นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก – ตอนที่ 564

ตอนที่ 564

ตอนที่ 564 เหตุใดต้องฆ่านาง

“เอ๋ ทำไมข้ารู้สึกคุ้นๆ หน้าคนๆ นั้นนัก” หนึ่งในคนที่ชนซินเหยาเมื่อครู่นี้เอ่ยขึ้น

“อื้อ ข้าก็รู้สึกคุ้น ใครกันนะ รอเดี๋ยวให้ข้าคิดก่อน อ๊ะ ใช่แล้ว นั่นไม่ใช่ภาพเหมือนที่ญาติผู้พี่ของข้าเอากลับมาตอนออกมาทำธุระหรอกหรือ”

อีกคนเอ่ยสมทบ

ผู้ที่เริ่มเอ่ยวาจาในตอนแรกพลันบรรลุ “ใช่ คนๆ นั้นล่ะ ถ้าหากพวกเราหาพบ นั่นคงรวยเละเลยใช่หรือเปล่านะ” พอคนผู้นี้เอ่ยถึงตรงนี้ ก็ราวกับมองเห็นเม็ดเงินจำนวนมากจนลายตาลอยอยู่ท่ามกลางธาตุอากาศ

ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง สีหน้าชื่นมื่น รีบหมุนกายตามซินเหยาไปทันที

ซินเหยาสัมผัสได้ถึงสายตาจากด้านหลัง พอหมุนตัวกลับไปมองกลับไม่พบอะไรเลย นางรู้สึกว่าตนเองเริ่มจะเป็นประสาทขึ้นมาจริงๆ เสียแล้ว ดูท่าการถูกจู่โจมในช่วงเวลาก่อนหน้านี้มันจะหนักหนาเกินไป ดังนั้นจึงไวต่อความรู้สึกขนาดนี้ ซินเหยานึกถึงตรงนี้ก็พลันส่ายหน้า มุ่งหน้าเดินสู่เรือนพักแขกต่อไป

“คุณลูกค้า ท่านมาพักหรือว่าแค่ทานข้าว”

เมื่อเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์เห็นว่ามีคนเดินเข้ามา ก็รีบประชิดข้างกายอย่างว่องไว มองทางซินเหยาชนิดที่ว่ามีความกระตือรือร้นมากเท่าไรก็ขนมาเท่านั้น

เพื่อไม่ก่อให้เกิดความวุ่นวายอันไม่จำเป็น ซินเหยาพยายามก้มหน้าต่ำที่สุด วางเงินพวงหนึ่งลงบนโต๊ะ “ห้องชั้นบนหนึ่งห้อง นำทางเร็ว”

เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์นับว่าเคยเจอคนทุกรูปแบบ พอเห็นว่าซินเหยาไม่ยินดีจะพูดมากความ จึงรับเงินไว้อย่างรวดเร็วก่อนนำทางซินเหยาขึ้นชั้นบน

“อัย เจ้าเห็นหรือเปล่า นางขึ้นไปแล้ว เจ้าอยู่ตรงนี้คอยจับตาว่านางไปห้องไหน ข้าจะไปส่งข่าวให้ญาติผู้พี่ข้าเสียหน่อย” ผู้ที่บอกว่าเขาเห็นภาพเหมือนจากทางฝั่งญาติผู้พี่เมื่อกี้พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย

คนผู้นั้นที่เหลืออยู่จ้องสายตามองเงาร่างของซินเหยาตลอดไม่หนีหายไปไหน

ซินเหยาก็ยังรับรู้ได้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองตามตนมาโดยตลอดอยู่ดี จึงเงยหน้าขึ้นทอดมองลงไปชั้นล่าง

คนผู้นั้นตกใจ รู้สึกได้ถึงสายตาพุ่งเป้าของซินเหยา จึงรีบก้มหน้างุด

ตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ซินเหยาก็เข้าไปในห้องแล้วเรียบร้อย

“อัย ไปไหนแล้ว เป็นห้องไหนกันแน่นะ” ชายหนุ่มมองห้องที่อยู่ติดกันสองห้องอย่างสับสน ตอนนี้ไม่มีความชัดเจนเลยว่าเป็นห้องไหนกันแน่

คิดๆ ดูแล้ว ถึงอย่างไรมากที่สุดก็มีเพียงแค่สองห้อง ไม่เป็นไรหรอก เขาเองก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา จ้องห้องๆ นั้นเอาไว้ จากนั้นก็มองไปยังทิศทางที่สหายของตนเดินออกไปเมื่อกี้นี้ไม่ขาด

ไม่นาน เด็กหนุ่มคนนั้นก็นำคนมาด้วย

“อัย เห็นว่าเป็นห้องไหนหรือยัง” เด็กหนุ่มที่ออกไปคนนั้นบัดนี้เริ่มร้อนใจขึ้นมา มองไปทางสหายของตนที่คอยเฝ้าอยู่ตรงนี้พลางเอ่ยถาม

“เอ่อ ก็หนึ่งในสองห้องข้างบนนั่นแหละ” ชายหนุ่มที่เฝ้าอยู่ตรงนี้เมื่อครู่ชี้นิ้วไปทางที่ซินเหยาพำนักอยู่ พลางเอ่ยคำ

“อะไรนะ นี่เจ้าไม่รู้ เจ้าเฝ้าประสาอะไรเนี่ย” คนผู้นั้นที่เพิ่งกลับมากล่าวอย่างค่อนข้างร้อนรน

ครั้นได้ฟังสหายของตนเอ่ยเช่นนี้ เขาเองก็กล่าวอย่างเริ่มละอายใจ “เพียงพริบตาเดียว นางเงยหน้ามองมาทางข้า ข้ากลัวถูกจับได้เลยก้มหน้าจนมองไม่เห็นว่านางเข้าไปห้องไหนแล้ว”

“เจ้า…”

“เอาล่ะ สองห้องก็ไม่เป็นไร ตกดึกค่อยสะดวกลงมือ จะจับคนทั้งทีคงขาดพวกเจ้าสองคนไม่ได้” คนที่ถูกเรียกว่าเป็นญาติผู้พี่นั้นมองคนที่หางตาซึ่งกำลังจะมีปากเสียงกัน จึงเอ่ยวาจาอย่างเคร่งขรึม

ขณะที่ซินเหยาใช้แป้งที่ควรใช้ในงานนี้ นางส่องกระจกกลับพบว่าตนเปลี่ยนไปมาก

นางยิ้มให้กับกระจก ซินเหยาพอใจกับการรังสรรค์ในบัดนี้เอามากๆ ทีเดียว

“เสี่ยวเอ้อร์ เตรียมสำรับให้ข้า ข้าจะไปรอทานที่โถงใหญ่” ซินเหยาพูดกับเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์ที่นำน้ำร้อนเข้ามาให้ตน

เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์มองรูปร่างของซินเหยา นิ่งอึ้งสักพัก แต่ก็เปลี่ยนกับมาตอบรับคำอย่างกระตือรือร้น “แม่นางโปรดวางใจ ผู้น้อยจะไปเตรียมให้ท่านเดี๋ยวนี้ขอรับ”

ซินเหยามองดูเงาหลังของเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์ที่จากไป แย้มยิ้มบางๆ ก่อนจะเตรียมตัวไปตามประสา

ในช่วงหัวค่ำเงียบสงบลงมาแล้ว ซินเหยายิ้มอย่างไม่แยแส อย่างไรเสียรูปลักษณ์นี้ก็ไม่ได้สะสวยหรือน่าเกลียด น่าจะไม่มีเหตุสุดวิสัยอะไร

นางลงมาชั้นล่าง การแต่งตัวและรูปร่างหน้าตาแบบนี้หลังจากการแปลงโฉมของนาง ก็ไม่ได้ชักนำเรื่องน่ารำคาญใจใดๆ เลย ซินเหยารับประทานอาหารสำรับนี้อย่างสงบจิตสงบใจยิ่ง

แต่ว่าขณะที่นางเตรียมตัวจะกลับห้องนั้น นางปรายตาไปแวบหนึ่ง พลันเหลือบเห็นชายชุดดำไม่กี่คนเข้าไปในห้องของตน

ซินเหยามุ่นหัวคิ้ว หรือนี่จะเป็นการปล้น? ซินเหยาครุ่นคิด ใบหน้าผุดเผยรอยยิ้ม จู่ๆ ก็มีแรงกระตุ้นแห่งการลงทัณฑ์คนชั่วร้ายขึ้นมาทันที

“เหตุใดจึงไม่มีคนเล่า” ชายชุดดำสองคนค้นหาภายในห้อง ฟูกนอนก็ถูกเปิดค้นด้วยเช่นกัน

ซินเหยาโรยตัวลอยมาหยุดอยู่เบื้องหลังของทั้งสองคน

“พวกเจ้ากำลังหาข้าอยู่รึ”

ทั้งสองคนได้ยินเสียงเข้า จึงตกอกตกใจ ถึงกับหันควับมามองโดยไม่ทันตั้งตัว

ซินเหยาโบกมือหนึ่งครา แป้งฝุ่นก็ลอยคลุ้งเข้าไปในจมูกของคนทั้งสอง

ทั้งสองกลอกตาก่อนจะตะลุมบอนเข้าไปด้วยกัน

นางปัดมือ “คิดอยากจะสู้รบกับข้า พวกเจ้ายังละอ่อนไปหน่อยนะ” ซินเหยากล่าวพลาง และขยับมือมัดทั้งสองเข้าด้วยกันไปพลาง

ยุ่งง่วนอยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุดก็มัดคนทั้งสองเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย

ซินเหยาหยิบแก้วไปรินน้ำสักหน่อยด้วยความกระหาย ก้มหน้าลงหมายจะดื่มน้ำ ทว่าเงาๆ หนึ่งวาบเข้าไปในแก้วของนาง ซินเหยาแสร้งแสดงสีหน้าราบเรียบอย่างเป็นธรรมชาติ ดื่มหนึ่งอึกก่อนวางแก้วลงจากนั้นค่อยเทน้ำลงไปอีกหนึ่งแก้ว

สาดน้ำใส่คนทั้งสอง

“เฮ้ย”

“เฮ้ย”

พอทั้งสองได้สติ ก็เบิกตาจ้องซินเหยาเขม็ง คิดอยากขยับ แต่กลับพบว่าร่างของตนถูกมัดเอาไว้

ซินเหยามองคนทั้งสองที่แม้แต่ริมฝีปากยังงับไม่สนิท สีหน้าตกใจแบบนั้นกลับทำให้นางพึงพอใจนัก

“อะไรกัน ตกใจมากรึ ก็นะ ควรตกใจอยู่หรอก” ท่าทีของซินเหยาเห็นชัดว่าค่อนข้างภูมิใจ มองทางสองคนนั้นอย่างเหยียดหยามยิ่ง

“ขโมยเงิน? ยังมีพรรคพวกอีก?” ซินเหยาเอ่ยคำไปเรื่อยเปื่อย

ทั้งสองคนนั้นต่างพากันสับสน พรรคพวก? ที่ไหนกัน?

ซินเหยาลอบมองสีหน้าของทั้งสองคน อะไรกัน? ไม่ใช่พรรคพวกหรอกหรือ

ในขณะนั้น ร่างคนผู้นั้นกระโจนลงมาจากคานห้อง มายังด้านหลังของซินเหยาหมายจะฟันฉับลงไป

ซินเหยาเบี่ยงกายหลบคมดาบจากคนผู้นั้น

“เจ้าเป็นใคร” ซินเหยารู้สึกว่าคนผู้นี้หมายจะเอาชีวิตตนด้วยดาบเล่มนี้ จึงค่อนข้างฉงนใจ

คนผู้นั้นหัวเราะอย่างพิศวง “ฮ่องเต้สั่งข้ามาสังหารเจ้า” กล่าวพลาง และฟันดาบลงมาอีกครั้ง

ซินเหยาขมวดคิ้วมุ่น ฮ่องเต้? นางไปติดต่อเกี่ยวโยงกับฮ่องเต้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ในเมื่อคนผู้นี้ต้องการจะฆ่าตนให้ตาย ณ ตรงนี้ เช่นนั้นนางเองก็ไม่เกรงใจแล้วนะ

ครั้นซินเหยาซัดฝ่ามือวายุออกมา ก็ตีรันกับคนผู้นั้นตรงๆ โดยไม่หลบเลี่ยงอีกต่อไปแล้ว

หากเปลี่ยนเป็นยามปกติ ซินเหยาจะต้องเป็นมือฉมังแน่ ทว่าเนื่องจากอาการบาดเจ็บ ตอนนี้จึงไร้หนทางใช้แรงเกินขีดจำกัด ยิ่งสู้กันไปเรื่อยๆ ซินเหยาก็ยิ่งรู้สึกแรงหมดขึ้นทีละน้อย

“ปึงปึงปึง แม่นาง น้ำที่ท่านให้ข้ายกมาให้ได้แล้วขอรับ”

ทันใดนั้นเสียงของคนรับใช้เสี่ยวเอ้อร์ก็ดังขึ้น คนผู้นั้นหันหน้าไปมองด้วยความตกใจ ซินเหยาฉวยโอกาสนี้ล้วงเข็มเงินเล่มหนึ่งออกมาแล้วสะบัดมือออกไป มันตำเข้าที่มือซึ่งกำดาบของคนผู้นั้นพอดี

“เคร้งคร้าง” เนื่องจากยาชาบนปลายเข็มเงิน ทำให้ไร้เรี่ยวแรงในการกำไว้ ดาบจึงร่วงหล่นลงบนพื้น

“ปึงปึงปึง แม่นาง? เป็นอะไรไป” คนผู้นั้นกุมมือของตนเอาไว้ กวาดสายตามองซินเหยาแวบหนึ่ง จากนั้นจึงโรยตัวลอยออกไปจากทางหน้าต่าง

ซินเหยาตวัดสายตาจ้องสองคนที่อยู่ด้านข้างซึ่งทำตาโตอยู่ ริมฝีปากนั้นแทบจะแข็งทื่อ ตอนนี้ยังปิดกันไม่สนิทเลย

ครั้นซินเหยาถลึงตา สองคนนั้นก็รีบหุบปากงับลงทันที

“ไม่มีอะไร เมื่อกี้ข้าแค่ซุ่มซ่ามปัดของตก เอามาให้ข้าทำเองก็พอแล้ว” ซินเหยารับของมาจากเด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์ จากนั้นจึงกันเขาไว้ที่ด้านนอกประตู

เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์เหมือนอยากจะพูดอะไร แต่กลับถูกซินเหยาจ้องให้กลับไป

รอขับไล่เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์ไปแล้ว ซินเหยาจึงกลับเข้าห้องมองไปทางคนทั้งสองอีกครั้ง

“พวกเจ้าช่างว่าง่ายนัก ตั้งนานขนาดนี้แล้วยังไม่พูดอะไรเลยสักประโยคเดียว แต่ว่าคงไม่ใช่เพราะขวัญหนีจนพูดไม่ออกหรอกนะ” ซินเหยานั่งลงบนตั่ง ถ้อยคำที่เอ่ยออกมานั้นเรียบนิ่งเดาไม่ออกถึงสภาพอารมณ์ในตอนนี้ของนาง

ทั้งสองคนนั้นมองสบตากัน หลังจากนั้นหนึ่งในนั้นก็ลอบกลืนน้ำลาย “พี่สาวท่านนี้ พวกเราสิ้นไร้ไม้ตอกแล้วจริงๆ นี่ก็ไม่ใช่เพราะเห็นท่านควักเงินให้เด็กรับใช้เสี่ยวเอ้อร์คนนั้นอย่างใจกว้าง จึงคิดว่าท่านจะต้องเป็นเจ้านายที่มีเงินทองแน่ พวกเราสาบานว่าพวกเราทำไปก็แค่ทรัพย์สมบัติของท่านเท่านั้นจริงๆ”

สำหรับสองคนนี้ที่สามารถอธิบายการปล้นได้อย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ ซินเหยาเองก็มองออกแล้วว่าสองคนนี้กับคนเมื่อครู่นั้นไม่ใช่พรรคพวกเดียวกัน สายตาที่มองทางสองคนนี้ก็ดูอ่อนลงไปมาก “จะให้ปล่อยพวกเจ้าไปนั้นก็ย่อมได้ ขอเพียงพวกเจ้าทำเรื่องๆ หนึ่งให้ข้าก็พอ”

สองคนนั้นได้ยินประโยคนี้ของซินเหยา ในใจก็เบิกบานยิ่ง ทว่าได้ยินประโยคหลังสีหน้าก็จืดเจื่อนไป เมื่อครู่ได้เห็นซินเหยาตีรันรบสู้กับคนผู้นั้นอย่างคล่องแคล่ว ย่อมรู้แน่นอนว่าซินเหยาไม่ใช่คนที่จะไปยั่วโมโหได้ เช่นนั้นเรื่องที่จะให้พวกเขาทำ นั่นคงไม่ใช่…คิดถึงตรงนี้ ทั้งสองก็เริ่มมองซินเหยาอย่างหวาดกลัวขึ้นมา

ซินเหยามองสีหน้าขี้ขลาดเพียงนี้ของคนทั้งสอง ก็เบ้ปากทันที แต่หลังจากนั้นยังคงเอ่ยคำออกมา “วางใจเถอะน่า ข้าไม่ได้ให้พวกเจ้าไปฆ่าคนหรือวางเพลิงหรอก ก็แค่เรื่องที่ง่ายดายมากๆ เรื่องหนึ่ง พวกเจ้าไม่เพียงแต่จะสามารถรอดชีวิตไปได้ แต่ยังได้รับเงินด้วยนะ”

ซินเหยาพูดอย่างดีขนาดนี้ ทั้งสองคนก็เริ่มมีหวัง ทว่ากลับไม่ค่อยแน่ใจนัก

ซินเหยาเดินไปที่โต๊ะแล้วหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนเอาไว้เรียบร้อยแล้วและแกว่งอยู่เบื้องหน้าของคนทั้งสองหลายๆ ที “พวกเจ้าเพียงแค่ต้องสอนเพลงนี้ให้แก่เด็กๆ ตามตรอกซอยถนนใหญ่พวกนั้น แล้วก็พวกขอทานทั้งหลายก็ให้ท่องจำเอาไว้ ยิ่งท่องจำมากเท่าไรยิ่งดี เงินนี้ก็จะเป็นของพวกเจ้าทันที”

ซินเหยามองเห็นสายตาทอประกายของสองคนนั้นพลางยิ้มๆ

“อ้าปาก” ซินเหยาประกาศกร้าว สองคนนั้นถึงกับอ้าปากกว้างอย่างให้ความร่วมมือ ซินเหยาควักเอาของสองเม็ดหย่อนเข้าไปในปากของทั้งสองคน

“ท่าน ท่านให้พวกเรากินอะไร” คนผู้นั้นที่เพิ่งปริปากเอ่ยถามอย่างตกใจ ทั้งสองมองซินเหยาอย่างเริ่มจะหวาดผวา

ซินเหยาหัวเราะอย่างใจเย็น ก่อนจะเดินไปนั่งลง ยกชาแก้วหนึ่งขึ้นมาดื่มอึกเล็กๆ และเอ่ยวาจาอย่างสบายอารมณ์ยิ่งนัก “ไม่มีอะไร ก็แค่ยาที่จะทำให้พวกเจ้าเชื่อฟัง หากพวกเจ้าว่าง่ายมันก็จะออกฤทธิ์อะไรกับพวกเจ้าไม่ได้เลย แต่ถ้าหากไม่ฟังคำละก็ ข้าก็ไม่กล้ารับประกันว่าลำไส้เจ้าจะเละก่อน หรือว่าปากของพวกเจ้าจะเละก่อนกันแน่”

ซินเหยากล่าวด้วยสีหน้าไร้พิษสง แต่สีหน้าของคนทั้งสองกลับกลายเป็นสีตับหมูไปแล้ว

“พวกเจ้ามีชีวิตออกไป ถ้าหากทำงานได้ดี เงินนี้ก็ยังพอจะเพิ่มให้ได้ แต่ถ้าหากทำไม่ดี ก็อย่างเช่นพวกเจ้าออกไปตอนนี้ ถ้าเอาเรื่องที่ได้เห็นและได้ยินในห้องนี้ทั้งหมดออกไปโพนทะนา ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่รับประกันว่าพวกเจ้าจะเละไปพร้อมกันอย่างไร” ซินเหยาเขี่ยนิ้วมือตัวเองเล่นพลางเอ่ยคำอย่างแผ่วเบา

“ได้ได้ได้ คืนนี้พวกเราจะนอนหลับอยู่บ้านเฉยๆ ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น และไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้นด้วย” คนผู้นั้นตะโกนเอ่ยคำอย่างสนอกสนใจ กลัวเหลือเกินว่าวินาทีต่อมาซินเหยาจะเอาชีวิตพวกเขาไปด้วยความไม่พึงพอใจอีก

“เอาล่ะ พวกเจ้าไปเสีย ถึงตอนนั้นข้าจะไปหาพวกเจ้าเอง” ซินเหยาเคาะนิ้วมือ เชือกบนร่างของทั้งสองพลันขาดออก ซินเหยาเองก็ไม่ได้บอกว่าเมื่อไร อันที่จริงนางเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเมื่อไร สิ่งสำคัญที่สุดคือ ยานั้นของนางไม่ได้มีผลกระทบอะไรเลยสักนิด ซ้ำยังนับว่าเป็นยาบำรุงอย่างหนึ่งอีกด้วย

ครั้นทั้งสองแกะเชือกออกได้ ก็คว้าเอาเงินบนโต๊ะและพุ่งออกไป กลัวเหลือเกินว่าจะถูกซินเหยาลอบคิดบัญชีอะไรอีก

ซินเหยาหันหน้าไปมองกระดาษที่นอนอยู่บนโต๊ะ ก่อนยิ้มอย่างเบาบาง บางยิ่งนัก

และนั่นเอง ไม่นานนัก ทั้งสองก็วิ่งกลับมาอีก “เอ่อคือ แม่นางท่านนี้ พวกเราไม่ได้หยิบบทเพลงนั้นไปด้วย”

ซินเหยาคีบกระดาษแผ่นนั้นด้วยสองนิ้วพลางแกว่งอยู่เบื้องหน้าทั้งสอง “ต่อไปจะทำการใดจงอย่าเลินเล่อขนาดนี้ มันอันตรายยิ่ง” นางกล่าวอย่างอ่อนโยนและยื่นกระดาษให้พวกเขา แต่สองคนนั้นกลับยังคงกลัวจนหัวหดกับความอ่อนโยนของซินเหยา มือสั่นระริกครู่หนึ่ง กว่าจะถือกระดาษให้มั่นได้ จากนั้นจึงวิ่งออกไปแทบไม่เห็นฝุ่น

เงียบลงแล้ว ในที่สุดก็เงียบลงแล้ว ซินเหยาเองก็นับว่าปรนลมหายใจโล่งอกบ้างแล้ว มีเวลาครุ่นคิดปัญหาต่อไปอย่างสงบเสียที นางไม่รู้ว่าทางต่อไปข้างหน้าของตนจะยากลำบากหรือไม่ เพราะคนที่ปรากฏกายอย่างกะทันหันผู้นั้นมาทำลายแผนการของนางให้สั่นคลอน

ฮ่องเต้? เหตุใดต้องฆ่านางด้วย นางไม่รู้เลย สี่ปีก่อนที่ตนได้รับบาดเจ็บก็เป็นเพราะฮ่องเต้ด้วยหรือไม่ เช่นนั้นฮ่องเต้รู้ได้อย่างไรว่านางยังไม่ตาย ซินเหยารู้สึกว่านี่กลายเป็นวังวนกลางใจนางอีกอย่างเสียแล้ว

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

Status: Ongoing

ซินเหยาเป็นสายลับผู้อัจฉริยะ แต่ในการทำภาจกิจครั้งแรกกลับล้มเหลวแล้วได้ข้ามภพตกลงบนเตียงของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้อำมหิตที่กำลังทำเรื่องนั้นอยู่ต้องหยุดลง ซินเหยาที่โดนวางยาโป๊นึกว่าฮ่องเต้เป็นคนขายบริการพิเศษ หลังเสร็จเรื่องก็ทิ้งเงินไว้แล้วจากไป ซึ่งทำให้ฮ่องเต้รู้สึกความมีเกียรติของเขาถูกเหยียดหยาม ผู้หญิงคนนี้มากเกินไปแล้วไหม แต่สำหรับนางแล้วฮ่องเต้อำมหิตคืนคนที่เอาไว้มาทรมาน เงินเอาไว้มาใช้ วรยุทธเอาไว้มารังแกผู้อ่อนแอ ส่วนความสวยนั้นก็เอามายั่วผู้ชายสิ…..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน