บทที่ 457 ไม่ใช่ว่าเขาตายแล้วหรอกหรือ2
สองร่างถัดไป
ถึงแม้ฮ่องเต้อำมหิตจะไม่เคยเห็นทั้งสองคนนี้มาก่อน
แต่หนึ่งในนั้นสวมหน้ากากทองคำ
อีกศพหนึ่งมีร่างกายขนาดใหญ่กำยำ สามารถมองเห็นแววองอาจเก่งกล้าจากใบหน้าที่ไหม้เกรียมนั้นได้ ผู้นี้ช่างคล้ายคลึงกับโจว๋อี้เฉินผู้มากพรสวรรค์ในตำราประวัติศาสตร์จริงๆ…
เห็นได้ชัดว่า…
ทั้งสองศพนี้ ย่อมเป็นศิษย์พี่ทั้งสองของเขา
จินยิงและโจว๋อี้เฉินนั่นเอง
“ที่แท้โจว๋อี้เฉินยังไม่ตาย”
“แต่ว่า ตอนนี้เขาตายแล้ว”
ฮ่องเต้อำมหิตมองซากศพสามร่างนี้ ในใจก็รู้สึกเวทนายิ่งนัก!
วิทยายุทธ์ของทั้งสามคนนี้ได้บรรลุถึงขึ้นจุดสูงสุดที่หายากในโลกแล้ว แต่ละคนต่างมีอายุกว่าร้อยปีขึ้นไป ซึ่งนับว่าเป็นผู้เหนือธรรมชาตินัก แต่ไม่คาดคิดว่าศิษย์อาจารย์ทั้งสามจะตายในการระเบิดอันรุนแรงที่สั่นสะเทือนนี้กันหมด ในที่สุดก็คลี่คลายความคับข้องใจกว่าร้อยปีของศิษย์อาจารย์ทั้งสามไปจนได้…
บางทีนี่อาจจะเป็นโชคชะตา!
การฝึกพลังเทียนโม๋ทำให้ฮ่องเต้อำมหิตเย็นชาขึ้น อาจารย์และศิษย์พี่ทั้งสองเสียชีวิตแล้ว เขากลับไม่ได้เสียใจ มีเพียงแต่ความรู้สึกอนาถก็เท่านั้น
“ใช่แล้ว!”
“นางเล่า?”
“ซินเหยาไปไหนแล้ว”
“ทำไมถึงไม่มีร่างของนาง”
“ทำไมถึงได้เกิดการระเบิดอันแปลกประหลาดนี้ขึ้นได้”
ทางด้านก่วยกุเซียนศิษย์อาจารย์ทั้งสามคนนี้วิทยายุทธ์น่าอัศจรรย์นัก เหตุใดทุกคนล้วนตายท่ามกลางการระเบิดนี้ได้
เหตุใดทั้งสามจึงปรากฏตัวในตำหนักซูหนิงพร้อมกัน
นี่มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่
คนทั้งหมดพากันล้มตาย
ยกเว้นคนๆ เดียว!
นั่นก็คือซินเหยา!
แต่ว่านางเองก็หายตัวไปแล้ว
นางไปที่ไหนกันแน่
หลายวันถัดมา ฮ่องเต้อำมหิตส่งคนไปขุดตำหนักซูหนิงและตำหนักชิงหย่าเพื่อค้นหาโดยละเอียดหนึ่งรอบ
เขายังสั่งให้คนค้นหาทั่ววังหลวงอย่างครอบคลุม
แต่ว่า ท้ายที่สุดก็หาแหล่งที่อยู่ของซินเหยาไม่พบ
“เป็นให้เห็นคน!”
“ตายก็ให้เห็นศพ!”
ฮ่องเต้อำมหิตออกคำสั่งอย่างมาดมั่น
ทว่า พลิกวังหลวงหาแล้วกลับไม่พบตัวคนเลย และหาศพไม่เจอด้วย!
เพลิงไหม้ในตำหนักชิงหย่าถูกพบได้ทันเวลาพอดี หลังจากไฟลุกโชนถูกดับลง โจว๋ชิงหยีและคนอื่นๆ ต่างได้รับบาดเจ็บจากการเผาไหม้ในระดับแตกต่างกัน แต่ก็ไม่มีใครตกอยู่ในอันตราย…
ตำหนักซูหนิงกลับไม่ได้โชคดีขนาดนี้นัก
หลังจากการระเบิดสั่นฟ้าสะเทือนดินหนึ่งฉาดก็ต่อเนื่องด้วยเปลวไฟลุกโชนระฟ้าซึ่งไม่ยอมดับติดต่อกันสามชั่วยาม ทั้งตำหนักซูหนิงจมสู่ทะเลเพลิง ทั้งหมดถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน ไม่มีคนเป็นหลงเหลืออยู่เลยสักคน…
เพียงแต่…
ไม่มีผู้ใดรับรู้
ซินเหยาไปอยู่ที่ไหนเสียแล้ว…
……
หนึ่งเดือนต่อมา
เรื่องไฟลึกลับและการระเบิดในราชวังแพร่กระจายออกไปตามตรอกเล็กซอกซอยทั่วเมืองเป็นเวลาหนึ่งเดือนให้หลัง ก็ดูคล้ายจะค่อยๆ สูญเสียแรงผลักดันในเรื่องอื้อฉาวนี้ไป
ผู้คนเริ่มจะลืมเลือนเรื่องนี้ไปอย่างช้าๆ….
ไทเฮาถูกฝังอย่างลวกๆ
ไม่ได้มีการปฏิบัติอย่างที่คนเป็นไทเฮาควรจะได้รับ มีเพียงโลงศพไม้หลังหนึ่งในการประกอบพิธีเท่านั้น
นี่ยังนับว่าเป็นพระกรุณาพิเศษจากฮ่องเต้อำมหิตที่ไม่ได้ทำเรื่องผิดวิสัยอย่างเช่นเฆี่ยนศพออกมา
ไทเฮาคนหนึ่งเสียชีวิตลง
สองตำหนักไฟลุกไหม้
หนึ่งนางสนมหายตัวไป…
การซุบซิบนินทาในราชสำนักก็แพร่ออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน…
หนึ่งเดือนให้หลังเมืองหลวงก็กลับสู่ความสงบเป็นปกติ ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป…
เพียงแต่…
การเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นแบบเงียบๆ กำลังบังเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่งมากที่สุด
ย่อมเป็นฮ่องเต้อำมหิต
ฮ่องเต้เหี้ยมโหดไร้ความรู้สึกตามตำนาน เปลี่ยนเป็นคนที่ไม่สุงสิงกับใคร เงียบเชียบไม่เอ่ยคำ
ได้ยินว่าเขาจัดตั้งกองทัพสืบสวนหนึ่งทัพและเดินทางข้ามแคว้นทั่วแดนเพื่อไปตามหาแหล่งที่อยู่ของผู้หญิงนางหนึ่ง…
แน่นอน นี่ต้องดำเนินการอย่างลับๆ
ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ก็แม้แต่ลี่เหลียนคางยังไม่รู้
ในสายตาของคนอื่นๆ หลังจากไฟไหม้ครั้งใหญ่ ฮ่องเต้อำมหิตก็เปลี่ยนเป็นโดดเดี่ยวและไม่แยแสกว่าเก่า…
ในตอนที่ผู้คนในเมืองหลวงค่อยๆ เหน็ดเหนื่อยจากการซุบซิบนินทาเรื่องไฟไหม้หลังเวลาน้ำชาแล้วนั้น…
ทันใดนั้น…
ข่าวลือที่น่าตกใจเรื่องหนึ่งก็เล็ดลอดมาจากในวัง
ในไม่ช้า…
ข่าวลือก็ได้รับการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงปานสายฟ้าแลบ!
ฮ่องเต้อำมหิตมีราชโองการให้ประกาศเรื่องการตายของโจว๋กุ้ยเฟย ทั้งยังแต่งตั้งขึ้นเป็นเหยินเสี้ยวฮองเฮา ออกบัญชาให้ทั่วประเทศไว้อาลัย ทุกครัวเรือน ทุกๆ คนจะต้องจุดธูปอาลัยเป็นเวลาห้าปี!
นี่เป็นพิธีศพระดับสูงที่สุดนับแต่ประวัติศาสตร์ราชวงศ์เทียนส้งเป็นต้นมา!
และโจว๋กุ้ยเฟยก็ไม่ได้เป็นฮองเฮาเสียหน่อย นางเป็นแค่สนมนางหนึ่งเท่านั้น
แน่นอน ทุกคนไม่ได้รู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องแปลกใหม่
อย่างไรเสียโจว๋กุ้ยเฟยก็หายตัวไปตั้งหนึ่งเดือนแล้ว เมื่อหาคนไม่พบย่อมต้องออกประกาศข่าวการเสียชีวิต
สิ่งที่ทำให้ประชาชนทั่วเมืองหลวงตกตะลึงจริงๆ คือเนื้อหาตอนหลังของราชโองการต่างหาก
ฮองเฮาจ้าวยู่หญิงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำการวางเพลิงตำหนักชิงหย่าด้วยความริษยาหึงหวง ให้นับว่ามีความผิดตามอาชญากรรม แต่เห็นแก่บิดาของนางฮ่องเต้เหอถูได้ทำคุณความดีต่อแว่นแคว้น จึงเว้นโทษตาย แต่ยากจะเว้นจากโทษอื่น ถอดยศให้เป็นเพียงนางในธรรมดา ริบคืนตำแหน่งฮองเฮา ให้ไปใช้ชีวิตอยู่ตำหนักเฟิ่งอี๋ตลอดกาล
แต่ในความเป็นจริง
จ้าวยู่หญิงถูกกักบริเวณ
เห็นได้ชัดว่าเหตุผลที่ฮ่องเต้อำมหิตไม่ฆ่านาง ก็เป็นเพราะนางมีอำนาจของบิดาคอยหนุนหลังอยู่นั่นเอง
หากสังหารจ้าวยู่หญิง ฮ่องเต้เหอถูที่อยู่นอกชายแดนอันไกลโพ้นจะต้องก่อกบฎแน่นอน
ให้จ้าวยู่หญิงเข้าไปอยู่ในตำหนักหลิ่งกักบริเวณชั่วชีวิต มันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าฆ่านางเสียอีก แต่ฮ่องเต้เหอถูกลับลูบหน้าปะจมูก ไม่กล้าก่อกบฏ