นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก – ตอนที่ 569

ตอนที่ 569

ตอนที่ 569 ท่านตรวจสอบข้ารึ

“ทูลไทเฮา ฮ่องเต้เสด็จกลับมาแล้วขอรับ” ขันทีคนนั้นเคยเห็นวิธีที่ไทเฮาจัดการกับขันทีหลายๆ คนมาก่อน ครั้นได้ยินไทเฮามีนำเสียงแบบนี้ ก็รู้ทันทีว่าเวลานี้ไทเฮาอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง จึงตกใจจนขาพลันอ่อนยวบ

เมื่อไทเฮาได้ยินว่าฮ่องเต้เสด็จกลับมาแล้ว ก็มีความสุขยิ่งนัก ไหนเลยจะยังมาสนใจขันทีเพียงคนหนึ่งอย่างเขาไปได้

ไทเฮาทอดเนตรมองออกไปนอกตำหนักบิงฉือ สายพระเนตรเปี่ยมด้วยความหวัง แทบจะมองทะลุกำแพงนั่นออกไปแล้ว ในที่สุดตอนที่นางกำลังจะละทิ้งความหวังนั้น เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏเข้าสู่สายตาของนาง

ซ่างกวนเหมิงห้าวเองก็นับว่าเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางตะลอนๆ พอกลับมาแม้แต่อาภรณ์บนเรือนร่างก็ยังไม่ได้ผลัดเปลี่ยน และเดินตรงมาที่ตำหนักของไทเฮาทันที

“ลูกคารวะเสด็จแม่”

ตอนที่ฮ่องเต้คำนับคารวะหนึ่งที เรือนร่างนั้น น้ำเสียงนั้นปรากฏขึ้น ไทเฮาจึงแน่ใจว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง

แต่หลังจากนั้นไทเฮาฉุกคิดถึงถ้อยคำที่ฮ่องเต้ตอบกลับมา ความเบิกบานใจทั้งหมดพลันถูกความเจ็บแปลบกลางใจเข้ามาแทนที่

นางเบือนหน้าหนีจงใจไม่แยแสฮ่องเต้

ซ่างกวนเหมิงห้าวรู้ดีถึงอารมณ์โกรธของไทเฮา และรู้ด้วยว่าถ้อยคำเมื่อคราวก่อนนั้นมันค่อนข้างรุนแรงไป แววตามองสำรวจผ่านไป ขันทีสาวใช้ข้างกายต่างออกไปอย่างรู้งาน

“เจ้าอยากอยู่ต่องั้นรึ” ซ่างกวนเหมิงห้าวมองเห็นขันทีคนหนึ่งยังคงคุกกายอยู่ตรงนั้นไม่ไหวติง ก่อนหรี่ดวงตาลง ขมวดคิ้ว พลางเอ่ยถามทีละคำ

“บ่าว บ่าว…” คนผู้นั้นขวัญหนีดีฝ่อโดยสิ้นเชิง และไม่สามารถเอ่ยคำได้

“ไสออกไป” เอ่ยด้วยน้ำเสียงตวาด ทันใดนั้นสีหน้าของซ่างกวนเหมิงห้าวกลายเป็นสีดำทมิฬทันที

คนผู้นั้นถูกน้ำเสียงเกรี้ยวกราดนี้ดึงสติกลับมา เพื่อมีชีวิตรอด ไหนเลยจะยังสนใจอะไรอยู่ รีบพุ่งออกไปอย่างรู้กาลเทศะทันที

“เสด็จแม่ นี่ลูกก็กลับมาแล้วมิใช่หรือ” ซ่างกวนเหมิงห้าวปั้นรอยยิ้มทักทายพลางเดินเข้ามา

อารมณ์โกรธของไทเฮาในที่สุดก็หาที่ระบายพบเสียที ไหนเลยนางจะปล่อยให้ฮ่องเต้ลอยนวลไปง่ายๆ “ในสายตาเจ้าข้ายังเป็นไทเฮาอยู่ ข้าดูแล้วตอนนี้เจ้าคงปีกกล้าขาแข็งแล้วสินะ ไหนเลยจะยังจำได้ว่าเจ้ายังมีเสด็จแม่อย่างข้าคนนี้อยู่อีก” ไทเฮากล่าววาจาด้วยความตัดพ้อ

“เสด็จแม่ ในใจของลูกจะไม่มีท่านได้อย่างไรกัน ไม่มีท่านไหนเลยจะมีลูกได้ ลูกไปชายแดนก็เพราะมีธุระ ดีร้ายลูกก็เป็นกษัตริย์แห่งแว่นแคว้นนี้ ข้าก็ควรจะเป็นคนออกหน้าแก้ไขปัญหาเองกระมัง” ตอนที่ซ่างกวนเหมิงห้าวเอ่ยประโยคสุดท้ายเห็นชัดว่าดูอ้อมค้อมอยู่บ้าง

ไทเฮาได้ฟังฮ่องเต้กล่าวเช่นนี้ ก็รู้สึกโกรธมากขึ้น “เจ้ามีธุระ ธุระของเจ้าก็คือเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ใช่หรือเปล่า อย่าคิดว่าข้าไม่รู้เชียว” ตอนที่ไทเฮาเอ่ยประโยคนี้ จมูกก็สูดกระฟัดกระเฟียดจนสีหน้าเริ่มคล้ำเขียวขึ้นแล้ว

“ท่านตรวจสอบข้า?” ซ่างกวนเหมิงห้าวได้ฟังถ้อยวาจานี้ของไทเฮา ก็รู้สึกโกรธ

ครู่หนึ่ง บรรยากาศโรยตัวลงเหลือศูนย์องศา ทั้งสองทั้งโกรธทั้งดื้อรั้นไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกฝ่าย

เวลาผันผ่านไปทีละน้อย ในที่สุดไทเฮาไม่สามารกอดทนได้อีกต่อไป นางตวัดสายตาเหลือบมองไปด้านข้างยังมีความรู้สึกโกรธต่อฮ่องเต้อยู่บ้าง แต่ก็พับเก็บอารมณ์ของตนเอาไว้ ก่อนจะเอื้อมไปกุมมือของซ่างกวนเหมิงห้าวมาพลางลูบไล้อย่างอ่อนโยนเหมือนกับความรักของแม่

“ลูกหนอ ข้าก็แค่เป็นห่วงเจ้า นับแต่โบราณกาลมีกษัตริย์กี่องค์แล้วที่หลงใหลสาวงามจนละเลยบ้านเมือง ข้าไม่อยากให้เจ้าเดินไปในเส้นทางนี้ ตอนนี้เมืองหลวงก็ไม่ได้สงบสุขนัก” ไทเอาเอ่ยถ้อยคำนี้ ในน้ำเสียงก็เคลือบแฝงความหนักแน่นอย่างผิดปกติ

ถ้อยคำอ่อนโยนของไทเฮาทำให้เพลิงโทสะของซ่างกวนเหมิงห้าวสงบลง ก่อนจะกลับสู่ความปกติอย่างแช่มช้า

“เสด็จแม่ ลูกรู้ว่าท่านเป็นห่วงลูก แต่ว่าให้ลูกออกหน้าเพียงลำพังดีหรือไม่ อีกอย่างท่านไม่ทรงทราบ เว่ยโก๋กงคนนั้นมีเจตนาก่อกบฏตั้งแต่ทีแรก ลูกไปในครั้งนี้ ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากการที่ธุรกิจของเขาเกิดปัญหา จึงคิดหาวิธีว่าจะยึดกิจการของเขาได้อย่างไรบ้าง จะได้สะดวกในการโจมตีเขา อีกอย่างเรื่องในปีนั้นที่ลูกทำ เขาเองก็รู้ ดังนั้นจะต้องระแวดระวังอย่างแน่นอน” ซ่างกวนเหมิงห้าว เอ่ยวาจานี้ ใบหน้านั้นผุดเผยแววเข่นฆ่า ไม่ได้ปกปิดมันต่อหน้าพระพักตร์ไทเฮาเลยแม้แต่นิดเดียว

“ลูกหนอ แต่ว่าเรื่องราวในเมืองหลวงนี้ ก็มิอาจล่าช้าต่อไปได้นะ” ไทเฮามองไปที่สีหน้าของซ่างกวนเหมิงห้าว และก็รู้ผลกระทบจากเรื่องราวในปีนั้น แต่นางก็ยังกังวลใจเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันอยู่ดี

ซ่างกวนเหมิงห้าวยิ้มอย่างมีลับลมคมใน “เมืองหลวงนี้ไม่ใช่ว่ามีเสด็จแม่อยู่แล้วทั้งคนหรือ อีกอย่างแม่ทัพตระกูลโจว๋พวกนั้นก็ยังคิดอุบายอะไรออกมาไม่ได้หรอก ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือทางฝั่งเว่ยโก๋กง เสด็จแม่ท่านไม่ต้องกังวลใจเกินเหตุไปหรอก ลูกกลับมาในครั้งนี้ก็เพราะกลัวว่าท่านจะเจ็บปวดหัวใจ อีกทั้งยังเป็นห่วงท่าน ลูกยังต้องไปชายแดนอีกสักรอบจากนั้นจึงดูแลจัดการธุระให้เสร็จอีก” สายตาของซ่างกวนเหมิงห้าวมองตรงไป จ้องไปที่ไกลๆ พลางเอ่ยวาจาอย่างโหดร้าย

ครั้นไทเฮาได้ฟังซ่างกวนเหมิงห้าวพูดว่ายังต้องกลับไปอีก สีหน้าพลันเปลี่ยนไป แต่นางก็ยังเก็บอาการได้ดีมาก “กลับไปคราวนี้ แม่รู้แล้วว่าเจ้าจะไปไหน คงไม่พูดอะไรแล้ว แต่ว่าในเมื่อกลับมาแล้ว ก็พักผ่อนหย่อนใจสักสองสามวันค่อยเดินทางต่อก็ยังไม่สาย เจ้าว่าอย่างไรบ้าง”

ซ่างกวนเหมิงห้าวก้มหน้าคิดหนักอยู่เป็นนาน รู้สึกว่านี่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้เลย มีผู้หญิงคนนั้นคอยจัดการให้แล้ว ตอนนี้ก็น่าจะยังไม่มีปัญกาอะไร อีกอย่าง… “เสด็จแม่ว่าอย่างไร ลูกก็คิดว่าอย่างนั้น”

ซ่างกวนเหมิงห้าวกล่าวเช่นนี้ ย่อมได้ใจไทเฮาไปเต็มๆ อยู่แล้ว ครู่ต่อมาไทเฮาก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม ก่อนจะเอ่ยถึงเรื่องราวจิปาถะในครอบครัวกับเขาพลางหัวเราะผสมโรงไปด้วย

“ข้าน้อยคารวะนายน้อยเจ้าค่ะ” น้าเมิ่งคุกเข่าลงต่อหน้าโจว๋หยุนถิง มองไปทางโจว๋หยุนถิงด้วยความละอายใจเล็กน้อย

โจว๋หยุนถิงประคองน้าเมิ่งขึ้นมา “น้าเมิ่ง ท่านเป็นผู้อาวุโส จะให้ท่านทำความเคารพข้ายิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้อย่างไรกัน”

น้าเมิ่งนึกถึงความบกพร่องในหน้าที่ของตน โจว๋หยุนถิงปฏิบัติต่อตนอย่างดีขนาดนี้ ยิ่งไม่รู้จะสู้หน้าอย่างไร “ข้าน้อยจัดการงานไม่เต็มกำลัง ไม่ได้ปกป้องคุณหนูให้ดี แม้นโทษตายก็ยังน้อยไปสำหรับข้าน้อย หวังเพียงอย่างเดียวว่านายน้อยจะให้โอกาสข้าน้อยในการแก้มือเพื่อชดเชยความคิดอีกสักครั้ง ข้าน้อยจะช่วยฮูหยินออกมาให้จงได้” น้าเมิ่งเอ่ยวาจาอย่างจริงใจผิดปกติ

โจว๋หยุนถิงรู้ถึงอุปนิสัยของน้าเมิ่ง เห็นนางแน่วแน่ปานนี้ ตอนนี้ก็คงมีเพียงแบบนี้ บางทีน้าเมิ่งอาจจะรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย

“ข้าอนุญาต ท่านรีบลุกขึ้นมาเถิด” กล่าวพลาง โจว๋หยุนถิงก็ไปประคองน้าเมิ่งขึ้นมาอีกครั้ง

เรื่องส่วนตัวก็ถือว่าได้พูดออกมาแล้ว โจว๋หยุนถิงก็ไม่วกไปวนมา และพูดถึงเหตุผลที่ตามตัวน้าเมิ่งมาโดยตรง

“ข้าอยากรู้ ที่ท่านพูดมาคราวก่อนคืออีกฝ่ายอยากให้ท่านไปก่อความวุ่นวายที่จวนเว่ยโก๋กงใช่หรือไม่ ยิ่งวุ่นวายเท่าไรยิ่งดีอีกต่างหาก?” โจว๋หยุนถิงจ้องน้าเมิ่ง ต้องการรู้ให้แน่ชัดถึงความจริง

“ใช่แล้ว ตอนนั้นคนผู้นั้นพูดกับข้าน้อยแบบนี้” น้าเมิ่งพยักหน้า พูดเน้นย้ำอย่างผิดปกติ

โจว๋หยุนถิงเห็นน้าเมิ่งพยักหน้า ก็พยักหน้าเข้าใจ ก่อนกล่าวยิ้มๆ “ในเมื่ออยากให้อีกฝ่ายปรากฏตัวอีกครั้ง ก็พอมีวิธีอยู่ ท่านว่าถ้าหากอีกฝ่ายค้นพบว่าทุกอย่างในจวนเว่ยโก๋กงเปลี่ยนไปแบบไม่ได้ย่ำแย่ขนาดนั้น กลับกันยังดีขึ้นเรื่อยๆ คนผู้นั้นจะร้อนใจหรือไม่ เขาย่อมมาหาท่านเองแน่ ถึงตอนนั้นค่อยตามน้ำกับอีกฝ่ายไปให้ถึงผลประโยชน์ของเราเอง”

โจว๋หยุนถิงพูดอย่างง่ายดายยิ่ง ทว่าน้าเมิ่งกลับชื่นชมเขามาก นางไม่ได้คาดคิดเลย อีกอย่างก็แค่เชื่อฟังฝ่ายนั้น ทำให้ฝ่ายนั้นรู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรให้น่าหวาดกลัวเลย

“นายน้อยท่านมาถูกประเด็นแล้ว ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยวนี้” กล่าวพลางน้าเมิ่งก็อยากไปดำเนินการตามแผนอย่างรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก

โจว๋หยุนถิงมองเห็นความตื่นเต้นของน้าเมิ่ง ก็รู้ว่าวิธีการใช้ได้ผล แต่ว่าธุระของเขายังอธิบายไม่เสร็จ “น้าเมิ่ง อีกฝ่ายเจ้าเล่ห์นัก ท่านจำให้ขึ้นใจว่าอย่าได้บุ่มบ่ามมากเกินไป หรือดำเนินการอย่างขาดความรอบคอบ มีเรื่องอะไรให้รายงานข้าเป็นคนแรก ข้ารู้ว่าท่านเป็นห่วงท่านแม่ แต่ท่านก็รู้ว่าใจร้อนจะกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้”

อันที่จริงโจว๋หยุนถิงได้ยินน้าเมิ่งบอกว่าเกิดเรื่องขึ้นกับมารดาของตน ก็เดาได้ไม่อยากว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนเรียบง่ายขนาดนั้น ย่อมต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ถ้าหากเกิดความไม่เหมาะสมเล็กน้อย เช่นนั้นอีกฝ่ายก็อาจจะยอมแพ้ไปเอง

น้าเมิ่งเห็นโจว๋หยุนถิงมีท่าทีสุขุมปานนี้ ก็รู้ว่าเรื่องราวจะต้องไม่ง่ายดายเป็นแน่ “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”

โจว๋หยุนถิงรู้ว่าน้าเมิ่งเป็นคนฉลาด จึงไม่ได้เน้นย้ำเพิ่มอีก

หลังจากที่น้าเมิ่งออกมาข้างนอก คนแรกที่ต้องไปหาย่อมต้องเป็นเว่ยโก๋กงอยู่แล้ว ถ้าหากนางสามารถโน้มน้าวให้เว่ยโก๋กงเชื่อถือได้ด้วยน้ำแรงของนางเอง นั่นก็คงเป็นแค่ความฝัน แต่ถ้าหากบวกนักธุรกิจผู้มั่งคังคนนี้เข้าไป เช่นนั้นเรื่องราวก็คงจะไม่ประสิทธิภาพแบบที่คาดไม่ถึงเลยทีเดียว

“นายท่าน ด้านนอกมีสตรีนางหนึ่งมาขอเข้าพบ” ในขณะที่เว่ยโก๋กงกำลังมีความสุขกับเรื่องที่อีกฝ่ายเห็นด้วยกับข้อตกลงร่วมมือทางธุรกิจกับเขา ก็ยังมีแขกที่นอกเหนือความคาดหมาย แต่เวลานี้เว่ยโก๋กงมีความสุขนัก ย่อมร้องออกไปอย่างเต็มใจ “ให้นางเข้ามา”

เว่ยโก๋กงก็นับว่าคาบเกี่ยวระหว่างแวดวงธุรกิจและแวดวงข้าราชการ ทักษะในการเปลี่ยนสีหน้านั้นหากจะเรียนรู้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายเลย วินาทีที่หมุนกายไป ความปีติอิ่มเอมใจของเขาถูกเก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดี ก่อนจะแสดงสีหน้าเย็นชาออกมาอย่างเต็มเปี่ยม

“เจ้าคือ?” เมื่อเว่ยโก๋กงมองเห็นใบหน้าที่ค่อนข้างคุ้นเคยแต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกนี้ เขาจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย

น้าเมิ่งมองเห็นเว่ยโก๋กง ในใจพลันโกรธ ท่าทางแบบนี้ยังคงเป็นเหมือนในปีก่อนไม่มีผิด คนหน้าเนื้อใจเสือ แต่นางกลับทำได้เพียงเก็บสีหน้าเท่านั้น

“เว่ยโก๋กงไม่รู้จักบ่าวหรอกเจ้าค่ะ บ่าวเป็นตัวแทนมาเจรจาธุระให้กับคนๆ หนึ่ง” ถึงแม้จะบอกว่าเป็นบ่าว แต่ถ้านางพูดถึงคนที่อยู่เบื้องหลังของนางออกมา เดาว่าเว่ยโก๋กงจะปฏิบัติต่อนางอย่างสุภาพเป็นแน่

เห็นได้ชัดมาก ไม่กี่ประโยคของน้าเมิ่งในตอนแรกเริ่มไม่สามารถทำให้เว่ยโก๋กงประทับใจได้ ครั้นเว่ยโก๋กงมองเห็นคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นบ่าวไพร่คนหนึ่ง เช่นนั้นก็คงไม่ใช่สาวใช้ ถึงขนาดวิ่งแจ้นมาจวนเว่ยแห่งนี้ ไม่รู้เสียบ้างว่าใครเป็นนายในแดนดินแห่งนี้ เว่ยโก๋กงนึกถึงตรงนี้ มองหน้าเมิ่งด้วยสีหน้าอึมครึม แม้แต่ปรายตาแวบเดียวก็ไม่ยินดีจะตวัดมอง ช่างเหยียดหยามยิ่งนัก

น้าเมิ่งแย้มยิ้ม และไม่ได้สนใจสายตาของเว่ยโก๋กง นางเอ่ยคำต่อไป “เจ้านายของบ่าว คุณชายโจว๋นักธุรกิจผู้มั่งคั่งรายแรกให้บ่าวนำคำมาบอก…” น้าเมิ่งเอ่ยประโยคนี้อย่างจงใจพูดออกมาแค่ครึ่งเดียว นางยังไม่พูดประโยคถัดไป

ครั้นเว่ยโก๋กงได้ยินว่าเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งรายแรก ร่างกายพลันอ่อนยวบ มองทางน้าเมิ่งอย่างกระตือรือร้นขึ้นมา จ้องน้าเมิ่งอย่างรอคอยให้นางเอ่ยประโยคถัดไป แต่รอแล้วรอเล่า น้าเมิ่งก็ยังไม่พูดจริงๆ

เว่ยโก๋กงก็เป็นคนที่รู้จักดูสีหน้าคน เห็นน้าเมิ่งเป็นเช่นนี้ ย่อมรู้ว่าเป็นเพราะการเหยียดหยามของตนเมื่อครู่นี้ จึงรีบปั้นหน้ายิ้มและประชิดกายเข้าไปกาย “ไม่ทราบว่าเจ้านายของแม่นางให้นำคำอะไรมาบอกหรือ”

น้าเมิ่งตวัดสายตามองเว่ยโก๋กงแวบหนึ่ง จากนั้นจึงกระแอมไอสองที

“ยืนอยู่นานจนคอแห้งหรือ ยังไม่รีบรินชาอีก” เว่ยโก๋กงเข้าใจดี หันไปด่าทอคนที่อยู่ข้างๆ ด้วยความโกรธ แต่ของเหล่านี้ในสายตาของน้าเมิ่งมันกลับดูน่าขันนัก

“ไม่ต้องแล้ว เพียงแต่เมื่อครู่นี้คอข้าคันขึ้นมาก็เท่านั้น” น้าเมิ่งแสร้งทำท่าทางอย่างสูงศักดิ์ ก่อนโบกมือพลางเอ่ยวาจา “เจ้านายของข้าบอกว่าสามารถแก้ไขปัญหาความจำเป็นเร่งด่วนให้เว่ยโก๋กงได้”

ครั้นเว่ยโก๋กงได้ฟัง ก็ยิ่งเบิกบานใจเข้าไปใหญ่โดยไม่ต้องสงสัย เมื่อกี้เพิ่งจะมีเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น คราวนี้จู่ๆ ก็ยังจะมีข่าวดีผุดขึ้นมาอีกได้อย่างไรกันนะ

ย้อนกลับไปคิด ก็รู้สึกค่อนข้างเหลือเชื่อ เรื่องเมื่อคราวก่อนนั้น ยังไม่ทันทำความเข้าใจให้กระจ่างสักเท่าไรเลย “แม่นาง ถ้อยคำนี้คงไม่ได้อำข้าเล่นกระมัง” เว่ยโก๋กงยังไม่ทันได้หยิ่งทระนงตน ยามเอ่ยวาจายังคงดูสำรวมอยู่มาก

น้าเมิ่งจงใจปั้นหน้าขรึม “ท่านคิดว่าเจ้านายของพวกเราเป็นคนแบบนั้นหรือ เจ้านายของข้าพูดแล้ว เรื่องเมื่อคราวก่อน เจ้านายจำได้ดี ดังนั้นผลประโยชน์นี้ย่อมต้องให้ท่านได้ลิ้มรสอยู่แล้ว”

อันที่จริงน้ำคำนี้ของน้าเมิ่งยังคงมีความประหลาดใจอันคาดไม่ถึงอยู่ อย่างไรเสียนายน้อยคนนี้ยามปกติประกอบธุรกิจอย่างไร นางก็ยังไม่รู้จริงๆ นางเอาแต่ติดตามข้างกายคุณหนู ค่อนข้างมีความรู้สึกไม่รับรู้โลกภายนอกไปเสียแล้ว

แต่ว่า เมื่อมองดูท่าทีของน้าเมิ่ง เว่ยโก๋กงคนนี้ก็พยายามอย่างหนักที่จะนึกถึงเรื่องราวในคราวแรก สิ่งเดียวที่สามารถนึกถึงก็คือเรื่องเมื่อคราวก่อน คิดไปว่าตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวซินเหยาไปอยู่ไหนแล้ว แต่เว่ยโก๋กงคิดอยู่นานก่อนจะนึกแผนการใหม่ๆ อีกอย่างขึ้นมา ถ้าหากทำให้ธุรกิจนี้ฟื้นตัวได้ เช่นนั้นตนก็จะเป็นเจ้านายทั้งหมดแล้ว เรื่องพวกนี้ก็เป็นแค่เรื่องเล็กน้อย

คิดถึงตรงนี้ เว่ยโก๋กงก็ปั้นหน้ายิ้มแย้ม “เรื่องนี้ต้องขอบพระคุณคุณชายโจว๋มากที่ยังจำขึ้นใจ แต่ไม่รู้ว่าจะช่วยเหลืออย่างไรหรือ ตอนนี้ทางข้าเองก็มีคนเตรียมจะร่วมมือกับข้าอยู่แล้ว

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

นักฆ่าฮองเฮาของข้า / สุดยอดนักฆ่า มเหสียอดรัก

Status: Ongoing

ซินเหยาเป็นสายลับผู้อัจฉริยะ แต่ในการทำภาจกิจครั้งแรกกลับล้มเหลวแล้วได้ข้ามภพตกลงบนเตียงของฮ่องเต้ ทำให้ฮ่องเต้อำมหิตที่กำลังทำเรื่องนั้นอยู่ต้องหยุดลง ซินเหยาที่โดนวางยาโป๊นึกว่าฮ่องเต้เป็นคนขายบริการพิเศษ หลังเสร็จเรื่องก็ทิ้งเงินไว้แล้วจากไป ซึ่งทำให้ฮ่องเต้รู้สึกความมีเกียรติของเขาถูกเหยียดหยาม ผู้หญิงคนนี้มากเกินไปแล้วไหม แต่สำหรับนางแล้วฮ่องเต้อำมหิตคืนคนที่เอาไว้มาทรมาน เงินเอาไว้มาใช้ วรยุทธเอาไว้มารังแกผู้อ่อนแอ ส่วนความสวยนั้นก็เอามายั่วผู้ชายสิ…..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน