บทที่ 450 ไม่อาจเบี้ยวนัดได้1
ดูเหมือนว่า จะเป็นความเงียบสงบที่เกิดขึ้นก่อนพายุฝนจะมา
ทหารองครักษ์รักษาการอยู่นอกตำหนักซูหนิงอย่างเข้มงวดมาก กำลังในการก็รักษามีมากกว่าปกติเป็นอย่างน้อยสามเท่า
หลังจากที่ซินเหยาแอบเข้าไปในห้องโถงใหญ่จึงพบว่า ภายในตำหนักซูหนิงนั้นว่างเปล่าอย่างคาดไม่ถึง ทหารสักนายก็ไม่มี
ดูเหมือนว่า
ไทเฮาจะเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว
เตรียมพร้อมรึ?
ตกลงว่าดีหรือไม่ดีกันแน่?
ซินเหยาเองก็ไม่มีทางรู้ได้
ซินเหยาไม่กล้าชะล่าใจ ในใจของนางรู้สึกระแวดระวังเป็นอย่างมาก จึงคลำทางเข้าไปด้านในพระตำหนักของไทเฮา
“ในที่สุดเจ้าก็เข้ามาแล้ว”
น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกของคนคนหนึ่งดังมาจากมุมห้อง
ซินเหยาตกใจ
แต่กลับเห็นเหมือนเป็นเงาของอ้านปิงยืนอยู่ที่มุมห้อง จึงถามไปว่า
“เจ้ากำลังรอข้าอยู่หรือ?”
ซินเหยาถามด้วยความแปลกใจ
อ้านปิงพูดว่า “ในเมื่อนัดกันแล้วคืนนี้ข้าก็จะต้องมาสิ เจ้าจะไม่เบี้ยวนัดข้าใช่หรือไหม?”
ซินเหยายิ้มเบาๆ แล้วพูดว่า “อ้านซิงไม่ใช่ยังไม่ตายหรอกหรือ? ทำไมเจ้ายังจะต้องติดตามไทเฮาอยู่อีกล่ะ? หมอหลวงกำลังพยายามอย่างหนักเพื่อรักษาอ้านซิง แม้ว่าแผลที่ถูกไฟลวกจะร้ายแรง แต่ถ้าให้หมอหลวงรักษาอย่างละเอียดสัก 3-5 ปี น่าจะสามารถหายดีเป็นปกติได้นะ เจ้าควรจะคิดถึงตัวเองและชีวิตในอนาคตของอ้านซินให้มากๆ รอให้อ้านซิงหายดีก่อน ลองคิดดูสิว่าอะไรเรียกว่าอิสรภาพ”
“อิสรภาพคือสิ่งที่อาจารย์มอบให้!”
อ้านปิงพูดอย่างเย็นชา
“ตัวเจ้าเองก็ลองคิดดูให้ดีๆเถอะ! ถึงอย่างไรเสีย ต่อจากคืนนี้ไปเกรงว่าพวกเราจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกแล้ว จริงสิ ฝากทักทายอ้านซิงให้ข้าด้วยนะ!”
“ทักทายงั้นเหรอ?”
“อยู่ในโลกใบนี้ ข้าไม่มีเพื่อนเลยสักคน นางจึงถือว่าเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของข้า”
ซินเหยารู้ดีว่าคนที่มีจิตใจจงรักภักดีเช่นนี้อย่างอ้านปิง ไม่อาจทรยศจินยิงได้อย่างแน่นอน
มิตรภาพที่ทั้งสองคนเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่ในวังใต้ดินเพื่อต่อต้านไทเฮาอย่างเอาเป็นเอาตาย ดูเหมือนว่าจะค่อยๆจางหายไปตามกาลเวลาแล้ว
บนใบหน้าของอ้านปิงก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆเลยสักนิด มีเพียงคำพูดที่พูดเหมือนกับหุ่นยนต์ตัวหนึ่งว่า “อาจารย์รอเจ้าอยู่สวนดอกไม้ด้านหลัง!”
“สวนดอกไม้ด้านหลังรึ?”
ซินเหยาประหลาดใจมาก
อ้านปิงพยักหน้าแล้วพูดว่า “เข้าไปแล้วก็จะรู้เอง ต้องการให้ข้านำทางเจ้าไปหรือไม่?”
“ไม่ต้องหรอก ข้ารู้ทางดี”
พอซินเหยาพูดจบก็เดินไปที่สวนดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังทันที
สวนดอกไม้ที่อยู่ด้านหลังเป็นสวนดอกไม้ส่วนพระองค์ของไทเฮา ซึ่งอยู่ด้านหลังตำหนักซูหนิง มีพื้นที่ขนาดเล็ก แต่สภาพแวดล้อมโดยรอบนั้นดูหรูหราสวยงามและสะอาดสะอ้านมาก
นี่คือสถานที่ที่ฮองเฮามาพักผ่อนพระกายาอยู่เป็นประจำ
ซินเหยาเคยมาที่นี่สองครั้ง
ดังนั้น นางจึงรู้จักทางเป็นธรรมดา
แสงจันทร์ที่สว่างไสวได้สาดส่องลงมาที่สวนดอกไม้หลังตำหนักจนเหมือนกับเป็นเวลากลางวัน
พอซินเหยาเดินเข้ามา จึงสามารถมองเห็นไทเฮากับข้ารับใช้ที่อยู่ข้างๆนางและมาได้อย่างชัดเจน ทุกคนดูเหมือนกับรูปปั้นแกะสลักที่กำลังตั้งตระหง่านอยู่…
“ยื่นเฝ้าระวังอยู่งั้นหรือ?”
“เหอะๆ”
“ผู้อาวุโสอย่างไทเฮาในที่สุดก็ถึงตาพระองค์มายืนเฝ้าระวังแล้วหรือเพคะ?”
ซินเหยายิ้มเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไป
สีหน้าของไทเฮาเขียวปัดและแข็งทื่อ และไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมาสายแล้วนะ”
เสียงที่แก่หง่อมดั่งต้นไม้ที่แห้งเหี่ยวดังขึ้นมาจากในเงามืด
ซินเหยามองเห็นว่าภายใต้แสงจันทร์มีเงาของคนๆหนึ่งกำลังนั่งอยู่ ในมือของเขากำลังถือหนังสือเล่มหนึ่งอ่านอย่างสบายใจมาก…
คนที่กำลังสวมหน้ากากทองคำอยู่คนนี้ ก็คือจินยิงที่มีประวัติความเป็นมาลึกลับและมีวรยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมล้ำเลิศที่สุดนั่นเอง!
“อ่านหนังสือในความมืด อารมณ์สุนทรีย์ของข้ากลับดีมาก”
ซินเหยาก็เดินเข้าไปนั่งอยู่ด้านหน้าของจินยิงอย่างไม่เกรงใจ
จินยงก็ไม่ได้เงยหน้าลืมตาขึ้นมามองเลย แล้วพูดคำพูดที่มีน้ำเสียงแฝงไปด้วยความปีติยินดีอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว เจ้าไม่รู้สึกว่า แสงของพระจันทร์ในคืนนี้สว่างไสวอย่างหน้าประหลาดหรอกหรือ? หากมีใจรักอยากจะอ่านหนังสือก็ไม่จำเป็นต้องมีแสงที่สว่างจ้ามากนักหรอกนะ”
บรรยากาศชักจะไม่ดีแล้ว
ในระหว่างที่พูดคุยและหัวเราะกัน ก็มีความโน้มน้าวที่แข็งแกร่งมากแฝงอยู่ในนั้นด้วย
ทุกการเคลื่อนไหวของคนๆนี้ แฝงไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่มากที่สามารถชี้เป็นชี้ตายอาณาราษฎรในใต้หล้าได้
เหมือนกับว่า…
โลกใบนี้อยู่ในกำมือของเขา
สวนเล็กๆที่สวยงามแห่งนี้ ในขณะนี้ก็ยิ่งเงียบสงัดขึ้นไปอีก…
เสียงที่เงียบสงัดเหมือนกับทำให้ต้นไม้แห้งเหี่ยวได้ ฟังดูน่ากลัวและลึกลับเป็นอย่างมาก…
แต่ซินเหยากลับไม่มีแนวโน้มว่าจะกลัวเลยสักนิด นางจึงถามไปว่า “เอ๊ะ? มีคำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ?”
ทันใดนั้นจิงยิงจึงอ่านประโยคหนึ่งออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “ดวงตาไม่จำเป็นต้องสว่างไสว ขอเพียงแค่ภายในหัวใจสว่างไสวก็พอแล้ว!”
จินยิงพูดว่า “ยอดเยี่ยมมาก!”
ซินเหยาเอากระเป๋าเดินทางที่หนักมากไปวางไว้ด้านข้าง แล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าอารมณ์ที่ดีของเจ้าจะสามารถนำความโชคดีมาให้ข้าได้นะ ระหว่างเรา จะต้องพูดอะไรให้มากความอยู่ทำไม? ข้ามาแล้ว ตามเวลาที่ตกลงกันไว้ ตอนนี้ เจ้าควรรักษาคำมั่นสัญญาได้แล้วนะ!”“
“คำมั่นสัญญารึ?”
“ใช่ หรือว่าเจ้าลืมไปแล้ว?”
“ไม่ได้ลืม!”
“เพียงแต่…”
“เพียงแต่อะไรรึ?”
“เพียงแต่เจ้าแน่ใจหรือว่าตัวเองใคร่ที่จะกลับไปที่ศตวรรษที่ 21 จริงๆ?” ทันใดนั้นคำพูดที่แฝงไปด้วยความถากถางเหน็บแนมหนึ่งประโยคก็ออกมาจากปากของจินยิง
ซินเหยาพูดว่า “นี่เป็นเรื่องของข้า!”
จินยิงอ่านหนังสือไปพลาง และพูดอย่างผ่อนคลายไปพลางว่า “ข้าก็แค่ลองถามเจ้าดูเฉยๆ” ดูเหมือนว่าซินเหยาจะมีความรู้สึกกระวนกระวายใจอยู่บ้าง จึงถามไปว่า “ตกลงเจ้าจะส่งข้ากลับไปในศตวรรษที่21หรือไม่?”
จินยิงวางหนังสือที่อยู่ในมือลงไปอย่างช้าๆ
แล้วหันหน้ากากสีทองมา ดวงตาที่ลึกคู่หนึ่งนั้นกำลังจ้องมองซินเหยาอยู่…
ภายใต้แสงจันทร์ที่สว่างไสว ดวงตาที่ดำขลับคู่นี้ ก็มีความเย็นชากระจายออกมา…
“เจ้าใจร้อนเกินไปแล้ว!”
จินยิงพูดคำพูดไม่กี่ประโยคนี้ออกมาเบาๆ
ซินเหยาพูดว่า “เจ้าต้องการข้าตอบรับเงื่อนไขของเจ้า! ประการแรก รักษาชีวิตและตำแน่งในวังหลังของไทเฮาเอาไว้ ข้าทำให้แล้ว ประการที่สอง เจ้าต้องการปืนเลเซอร์ของข้าเจ้าก็ได้ไปแล้ว ไม่ใช่เรอ? ข้าตอบรับเรื่องที่เจ้าต้องการแล้ว ข้าทำให้เจ้าหมดทุกอย่างแล้วนะ ตอนนี้ เจ้าควรทำตามสัญญาได้แล้ว”