บทที่ 447 จะต้องมีความลับอะไรแน่ๆ2
“มันจะต้องรอให้ข้ากลับไปรับมันที่สำหนักชิงหลงอย่างกระวนกระวายใจแน่ๆเลย!”
“ไอ้คนสาระเลวสมควรตาย!”
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!”
“ทำให้ข้าสูญเสียเสี่ยวป๋านไปแล้ว!”
ภายในหัวใจของซินเหยารู้สึกร้อนรนเหมือนถูกไฟลนก้น สักครู่หนึ่งคิดอยากจะออกไปรับเสี่ยวป๋านนอกวัง
แต่นางรู้ว่า จะต้องไม่ทันกาลแน่ๆ
หลังจากนั้นไม่นานเธอก็เดินไปที่ตำหนักชิงหย่าอีกครั้งเพื่อกลับไปหยิบกระเป๋าเดินทางของนาง!
แต่ทว่า ไม่ว่ายังไงในใจของนางก็ปล่อยเสี่ยวป๋านไปไม่ได้!
“เสี่ยวป๋าน”
“เสี่ยวป๋านอ่า”
“ข้าทิ้งเสี่ยวป๋านไปไม่ได้”
ซินเหยารีบจะตายอยู่แล้ว!
นี่คือผลลัพธ์ที่นงไม่อยากเห็นมากที่สุด!
ถ้าหากเสี่ยป๋ายผู้น่าสงสารรู้ว่าตัวเองต้องถูกทอดทิ้ง จะต้องเสียใจมากแน่ๆเลย
ถ้าหากมันรู้ว่าจะไม่ได้เจอเจ้านายของตัวเองอีกแล้ว ต่อไปมันก็คงรู้สึกเหงาและโศกเศร้าเสียใจเป็นเวลานานมากแน่ๆ….
“ไม่ได้!”
“จะลังเลไม่ตัดสินใจอย่างนี้อีกต่อไปไม่ได้แล้ว!”
“เสี่ยวป๋าน”
“จะต้องไปรับมันไม่ทันแน่ๆเลย”
“บางที นี่อาจจะเป็นโชคชะตา”
“เสี่ยวป๋านเป็นของโลกใบนี้”
“ถ้าบีบบังคับให้มันไปจากโลกนี้ มันไม่ยุติธรรมเลยนะ”
“ศตวรรษที่ 21 ไม่ใช่โลกของมัน”
“ที่นี่ต่างหาก จึงจะเป็นโลกของเสี่ยวป๋าน”
ทันใดนั้นซินเหยาก็พบว่า บางทีตัวเองก็เห็นแก่ตัวไปหน่อย
ใจหนึ่งนงอยากจะพาเสี่ยวป๋านกลับไปที่ศตวรรษที่ 21 นี่คือความคิดเห็นส่วนใหญ่ของตัวเอง แต่นางกลับไม่เคยคิดถึงเสี่ยวป๋านเลยจริงๆ
เพียงแต่นางคิดที่จะทิ้งเสี่ยวป๋านไปไม่ลงจริงๆ
เสี่ยวป๋านก็ไม่อยากห่างจากนางเช่นกัน
แต่นางไม่เคยคิดเลย
แม้ว่าจะตัดใจไม่ได้ สักวันหนึ่งเสี่ยวป๋านก็ต้องเป็นอิสระ มันจะต้องโดดเดี่ยวและได้เจอกับคนที่เหมาะสมกับตัวมันเอง…
เสี่ยวป๋านเหมาะที่จะอยู่ที่นี่
ภายในหัวใจของซินเหยารู้สึกเศร้าโศกเสียใจ มันเป็นการยากที่จะยอมรับการตัดสินใจที่ไม่มีทางเลี่ยงเช่นนี้
แต่ทว่า…
นางไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว
“เสี่ยวป๋าน! ข้าจะคิดถึงเจ้าตลอดไปนะ!”
ซินเหยาไม่ลังเลอีกต่อไป นางวิ่งตะบึงไปจากตำหนักชิงหย่าอย่างรวดเร็ว
“หวังว่ายังกลับไปเอากระเป๋าเดินทางทันนะ!”
ซินเหยาภาวนาอยู่เงียบๆ
ณ ร้านจี้โม่เหยียนยู่
ลานด้านหลัง
ภายใต้ค่ำคืนที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว พระจันทร์ที่ส่องแสงสุกสกาวได้สาดส่องแสงสีเงินที่สว่างไสวลงมา…
ฮัวโหล่หยูนเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วดูเหมือนกับวิญญาณ
“อาจารย์!”
ทันใดนั้นเขาก็คุกเข่าลงแล้วก้มคำนับ
“ลุกขึ้นเถอะ”
ทันใดนั้นชายชุดดำที่ลึกลับคนหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาท่ามกลางความมืดมิด
ฮัวโหล่หยูนจึงพูดว่า “อาจารย์รีบร้อนมาหาข้าเช่นนี้ มีธุระอะไรหรือขอรับ?”
ชายชุดดำถามว่า “หงจู๋ล่ะ?”
ฮัวโหล่หยูนตอบว่า “นางกำลังดูต้นทางอยู่ข้างหน้าขอรับ”
ชายชุดดำถามว่า “เจี้ยนหารยีกับชีวหยูนล่ะ?”
ฮัวโหล่หยูนตอบว่า “เจี้ยนหารยีไปหาหนังสือ ส่วนชีวหยูนเข้าไปในวังเพื่อป้องกันนายท่านแล้วขอรับ”
ชายชุดดำถามว่า “เรื่องหาหนังสือเป็นอย่างไรบ้างแล้ว? มีความคืบหน้าหรือไม่?”
ภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่สดใส สายตาที่เย็นยะเยือกได้ทำลายความอ้างว้างให้สลายหายไป…
แล้วมีความเฉียบแหลมและความเลือดเย็นอำมหิตปรากฏออกมาในความมืดสลัว
อากาศที่อยู่รอบๆตัวชายชุดดำ ได้แผ่กระจายความรู้สึกเย็นยะเยือกออกมาอย่างรุนแรง…
ฮัวโหล่หยูนจึงพูดว่า “หงจู๋ยังคอยสืบข่าวกับพวกนักเดินทางทั้งหลายที่ร้านจี้โม่เหยียนยู่ และไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ข้ามักจะเดินทางเข้าออกทุกที่ในเมืองหลวงก็ไปหาสหายที่คุณเคยกันหลายคนเพื่อลองถามเปรยๆดู แต่ก็ไม่ได้อะไรเลย สมควรที่จะพูดว่าไม่มีเบาะแสเลยสักนิด ดูเหมือนว่า หนังสือเล่มนี้ที่อาจารย์ต้องการหา ไม่เคยปรากฏขึ้นมาในโลกใบนี้เลย! แล้วก็ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อของหนังสือเล่มนี้เลยสักคน อย่าพูดถึงว่าจะต้องหาหนังสือนี้เลยขอรับ!”
ชายชุดดำดูค่อนข้างผิดหวัง
ฮัวโหล่หยูนพูดว่า “อาจารย์ หนังสือเล่มนี้ มีความสำคัญขนาดนี้เชียวหรือขอรับ”
ชายชุดดำพูดว่า “ หาไม่เจอก็ช่างมันเถอะ พวกเราหาไม่เจอ ไม่แน่ว่า อาจารย์กับศิษย์น้องของข้าก็หาไม่เจอเช่นกัน…”
ฮัวโหล่หยูนถามว่า “ อาจารย์ อาจารย์กับศิษย์น้องของท่านน่ะ ทำไมไม่เคยได้ยินใครพูดถึงเลยล่ะขอรับ?”
ชายชุดดำพูดว่า “ฮัวโหล่หยูน อาจารย์จะมอบงานไม่ล่าสุดให้เจ้าหนึ่งงาน!”
ฮัวโหล่หยูนพูดว่า “ท่านอาจารย์สั่งมาได้เลยขอรับ”
ชายชุดดำพูดว่า “ข้าอยากให้เจ้าคุ้มครองโอหยางซิงเฉินให้ดีๆ!”
“เจ้าของร้านหรือขอรับ?”
“ใช่!”
“งานที่อาจารย์มอบหมายให้ ศิษย์ไม่เคยกล้าถาม เพียงแต่ วรยุทธ์ของเจ้าของร้านอยู่ในระดับที่ลึกล้ำจนไม่อาจหยั่งรู้ได้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องการความคุ้มครองจากข้าหรอกขอรับ!”
ชายชุดดำพูดว่า “เจ้าจะต้องจำไว้ว่า ถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นมา โอหยางซิงเฉิน ก็คือไพ่ตายสำรองที่สำคัญที่สุดของที่สุด! ดังนั้นเจ้าก็อย่าถามให้มากความ จำไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องคุ้มครองโอหยางซิงเฉินให้ดี! คุ้มครองอย่างลับๆนะ!”
“รับทราบ! ศิษย์เข้าใจแล้ว! อาจารย์ยังมีอะไรจะกำชับอีกหรือไม่ขอรับ?”
“พวกเจ้าทั้งสี่…ล้วนเป็นเด็กที่มีชีวิตอาภัพ จากกันคืนนี้ บางที อาจจะไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก พวกเจ้าทั้งสี่คนจะต้องรักษาตัวให้ดีดีนะ!”
ทันใดนั้นชายชุดดำก็พูดด้วยความรู้สึกใจหาย
ฮัวโหล่หยูนจึงถามด้วยความตกใจว่า “อาจารย์ เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ? เมื่อผ่านพ้นคืนนี้ไปทำไมพวกเราก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะขอรับ? ท่านจะจากพวกเราไปอีกแล้วหรือขอรับ?”
ชายชุดดำพูดว่า “สาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยบอกพวกเจ้า เพราะว่าอาจารย์กับพวกเจ้าไม่รู้จักกันดี ก็เลยไม่ต้องการทำให้คุณตกอยู่ในอันตราย ตอนนี้ ถึงเวลาอันสมควรที่จะต้องไปยุติเรื่องของบุญคุณและความแค้นทั้งหมดแล้ว”
ฮัวโหล่หยูนถามด้วยความแปลกใจว่า “อาจารย์ ทำไมข้าถึงฟังคำพูดของท่านไม่เข้าใจสักคำเลยล่ะขอรับ?”
ชายชุดดำพูดว่า “เจ้าต้องฝึกฝนวรยุทธ์ที่ข้าสอนให้ดีดีนะ!
หลังจากนี้ต่อไปห้าปี ไม่สิ ไม่ใช่ห้าปี หลังจากนี้ต่อไปสามปี ด้วยพรสวรรค์ของเจ้ากับเจี้ยนหารยี จะต้องได้เป็นนักกระบี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้าอย่างแน่นอน! พวกเจ้าใช้ชีวิตให้มีความสุขมากๆเถอะ! หลังจากนี้อาจารย์จะไม่สามารถดูแลพวกเราได้อีกแล้วนะ! “