บทที่ 465 นี่คือดอกไม้ที่ท่านต้องการ2
“อื้อ? ข้าดูหน่อย หือ? ดอกไม้นี่ดูแล้วสวยกว่าตอนที่เสียบไว้ในแจกันยามปกติเสียยิ่ง นี่มันเป็นเพราะอะไรกันแน่” มันช่างแปลกพิสดารเสียจริง ข้อนี้ทำให้ทั้งสองคนรู้สึกตื่นเต้นนัก
“เฮ้อ เจ้าทำได้อย่างไรกัน นี่มันสวยขึ้นเป็นกองเลยนะ” เห็นชัดว่าคุณหนูรองถูกการจัดวางดอกไม้ที่แตกต่างอันนี้ดึงดูดความสนใจไปทั้งหมด
ช่างเหมือนเด็กจริงๆ ซินเหยาเพิ่มประโยคนี้เข้าไปในใจ แต่ว่าไม่ได้มีแววผิดหวังเลยสักนิด ถึงแม้การปักดอกไม้นี้นางกอบกุมด้วยมือ คิดว่านี่เป็นสิ่งที่ทุกคนทำเป็น คาดไม่ถึงว่ามันจะแตกต่างจากคนอื่นไปเสียได้
“อันที่จริง ดอกไม้นี้เพียงแค่แบ่งออกเป็นชั้นๆ เท่านั้น โดยยึดตามมาตรฐานความงาม หรือพูดอีกอย่างคือ ถ้าหากยืนอยู่ในตำแหน่งแตกต่างกันสิ่งที่มองเห็นก็ไม่เหมือนกัน เช่นนั้นความรู้สึกตอนที่มองเห็นก็จะแตกต่างกัน ดอกไม้ช่อนี้ก็ดูเหมือนกับภาพวาดของคุณหนูรอง ดูจากดอกไม้บนผนังนั่นของคุณหนูรองที่สวยงามเช่นนี้ ก็รู้แล้วว่าคุณหนูรองเชี่ยวชาญด้านความงามยิ่งนัก” เอ่ยตอบคำถาม ซินเหยาไม่ได้พลาดอะไร ไม่นับว่าล่วงเกิน แต่กลับดูพอดีพองาม
“โอ้ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ดูท่าเจ้ารู้อะไรอีกมากเลยเชียว อื้อ บอกข้ามา เจ้าทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน” กล่าวพลาง จู่ๆ คุณหนูรองก็เงยหน้าขึ้นมาถาม
“คุณหนูรองโปรดอภัย ข้าน้อยเพียงแต่เรียนรู้ตามป้าหนิวตอนที่สอนปักถักดอกไม้เท่านั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ปักดอกไม้ จู่ๆ ก็คิดขึ้นได้ จากนั้นจึงเก็บดอกไม้ป่ามาจัดแจงอยู่ที่นั่น และมันก็ดูสวยกว่าตอนที่เสียบไปแบบส่งๆ จริงๆ ด้วยเจ้าค่ะ” เมื่อซินเหยาเห็นดวงหน้าของคุณหนูรองเงยหน้าขึ้น นางสะดุ้งและคุกเข่าลงทันที
“ก็นั่นน่ะสิ หลิงเฉี่ยว เด็กสาวชาวบ้านคนหนึ่งจะมาเทียบกับคุณหนูชนชั้นสูงได้อย่างไรกัน คาดว่านี่คงเป็นเรื่องบังเอิญกระมัง ข้าไปล่ะ วันนี้พี่ชายเฉินกลับมาแล้ว เจ้าไปเป็นเพื่อนข้า ข้าตั้งใจมาหาเจ้าเพื่อไปโถงใหญ่ด้วยกันโดยเฉพาะเลยนะ” ผู้ที่ถูกเรียกว่าปิงเอ๋อร์มองสำรวจซินเหยาแวบหนึ่ง มองร่างกายของซินเหยาที่คุกเข่าอยู่กับพื้นและก้มหน้าต่ำ ในแววตาก็ผุดแววเหยียดหยามเล็กน้อย นางลากคุณหนูรองเตรียมตัวเดินออกไปข้างนอก
“เฮ้ เดี๋ยวก่อนสิ เจ้านี่ใจร้อนจริง ฤดูใบไม้ผลิเพิ่งจะผ่านพ้นไปนี่เองนะ” คุณหนูรองยักคิ้วหลิ่วตาให้ปิงเอ๋อร์จนตาจะบีบกันเป็นเส้นเดียวเสียแล้ว
“เอ่อ เจ้าไปบอกให้แม่บ้านเอาเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้า อย่าได้ทำขายหน้าพวกเราตระกูลเว่ยเชียวนะ ถ้าให้ท่านพ่อเสียหน้าล่ะก็เจ้าเจอดีแน่” วินาทีที่กำลังจะเดินออกจากห้อง จู่ๆ คุณหนูรองก็ฉุกคิดอะไรออก จึงหันหน้ามากำชับซินเหยา
“เจ้าค่ะ คุณหนูรอง”
ส่งทั้งสองจากไป ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปสู่ความสงบ ซินเหยามองที่โต๊ะ เก้าอี้ แก้ว และอุปกรณ์ต่างๆ ความอบอุ่นดั่งในฝันเป็นความรู้สึกเดียวที่สถานที่แห่งนี้มอบให้แก่นาง บรรจงวางดอกไม้ไว้อย่างดี ปิดประตูห้องให้สนิท ซินเหยาเตรียมตัวจะจากไป
“โพล้งเพล้ง” การจู่โจมที่มาแบบกะทันหันเกือบทำให้ซินเหยาหงายหลัง ดีที่ประตูด้านหลังปิดสนิทแล้ว จึงเลี่ยงไม่ได้ล้มคะมำลงไป เพียงแต่เรี่ยวแรงบนมือกลับทำให้ความสนใจของนางย้ายไปด้านบนได้
เห็นเพียงแต่มือขวาของนางดึงเด็กสาวอายุประมาณสิบสี่ปีที่เกือบจะหกล้มคนหนึ่งเอาไว้ เด็กสาวคนนี้ปรากฏตัวที่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ และก็ไม่ใช่ข้อสงสัยของนาง หากแต่เป็นมือของนาง ใช่ มือเรียวเล็กคู่นั้นของนาง มันมีพลังเหลือเกินถึงขนาดคว้าร่างกายของเด็กสาวเอาไว้ได้ ซ้ำยังในระยะเวลาอันรวดเร็วอีกด้วย
“ขอบคุณ ขอบคุณ…” เด็กสาวรีบลุกขึ้น และกล่าวขอโทษเต็มแรง
“ไม่เป็นไร เป็นข้าต่างหากที่ควรจะขอโทษถึงจะถูก เจ้าไม่เป็นไรกระมัง” เอ่ยปากอย่างอบอุ่น ซินเหยาเอาคำถามของตนเองพับกลับลงในกระเป๋าไป และนางขบคิดถึงมันอย่างสงบ
“ไม่ ไม่เป็นไร” ครั้นได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนซ้ำยังดูนอบน้อมขนาดนั้นของซินเหยา เด็กสาวจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นกระดากอายขึ้นมา
“ท่านรีบร้อนขนาดนี้…” ซินเหยาจงใจหยุดชะงัก นางไม่กล้าพูดมากความ แต่ว่าบางครั้งก็อดเชื่อไม่ได้ โดยเฉพาะเวลาแบบนี้ ดูการตอบสนองของแม่นางคนนี้ ควรนับว่ามันไร้เดียงสา นางรู้ว่าเด็กสาวคนนี้จะต้องพูดออกมาเองแน่
“ข้ามาหาคุณหนูรอง ฮูหยินใหญ่ต้องการพบนาง บอกว่ามีแขกคนสำคัญติดตามนายน้อยเฉินกลับมาด้วย ใช่แล้ว คุณหนูรองอยู่ในห้องหรือไม่” เด็กสาวชะโงกคอมองเข้าไป นึกอยากแน่ใจว่าคุณหนูรองอยู่ในห้องหรือไม่
“คุณหนูรองไม่ได้อยู่ในห้องหรอก” เมื่อได้รับข้อมูล ซินเหยาก็ครุ่นคิดว่าจะให้ร่องรอยของคุณหนูรองแก่เด็กสาวคนนี้หรือไม่ นางจำต้องป้องกันไว้ก่อน แม้ว่าจะเป็นเพียงหนึ่งประโยคก็อาจจะชะตาขาดได้ ซ้ำยังเกี่ยวพันกับป้าหนิวและลุงหนิวอีก ถ้าหากมีเพียงตนก็คงไม่สำคัญอะไร อย่างไรเสียนางก็ตัวคนเดียว ไม่มีความทรงจำ ไม่มีความผูกพันใดๆ แต่ถ้าหากลามไปถึงผู้มีพระคุณของตนนั้นย่อมไม่ได้อยู่แล้ว นี่ไม่ต่างจากการตอบแทนคุณเลยสักนิด
“ข้าไปก่อนล่ะ” เด็กสาวงงงันอยู่สักพัก ซินเหยาฉวยโอกาสตัดช่องหนีไป ทางที่ดีที่สุดก็คือไม่รู้ไม่เห็น บางทีอาจจะไม่นำพาความเดือดร้อนที่ไม่จำเป็นมาให้ก็ได้ จะบอกที่อยู่ของคุณหนูหรือไม่ก็ล้วนเป็นความผิดพลาด
ด้วยความทรงจำและการชี้ทางอันยอดเยี่ยมของตน ซินเหยาตามหาป้าหนิวซึ่งกำลังตรากตรำทำงานในห้องซักผ้าเจออย่างราบรื่น มองผู้ที่นวดเสื้อผ้าสุดพลังอยู่ข้างถังไม้ เหนือศีรษะมีผ้าไหมเป็นเส้นๆ ลอยอยู่ บนหน้าผากนั้นก็ผุดเหงื่อเม็ดเป้งออกมาเต็มไปหมด ฤดูกาลนี้ทำให้คนเหงื่อออกง่ายยิ่งนัก
“ป้าหนิว ลำบากท่านแล้ว ให้ข้าทำเถิด” ดวงตาไร้แววผุดประกายเห็นใจ ซินเหยารีบสาวเท้าเดินไปยังข้างกายของป้าหนิว รีบก้มตัวฉวยเอาเอาเสื้อผ้าบนมือของป้าหนิวมาอย่างรวดเร็ว ไม่ให้โอกาสป้าหนิวตอบสนองใดๆ เลย การเคลื่อนไหวบนมือหยุดอยู่ตรงนั้น ส่วนเสื้อผ้าลอยมาอยู่บนมือของซินเหยาแต่เนิ่นๆ แล้ว
“ช่างเป็นเด็กโง่จริงๆ งานแค่นี้เอง ป้าหนิวไม่เหนื่อยหรอก” เอื้อมมือที่ซักเสื้อผ้านั่นขึ้นไปปาดเหงื่อบนหน้า มองดูการเคลื่อนไหวไม่แยแสของซินเหยา ใบหน้าผุดเผยความพึงพอใจ เด็กสาวคนนี้เป็นของมีค่านัก ไม่พูดมากความ แต่กลับรู้ว่าตนกำลังคิดอะไรอยู่ มือเรียวเล็กละเอียดคู่นั้นราวกับมือของคุณหนูชนชั้นสูง แต่กลับทำงานคล่องมือไปเสียทุกอย่าง
“เป็นเจ้าต่างหาก ลำบากเจ้าแล้วจริงๆ อัย จะโทษก็โทษที่ป้าหนิวลุงหนิวไม่มีความอดทน ไม่เช่นนั้นคนที่ดุจดั่งเทพธิดาอย่างเจ้า จะมีชะตาของสาวใช้ไปได้อย่างไรกันเล่า”
“ป้าหนิว เหตุใดท่านจึงพูดเยี่ยงนี้ หากไม่ใช่พวกท่านจิตใจเมตตา ตอนนี้จะมีข้าคนนี้อยู่ที่นี่ได้อย่างไรกันเล่า” ซินเหยาคิดว่าตนเองไม่ใช่ผู้ที่มีเมตตาและเห็นอกเห็นใจ แต่ว่านางก็ไม่ใช่คนที่จะลืมบุญคุณคน ผู้ใดดีกับนางนางรู้ดีแก่ใจกว่าใครทั้งนั้น