บทที่ 518 ถูกคนตีตายทั้งเป็น
“เด็กน้อย ฮึๆ ลุงหนิวของเจ้าถูกคนตีตายทั้งเป็น คนพวกนั้นบอกว่าจะมาหาเจ้า แต่ลุงหนิวเห็นว่ามันไม่เข้าท่า ต่อให้ตีตายก็ไม่ปริปาก ผลลัพธ์คือข้าถูกลุงหนิวของเจ้าจัดแจงให้ไปพบในสถานที่แห่งหนึ่ง บอกว่าจะอะไรก็ตามห้ามข้าออกมา ขอเพียงให้ข้ามีชีวิตอยู่แต่ไป แต่เขากลับ…”
ซินเหยาคิดถึงความตายที่เป็นไปได้ของลุงหนิว ในใจก็เศร้าโศก นางกำหมัดแน่น หัวใจดวงนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชา เป็นใครกันแน่ อยากได้ชีวิตนางไม่ว่า แต่กระทั่งลุงหนิวผู้ไร้เดียงสาก็ไม่ว่างเว้น
นางปลอบประโลมป้าหนิว ซินเหยาเรียกสติสัมปชัญญะกลับมาจากทางฝั่งของป้าหนิว แต่ว่าความคิดของนางยังคงสั่นระริกไม่หยุด นางกำลังวิเคราะห์ว่าคนที่ไปนั่นเป็นคนนอกหรือว่าเป็นคนในจวนเว่ยโก๋กงแห่งนี้กันแน่
ซินเหยากลับมายังเรือนอันลึกลับแห่งนั้นอีกครั้งท่ามกลางความไม่รู้สึกตัว
ครั้งนี้สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไปคือประตูของเรือนถูกล็อคเอาไว้ราวกับว่าเจ้าของสัมผัสได้ว่ามีคนสอดแนมความลึกลับของที่แห่งนี้อยู่
ถ้าหากเปลี่ยนเป็นซินเหยาแต่ก่อนย่อมต้องถูกหน่วงเหนี่ยวอยู่ด้านนอก แต่สำหรับซินเหยาในตอนนี้มันเป็นเพียงแค่เรื่องขี้ปะติ๋ว
เห็นเพียงแต่ซินเหยาย่อตัวกระโดดเข้าไปด้านในเรือนอย่างแผ่วเบา
ครั้งนี้แตกต่างจากอดีต เห็นชัดว่าบรรยากาศอบอุ่นขึ้นมาก ซินเหยาไม่รู้ว่าความรู้สึกกดขี่เมื่อก่อนหน้าเป็นเพราะตอนนั้นนางไม่มีวรยุทธ์ใช่หรือไม่ ตอนนี้มีแล้ว พูดตามวิธีของคนโบราณเรียกว่ากำลังภายในแกร่งกล้า คนโบราณ? เหตุใดในใจของนางจึงมีศัพท์คำนี้กันนะ
มองห้องในเรือนเล็ก ซินเหยานึกอยากเข้าไปดูสักหน่อยว่าด้านในมีอะไรกันแน่
“สวบ!” ขณะที่ซินเหยากำลังจะเข้าใกล้ จู่ๆ ก็มีลูกศรแหลมคมหนึ่งดอกพุ่งออกมาจากด้านใน
ซินเหยาหมายจะเบี่ยงตัวหลบลูกศรดอกนั้น แต่คาดไม่ถึงว่าด้านข้างจะมีใครบางคนเข้ามาช่วยนางด้วยความหวังดี
“ครั้งก่อนไม่ใช่ข้าเคยเตือนเจ้าไปแล้วหรือ ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เจ้ามีอันตรายเพิ่มขึ้นเท่านั้น เมื่อครู่เจ้าเองก็ไม่ใช่ว่าเห็นแล้วหรือ หากไม่ใช่ว่ามีข้าอยู่ เจ้ายังจะยืนทนโท่อยู่ที่นี่ได้หรือ!”
คนที่โผล่มากะทันหันนั้นดุซินเหยา ถึงแม้ซินเหยาจะค่อนข้างกระดาก แต่กลับไม่ได้พูดอะไร อีกอย่างเสียงนั้นนางเองก็คุ้นๆ อยู่
“น้าเมิ่ง ข้าสังเกตว่าทุกครั้งที่ข้ามีอันตรายท่านก็จะปรากฏตัวเสมอ ท่านคงไม่…” ซินเหยาเพียงแค่พูดจาส่งเดช แต่กลับคิดไม่ถึงว่าน้าเมิ่งจะตกใจกะทันหัน แววตาที่มองซินเหยาค่อนข้างซับซ้อน
ซินเหยาจ้องกลับไป “เป็นอะไรไป ชี้โพรงให้กระรอกแล้ว?” อันที่จริงซินเหยาไม่ได้คาดเดาถึงอะไรทั้งนั้น แต่นางรู้ว่ากลยุทธ์ทางจิตวิทยาเช่นนี้ใช้ได้ผลกับผู้ที่สำนึกบาปเหล่านั้น จู่ๆ ซินเหยาก็รู้สึกว่าตนเริ่มจะเปลี่ยนเป็นคนชั่วร้ายขึ้นมา
“ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรถาม ตอนนี้เจ้าไม่ควรรู้” น้าเมิ่งเป็นคนฉลาดหลักแหลม เมื่อครู่มองไปที่แววตาของซินเหยา สติปัญญาของนางถึงกับเปลี่ยนเป็นพร่าเลือนขึ้นมา
เมื่อครู่ซินเหยาเองก็…บรรลุ มองเห็นสายตาอลหม่านของน้าเมิ่ง นางรู้สึกว่าทักษะการสะกดจิตของตนได้ประสิทธิภาพอยู่ แต่เพียงเพราะว่าความทรงจำที่ขาดหาย ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเข้าถึงความจริงได้ จนทำให้น้าเมิ่งฟื้นตัวกลับมา
ทุกครั้งน้าเมิ่งมักจะผลุบๆ โผล่ๆ ในจวนเว่ยโก๋กงอันกว้างใหญ่แห่งนี้ แทบจะไม่ได้เห็นนางเลย
แต่ว่า ซินเหยาไม่อาจลืมเลือนโอกาสนี้ไปได้ บัดนั้นจึงดึงนางไว้ไม่ปล่อยให้นางไป “ผู้หญิงคนนั้นเมื่อคราวก่อนข้าจำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบให้นาง!” ซินเหยาไม่สนใจความสงสัยในแววตาของน้าเมิ่ง ซินเหยาฉุดลากน้าเมิ่งเดินไปทางที่คนผู้นั้นอยู่
ซินเหยาอยากเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นอยากเห็นนางมีความสุขจริงๆ อีกประการหนึ่งคือนางรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นใจดีมาก อยากรู้ข้อมูลที่มีนัยและเป็นประโยชน์มากขึ้น เช่นนั้นเป็นไปได้ว่าผู้หญิงคนนี้อาจจะมีประโยชน์อะไรอยู่บ้าง
“กึกๆ” เขย่าประตูบานหนักอันหดหู่ ภายใต้แสงโปร่งทอดส่งในยามกลางวันยิ่งฉายแววความโศกาอาลัยอย่างแจ้มแจ้ง
“น้าเมิ่ง แค่กๆ ท่านกลับมาแล้วหรือ” ซินเหยาเดินตามน้าเมิ่งเข้าไปในห้อง บัดนั้นมองเห็นความเรียบง่ายด้านในก็ค่อนข้างเหลือเชื่อ
นี่คือสถานที่พักผ่อนของนางจริงๆ? มันดูสมถะมีเพียงเตียงหนึ่งหลัง โต๊ะเก้าอี้หนึ่งตัว ราวกับวังหลังแห่งหนึ่ง
“เจ้ายังไออยู่? โรคนี้เรื้อรังนานเกินไปแล้ว” พอซินเหยาเดินเข้าประตูมา ก็มองเห็นคนบนเตียงที่ดูซีดเซียวและท่าทีเหล่านั้นนางรู้ทันทีว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ดื้อรั้นขนาดนั้น
“ตอนนี้ข้าจะรักษาเจ้าเอง อันที่จริงลูกธนูแหลมคมนั่นก็ยิงออกไปแล้ว เจ้าอยากมีชีวิตอยู่ ก็จงเชื่อฟังแต่โดยดี” ซินเหยาพยายามใช้วิธีนี้ดึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนี้
“ครั้งก่อนขอบคุณเจ้ามาก ข้าดีมากแล้ว ไม่จำเป็น แค่กๆ ไม่ต้องรักษาอีกแล้ว” หญิงสาวเอ่ยคำยังไอไม่ยอมหยุด
ซินเหยาส่ายหน้าอย่างจนปัญญา พูดกับน้าเมิ่งที่อยู่ข้างๆ “ข้าอยากพูดกับนางเป็นการส่วนตัว วางใจเถิดตอนนี้นางปลอดภัยมากแล้ว”
น้าเมิ่งได้รับสายตาจากผู้หญิงคนนั้น มองซินเหยาแวบหนึ่ง ก่อนหมุนกายจากไป
“เจ้าอยากถามอะไรก็ถามมาเถิด” หญิงสาวคนนั้นเห็นว่าน้าเมิ่งออกไปแล้ว จึงปริปากทันควัน
ซินเหยาจำต้องพูด เด็กสาวคนนี้เฉลียวฉลาดกว่าที่ตนจินตนาการเอาไว้มาก ไม่ได้โง่เขลาอย่างที่นางคิดเอาไว้
“ตัวตนที่แท้จริงของเจ้าคือใครกันแน่” ซินเหยาเองก็ไม่ได้บิดพลิ้ว ยิงประเด็นหลัก นางต้องการรู้ว่าปมลึกลับที่ไม่ได้แก้ไขของฮูหยินใหญ่และฮูหยินรองนั้นสามารถได้รับการชี้ทางจากที่นี่ได้หรือไม่
“บางเรื่อง ตอนนี้เจ้าไม่ต้องรู้จะดีกว่า มิเช่นนั้น แค่กๆ มันไม่มีผลดีต่อเจ้าเลย” แววตาคมกริบ ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เอ่ยอะไรก็สามารถกดเรื่องใหญ่ได้โดยตรง ยิ่งนับประสาอะไรที่เมื่อครู่เอ่ยน้ำเสียงเช่นนั้น หึ…ไม่ธรรมดาจริงๆ ด้วย
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่ามันไม่มีประโยชน์” ซินเหยาไม่พูดถึงคนอื่น นางมักจะเชื่อมั่นใจตัวเองเช่นนี้เสมอ นางแค่อยากดูว่าสรุปแล้วใครจะเจ๋งกว่ากันแน่
หญิงสาวคนนั้นมองซินเหยาแวบหนึ่ง แต่กลับถูกครอบงำด้วยแววตามาดมั่นและถ้อยคำกระโชกของซินเหยาอยู่กลายๆ
“ระหว่างฮูหยินใหญ่และฮูหยินรอง ตอนนี้ชมศึกที่ข้างสนามก็พอ” กล่าวถ้อยคำเช่นนี้จบ ก็ไม่อยากเอ่ยอะไรอีกแล้ว
ซินเหยาอดสงสัยไม่ได้ หญิงสาวคนนี้ต้องการให้หอยแมลงภู่ทำศึกกัน ชาวประมงได้ผลประโยชน์และนางก็คือชาวประมงคนนั้น
เห็นว่าหญิงสาวไม่อยากพูดอะไร นางจึงหยิบสิ่งที่เรียกว่ากระดาษมาเขียนสองสามตัว จากนั้นก็ไม่มีทีท่าจะอยู่ต่อ นางรู้คำตอบแล้ว เช่นนั้นทุกอย่างจึงไม่สำคัญ แน่นอนการรู้นี้ไม่ได้บอกว่ารู้เรื่องระหว่างสองคนนั้น แต่รู้แจ้งถึงเรื่องหลังที่นางชี้ทางให้
ซินเหยากลับมาจากที่ตรงนั้น ลำดับเหตุการณ์ของวันนี้อยู่ในใจ นางขบคิดอีกครั้งว่าฮูหยินใหญ่รู้เรื่องของป้าหนิวหรือไม่ และต้องการให้นางไม่ฝังกระดูกเหมือนกับตน อันที่จริงนางเองก็ปกปิดอยู่ เป็นใครกันแน่นะ ตอนนี้นางค่อนข้างเกลียดที่ตัวเองไม่มีความทรงจำขึ้นมาเสียดื้อๆ
“เจ้าไม่ต้องทำต่อไปแล้ว มันอันตรายมาก”
ซินเหยาจำต้องบอกว่า จวนเว่ยโก๋กงนี้ ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนก็มักจะมีความลึกลับอยู่กลายๆ
น้ำเสียงเมื่อครู่นั้นดังลอยมาจากปากของหญิงสาว ซินเหยามีวรยุทธ์แล้ว ทักษะการได้ยินนั้นจึงน่าอัศจรรย์ อันที่จริงพวกเขากดเสียงต่ำลงมากแล้ว แต่ว่าก็ยังถูกซินเหยาได้ยินเข้าให้อยู่ดีนั่นแหละ
ซินเหยาแอบซ่อนตัว ด้านหลังต้นไม้หนาแน่นมีชายหญิงคู่หนึ่งซ่อนตัวอยู่ เห็นชัดว่าทั้งสองเริ่มมีความเห็นไม่ลงรอยกัน
“ข้าไม่มีทางให้ถอยแล้ว ตาข่ายนี้มันขาดวิ่นไปแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างจนปัญญา มองทางหญิงสาวด้วยสายตารักใคร่ลึกซึ้ง
ซินเหยาเห็นทั้งสองชัดเจน นางยังคิดจะสร้างโอกาสให้ทั้งสองได้อย่างไร แต่คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอดรนทนไม่ไหวเสียก่อน
“เช่นนั้น…เช่นนั้น ท่านจะต้องระวังนะ” ฮูหยินห้าดึงมือของชายหนุ่มเอาไว้ ในสายตาเปี่ยมด้วยแววอาทรและกังวลใจ ไม่เหมือนกับคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวในโลกมนุษย์อย่างที่ซินเหยาเคยเห็นคนนั้นเลย
ซินเหยาฉงนใจเล็กน้อย คุณชายหมิงเช่อคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ครั้งหน้านางคงต้องเปลี่ยนวิธีการหยั่งเชิงถึงจะได้การ
แต่ว่าครั้งก่อนเป็นเพราะเกิดเรื่องในครอบครัวของฮูหยินใหญ่ไปเสียก่อน นางยังไม่รู้เลยว่าฮูหยินใหญ่มีที่มาที่ไปอะไรต่อฮูหยินห้าและคุณชายหมิงเช่อ ดูท่ายังต้องกลับไปหารือกับฮูหยินใหญ่สักหน่อยแล้ว
“ฮูหยินใหญ่ สิ่งที่บ่าวรู้ก็มีเท่านี้ ไม่ทราบว่ายังมีอะไรที่อยากถามอีกหรือไม่” ซินเหยายืนแน่นิ่งอยู่ในห้องของฮูหยินใหญ่ มองดูฮูหยินใหญ่กำลังตรวจสอบม้วนภาพหนึ่งอัน นางรายงานสิ่งที่รู้มาทั้งหมดให้แก่ฮูหยินใหญ่ฟัง
“หืม? ยังมีเรื่องจะถามข้า?” ฮูหยินใหญ่ปรายตามองซินเหยาแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปง่วนกับกิจกรรมในมือของตนต่อ
ซินเหยามองฮูหยินใหญ่อย่างเงียบเชียบ ปริปากเอ่ยถามสิ่งที่ตนสงสัย “บ่าวเห็นคุณชายหมิงเช่อและฮูหยินห้าคล้ายกับรู้จักกันมาก่อน ดังนั้นจึงอยากทราบว่าการเคลื่อนไหวของคุณชายหมิงเช่อในครั้งนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับฮูหยินห้าหรือไม่”
ฮูหยินใหญ่วางกิจกรรมในมือของตนลง เงยหน้าขึ้นมองซินเหยา ก่อนจะทอดมองไปที่ไกลๆ ราวกับกำลังหวนรำลึกถึงความทรงจำเมื่อหลายปีก่อน เคลือบแฝงด้วยความโศกเศร้าเล็กน้อย “พวกเขาต้องรู้จักกันอยู่แล้ว ทั้งยังเคยสาบานว่าจะรักมั่นชั่วฟ้าดินสลาย แต่ต่อมาบิดาของฮูหยินห้ารังเกียจหมิงเช่อในตอนนั้นว่าไม่มีความเป็นผู้นำพอ อันที่จริงก็แค่เห็นแก่อำนาจคงกระพันของจวนเว่ยโก๋กงเท่านั้นแหละ”
ต้องบอกว่าซินเหยารู้สึกพิลึกพิลั่นต่อเรื่องนี้เสมอ มักจะรู้สึกว่าผู้หญิงมิอาจกำหนดโชคชะตาของตนได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าเศร้าสลดหนึ่งเรื่อง นางถึงกับอยากจะทำเพื่อผู้หญิงคนไหนก็ตามที่ไม่สามารถแข็งแกร่งเพื่อตนเองได้ ว่าอย่าได้ถูกคนอื่นจูงจมูกไปซ้ายขวา!
“แต่ว่า ข้ากลับเห็นว่าเป็นเพราะความสัมพันธ์ของหมิงเช่อต่อให้มาถึงจวนเว่ยนิสัยของนางก็เย็นชา ไม่ได้เดินเฉียดใกล้ใครเลย และไม่แย่งชิงอะไร จากนั้นก็ใช้ชีวิตอย่างสงบร่มเย็นมาจนถึงปัจจุบัน บางครั้งข้าก็คิดถ้าหากข้าโยนบางสิ่งทิ้งไป จะสามารถเป็นอย่างนางได้บ้างหรือไม่” ฮูหยินใหญ่เหมือนกับพึมพำกับตนเอง และก็ดูเหมือนพูดให้ซินเหยาฟัง ตอนนี้บนใบหน้าผุดเผยแววสำนึกเสียใจอยู่ประปราย
“ฮูหยินใหญ่ ขอเพียงท่านต้องการ ท่านก็สามารถทำได้อยู่แล้ว” ซินเหยาอยากจะปลอบขวัญ แต่นอกจากประโยคนี้ ก็แทบจะควานหาคำอื่นไม่เจอเลย แค่คิดก็ทำได้ เช่นนั้นแล้วตนล่ะ ซินเหยาทอดมองไปสถานที่แห่งนั้นทางทิศเหนือ และจมดิ่งสู่ห้วงความคิดของตนอีกครั้ง ในนั้นมีความตื่นเต้นอย่างหนึ่ง แล้วก็มีความงุนงงหลังจากความตื่นเต้น นางค้นพบความรู้สึกนี้นับตั้งแต่นางได้สัมผัสกับเรื่องราวในจวนเว่ยโก๋กง ทุกครั้งที่นางเพิ่มพูนความสามารถหนึ่งประการ ความรู้สึกตื่นเต้นนั้นก็จะทวีความเข้มข้นขึ้น
ฮูหยินใหญ่มองซินเหยาที่เป็นเช่นนี้ ก็ค่อนข้างสงสัยใคร่รู้ นางกำลังมองอะไรนะ เหมือนจะมีสมาธิ แต่สายตากลับล่องลอย
“ซินเหยา เจ้าจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้เลยจริงๆ?” ฮูหยินใหญ่ยังอยากรู้เกี่ยวกับซินเหยาให้มากกว่านี้ มันจะได้มีประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่กระมัง
“เอ่อ เรียนฮูหยิน บ่าวจำไม่ได้จริงๆ เจ้าค่ะ ทุกครั้งที่บ่าวอยากจะย้อนกลับไปคิด แต่ก็ปวดหัวแทบแย่เลยเจ้าค่ะ” ซินเหยาถูกฮูหยินใหญ่เรียกกลับจากห้วงความคิด นางเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม
“เอาเถิด” ฮูหยินใหญ่ส่ายหน้า เงยหน้าขึ้นจ้องซินเหยา ปริปากเอ่ยวาจาลุ่มลึกอย่างยากจะเกิดขึ้น “ระยะนี้เจ้าก็ต้องคอยระวังพฤติกรรมของสาวใช้ในแต่ละเรือน ครั้งก่อนฮูหยินรองเอ่ยถึงเรื่องการจัดสรรปันส่วนสิ่งของที่จะส่งมองในปีนี้ขึ้นมากับข้า จากนั้นก็ดูส่วนแบ่งสัน จะแจกจ่ายไปให้แต่ละเรือนอีกเร็วๆ นี้”
ฮูหยินรองนึกอยากจะเป็นเจ้าหน้าที่คนใหม่ไฟแรงอย่างนั้นหรือ ถึงแม้ซินเหยาจะยังไม่รู้ว่าฮูหยินรองคิดจะทำอะไรกันแน่ แต่นางก็พอรู้บ้าง นั่นก็คือยิ่งเรื่องนี้มีมากเท่าไหร่ น้ำก็ยิ่งจะทะลักท่วมตลิ่งมากเท่านั้น เช่นนั้นหากนางต้องการใช้อุบายใดก็จะยิ่งง่ายดายขึ้นมากเท่านั้น
“บ่าวจะระวังให้มากเจ้าค่ะ แต่ว่า…” จู่ๆ ซินเหยาก็คิดอะไรขึ้นได้ ก่อนจะก้มหน้างุดกล่าวรายงาน
“หืม?” ฮูหยินใหญ่เงยหน้าขึ้น อยากได้ยินเนื้อหาที่ซินเหยาจะเอ่ยต่อมา “มันมีความยุ่งยากอะไรอย่างนั้นหรือ”
ซินเหยาสูดลมหายใจ รวบรวมความกล้าจนพอแล้วจึงเอ่ยคำ “ในจวนของฮูหยินใหญ่และจวนของฮูหยินรองจะต้องระวังอะไรหรือเจ้าคะ” ในเมื่อคนที่ต้องการปราบปรามคือฮูหยินรอง เช่นนั้นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุดคือในจวนของฮูหยินใหญ่นั้นน่าจะมีปัญหามากกว่า”