทำไมพวกเราต้องคอยคุ้มครองปกป้องซินเหยาด้วย”
“พวกเราไม่เข้าใจ ว่าอาจารย์กับนางมีความสัมพันธ์กันยังไง ทำไมอาจารย์ถึงให้พวกเราไปหานาง”
คำถามนี้
อยู่ในใจสี่นักผู้คุ้มกันมาตลอด
ถึงอยากจะถาม
ก็ไม่มีโอกาส
เพราะอาจารย์ไม่เคยออกมาให้พวกเขาได้เจอหน้าเลย
เฮยหยิ่งลังเลครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ข้าพูดถึงคนหนึ่งกับหนังสือค้วยฮัวมี่ลู่ และคนนั้นก็คือนายท่านของพวกเจ้า”
ฮัวโหล่หยูนและเจี้ยนหารยีที่ออกมาจากบ้านไม้ พวกขาออกมาด้วยความงงไม่เข้าใจไปหมด
แต่
พวกเขารู้ ว่าเรื่องนี้จะต้องน่ากลัวมากแน่ๆ
อาจารย์ของพวกเขา เก่งขนาดนี้ยังกลัวเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้หนึ่งเดือนเลย
แบบนี้
คงต้องเป็นเรื่องที่น่ากลัวมากๆ
หนึ่งเดือนหลังจากนี้ จะเกิดอะไรขึ้นนะ
“ยังงอยู่หรือ”
ฮัวโหล่หยูนตบไปที่บ่าของเจี้ยนหารยีเบาๆ
“เจ้ารู้ตั้งแต่เมื่อไหร่” เจี้ยนหารยีหันมาถามฮัวโหล่หยูน
ฮัวโหล่หยูนพูด “รู้อะไร”
เจี้ยนหารยี มองไปทางบ้านไม้
ฮัวโหล่หยูนพูด “พวกเรารู้เมื่อตอนเช้าของวันนี้เอง เมื่อตอนเปิดประตูในตอนเช้า ก็มีขอทานวิ่งมาที่ร้านจี้โม่แล้วยื่นกระดาษให้กับหงจู๋ ในนั้นเขียนเอาไว้ว่าให้พวกเราสี่นักผู้คุ้มกันมาที่นี่ แต่เจ้ากับชวีหยูนไม่อยู่ข้ากับหงจู๋จึงมาก่อนจากนั้นข้าก็ให้หงจู๋ไปตามเจ้ามา”
เจี้ยนหารยีพูด “เจ้าไม่แปลกใจหรือ ว่าทำไมยี่สิบปีแล้วอาจารย์ถึงจะพึ่งมาให้เห็น”
ฮัวโหล่หยูนพูด “ยังไงเสีย อาจารย์สั่งอะไรพวกเราทำตามก็พอ อ้อใช่แล้ว พวกเราทำตามแผนเดิมช่วยกันหา ชีวหยูนอยู่คอยคุ้มครองนายท่าน พวกเราช่วยกันหาหนังสือค้วยฮัวมี่ลู่”
“แต่จะไปหาหนังสือนั่นจากที่ไหนกันล่ะ” เจี้ยนหารยีทำสีหน้าสงสัย