บทที่ 462 จลาจลทั่วเมือง1
ผ่านไปสองวันแล้ว!
พลิกหาทั้งเมืองหลวง
แต่กลับไม่มีข่าวคราวใดๆ ของเสี่ยวป๋ายเลย
ราวกับว่าจู่ๆ มันก็หายตัวไปเช่นกัน…
จำนวนรางวัลจากเงินห้าสิบตำลึงก็เปลี่ยนเป็นทองหนักห้าสิบตำลึงแล้ว!
สามวันให้หลังเพิ่มไปถึงทองคำหนักห้าร้อยตำลึง!
สิบวันต่อมา
จำนวนของรางวัลทำลายสถิติรางวัลสูงสุดของราชวงศ์เทียนส้ง เป็นทองคำหนักห้าพันตำลึง!
เพื่อที่จะตามหาแมวแค่ตัวเดียว!
เกิดจลาจลทั่วทั้งเมือง ทุกๆ คนต่างก็เสาะหาแหล่งที่อยู่ของเสี่ยวป๋ายอย่างใจจดใจจ่อ…
เพียงแต่…
ท้ายที่สุดก็ยังคงไม่มีข่าวคราวเลยสักนิด
เสี่ยวป๋ายหายไปกับธาตุอากาศเหมือนกับซินเหยาไม่มีผิด
งานค้นหาดำเนินไปอย่างดุเดือดกว่าครึ่งเดือน…
ผู้คนค่อยๆ สูญเสียความอดทน
ความหวังก็ถูกทำลายลงไปทีละน้อยท่ามกลางความผันผ่านในการอดทน
ท้ายที่สุด….
ก็แม้แต่ส้งชิงเองยังยอมแพ้
เขารู้ว่าคงหาเสี่ยวป๋ายไม่พบอีกต่อไปแล้ว
เขาสูญเสียท่านอาจารย์ไปตลอดกาล
และสูญเสียเสี่ยวป๋ายไปตลอดกาลเช่นกัน
เขารู้สึกว่าตนละอายใจต่อท่านอาจารย์ยิ่งนัก ท่านอาจารย์ตายแล้ว แม้แต่เสี่ยวป๋ายเขายังไม่มีความสามารถพอจะดูแลมันแทนอาจารย์ได้เลย…
ถ้าหากท่านอาจารย์ที่อยู่ใต้บาดาลรู้เข้า ต้องหวังว่าเขาจะสามารถดูแลเสี่ยวป๋ายอย่างดีเป็นแน่
ชุบเลี้ยงเสี่ยวป๋ายจนอ้วนหมีพีมัน…
ทำให้มันมีความสุขในทุกๆ วัน…
ส้งชิงรู้ ท่านอาจารย์ต้องหวังให้เขาทำเช่นนี้อย่างแน่นอน
แต่ว่า เขากลับทำไม่ได้
ในใจของส้งชิงมีความรู้สึกผิดอย่างมาก
เขารู้สึกผิดต่อท่านอาจารย์!
ที่ทำเสี่ยวป๋ายหายไป!
……
หลังจากผ่านไปหลายวัน
จู่ๆ ก็มีข่าวลือหนึ่งเรื่องแพร่สะพัดในเมืองหลวง…
ตำนานเล่าว่าท่ามกลางป่าไม้เฉียนหลงวานทางตอนเหนือในเมืองหลวงไม่รู้ว่ามีสัตว์ประหลาดดุร้ายลึกลับเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัวตั้งแต่เมื่อไหร่
สัตว์ประหลาดตัวนี้ปกคลุมด้วยขนสีขาวยาวเฟื้อย รูปร่างเล็ก ไปไหนมาไหนราวกับมีสายฟ้า ยามปกติจะแวะเวียนไปที่สนามหลังเรือนของจวนอ๋องโจว๋ แอบขโมยกินถั่วเปลือกแข็ง…
ว่ากันว่าสัตว์ประหลาดตัวนั้นชอบกอดไข่แปลกๆ ใบหนึ่งเอาไว้…
……
ในบางวันที่อึมครึมฮ่องเต้อำมหิตดูเย็นชาและเย็นเยียบ…
ทอดมองไปที่ขอบฟ้าอย่างแน่นิ่ง
พึมพำในเรียวปาก “ผ่านไปสี่เดือนแล้ว ซินเหยา เจ้ายังไม่กลับมาหรือ ข้ามีชีวิตอยู่ได้อีกแค่ครึ่งปีเท่านั้นแล้ว…”
“เจ้าอยู่ที่ไหน ซินเหยา”
……
ท้องฟ้าสีเทาหมองจู่ๆ ก็มีฝนปรอยๆ ตกลงมา…
สี่ปีต่อมา
ราชวงศ์เทียนเยว่ที่อยู่ไกลออกไปทางตอนใต้ของชายแดน…
จวนเว่ยโก๋กง
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าการเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเจ้านั้นจะเป็นเช่นไร เจ้าเข้าใจความสำคัญข้อนี้หรือไม่” หลี่มามาที่ได้รับความโปรดปรานจากฮูหยินใหญ่แห่งจวนโก๋กงมากที่สุดมองสำรวจหญิงสาวเบื้องหน้าที่ยืนตัวตรง แววตาว่างเปล่า แต่ดวงหน้ากลับงดงามดุจเทพธิดาคนนี้
“อื้อ”
หญิงสาวทำเพียงพยักหน้าเบาๆ ดูอ่อนโยนราวกับแมลงปอล้อลิ่วผิวน้ำ
“เช่นนั้นตัวเจ้าเองเล่า? เจ้าเต็มใจหรือ” หลี่มามาถามย้ำ
นี่คืองานของนาง
สาวใช้ทุกคนที่จะถูกขายให้กับจวนโก๋กงจะต้องได้รับการคัดเลือกและตรวจสอบจากนางอย่างเป็นทางการ โดยต้องยืนยันว่าเป็นผู้มีอุปนิสัยบริสุทธิ์มีเมตตาภูมิหลังสะอาด ทั้งจะต้องเป็นวัสดุที่ใช้งานได้จึงจะสามารถผ่านการคัดเลือก ไม่เช่นนั้นสาวใช้คนใหม่ผ่านเข้าไปจะทำประโยชน์อะไรได้บ้างเล่า จวนโก๋กงไม่เหมือนกันตระกูลชนชั้นสูงอื่นๆ เว่ยโก๋กงผู้สูงสง่าเป็นถึงวงขุนนางระดับสูงปกป้องประเทศ โดดเด่นหาใดเปรียบ
“เจ้า…เต็มใจหรือ” หลี่มามาถามเซ้าอีก
“เต็มใจ”
ในแววตาว่างเปล่าของหญิงสาวที่ค่อนข้างนิ่งทื่อยังฉายแววลังเลเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงพยักหน้า
นางไม่มีสิทธิ์คัดค้าน
สี่ปีก่อน ตอนที่ป้าหนิวเก็บนางได้ที่ริมน้ำ ทั่วร่างของนางเปื้อนไปด้วยเลือด และหมดสติไม่ยอมฟื้นตลอด คนทั้งหมดต่างพากันบอกว่านางเป็นคนที่ยมบาลพาตัวไปแล้ว แต่ว่าป้าหนิวผู้อารีกลับเชื่ออย่างแน่วแน่ว่าตราบใดที่ยังไม่สิ้นลมหายใจก็ต้องมีความหวังว่าจะฟื้นขึ้นมาเป็นแน่
หมดสติไปหนึ่งปีเต็มๆ บวกกับการเก็บมาชุบเลี้ยงอีกสามปี บุญคุณและการอุทิศตนสี่ปีเต็มมอบให้ป้าหนิวและลุงหนิวซึ่งเดิมเป็นครอบครัวที่ยากจนทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวง ยิ่งเพิ่มภาระเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะลุงหนิวที่ล้มจนหมดสติเมื่อเดือนก่อนและนอนติดเตียงรักษาตัวตลอดเวลา ค่าใช้จ่ายในครอบครัว เงินสำหรับค่ารักษาพยาบาล ทั้งหมดล้วนตกไปอยู่ที่ป้าหนิวซึ่งทำงานเป็นคนรับใช้ซักเสื้อผ้าให้แก่จวนโก๋กง
วิธีเดียวที่นางสามารถตอบแทนลุงหนิวและป้าหนิวได้ ก็คือการขายตัวเข้าไปเป็นสาวใช้ในจวนโก๋กง
นางจะไม่เต็มใจได้อย่างไร
หลี่มามามองสำรวจทั้งหน้าหลังหนึ่งรอบ ก่อนกล่าวว่า “เจ้าเป็นสาวน้อยงดงามที่หาตัวจับยากคนหนึ่ง มีรูปลักษณ์สดสวยพอๆ กับเทพธิดาบนสรวงสรรค์ทีเดียว แต่น่าเสียดายที่มีชะตาชีวิตที่ขมขื่น แต่ว่าไม่เป็นไร จากนี้ไปจวนโก๋กงจะไม่ให้เจ้าทนหนาวทนหิวเป็นอันขาด ป้าหนิวชุบเลี้ยงเด็กสาวอย่างเจ้านี้ก็นับว่าเป็นวาสนานัก เรื่องราวของเจ้าป้าหนิวก็พูดหมดแล้ว สี่ปีก่อนเจ้าได้รับบาดเจ็บ หมดสติไปหนึ่งปีกว่าจะฟื้น สูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป ด้วยเหตุนี้จึงมีอุปนิสัยเงียบสงบ แต่ว่าที่นี่เป็นถึงจวนโก๋กง สงบเสงี่ยมก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่ว่าเมื่อเห็นบรรดาเจ้านายก็อย่าได้เสียมารยาทเด็ดขาด ไม่ใช่นั้นข้าหลี่มามาจะโดนคาดโทษว่าอบรมสั่งสอนผู้ใต้บัญชาไม่ดี”