ตอนที่ 773 ผู้หญิงที่โลภมาก
มาถึงโรงรถขึ้นรถแล้วก็ขับออกไปไม่นานก็ถึงห้าง มองดูรอบๆก็ไม่พบโอหยางจิ้งจึงได้นั่งลงรอ
ทันใดนั้น ก็มีรถเบนซ์สีดำคันหนึ่งขับมาจอดอยู่ข้างๆ แล้วมีชายสวมชุดสูทดำ ใส่แว่นดำลงมา ราวกับภาพในหนังที่มีคนใส่ชุดดำสองคนเข้ามาเปิดประตูรถของเธอ
และที่น่าแปลกคือ ประตูรถของเธอเปิดออกเหมือนกับว่าคนนั้นมีกุญแจรถของเธอยังไงอย่างนั้น
ซินเหยารีบได้สติกลับมากำลังจะลงมือ ก็สังเกตเห็นว่าคนที่นั่งอยู่ด้านหลังรถเบนซ์สีดำนั่น เหมือนจะลังเลนิดหน่อย ณ ขณะนั้นเองก็ถูกคนชุดำสองคนลงมาจากรถมา “เชิญ”โยนเธอเข้าไปในรถ จากนั้นก็รีบขับรถออกไปเข้าสู่ถนน หายวับไปกับรถบนถนน
ในรถมีทั้งหมดสี่คน มีคนชุดดำสองคนนั่งอยู่ข้างหน้าขับรถ อีกคนสวมชุดดำใส่แว่ตาสีดำนั่งอยู่ข้างหลัง อีกคนก็คือเธอ
“ไม่เจอสองวัน อย่าทำตัวเหินห่างสิ”
รถพึ่งจะเข้าสู่ถนน ชายที่สวมแว่นตาดำก็ถามขึ้น
“เดิมทีก็ไม่ได้อะไรนะ แต่พอเจ้าคุณเท่านั้นแหละ มีเรื่องเลย…” ซินเหยาจัดการกับเสื้อผ้านิดหน่อย มองค้อนชายคนนั้น “ในรถยังใส่แว่นตาดำ คุณตาบอดแล้วหรอ”
“นี่มันเรื่องของผม คุณไม่เกี่ยว เรื่องมันผ่านไปสองวันแล้ว คุณควรเอาเรื่องที่คุยโทรศัพท์นั่นบอกผมได้แล้ว”
ใช่แล้ว ชายที่ใส่แว่นตาดำนั่นคือคุณชายสามแห่งตระกูลหมิง หมิงหนานเซวียน
ซินเหยายังสงสัยอยู่ว่าทำไมหมิงหนานเซวียนไม่ติดต่อเธอเลย แต่คิดไม่ถึงว่าหมิงหนานเซวียนจะแอบส่งคนมาคอยสะกดรอยตามเธออยู่ก่อนแล้ว แต่ที่แปลกใจและไม่เข้าใจยิ่งไปกว่านี้คือทำไมทุกครั้งที่มาเจอเธอเขาถึงต้องทำตัวลับๆล่อๆด้วย ราวกับว่าไม่สามารถสัมผัสกับแสงได้ยังไงอย่างงั้นแหละ
“ฉันไม่มีเบอร์โทรของคุณ จะไปหาคุณได้ยังไง อีกอย่างตอนนี้คือคุณกำลังขอร้องฉันนะ ไม่ใช่ฉันขอร้องคุณ ท่าทางคุณแบบนี้ ฉันไม่สามารถหาเหตุผลมาบอกตัวเองให้บอกคุณได้” ซินเหยาพูดขึ้นขณะที่ตามองออกไปทางนอกหน้าต่างรถ
หมิงหนานเซวียนจับข้อมือของเธอขึ้นมาแล้วดึงเธอให้หันกลับมาเอาหน้าเข้าไปใกล้เธอ จ้องหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “คุณชื่อซินเหยาใช่มั้ย”
“ใช่ ใช่แล้วยังไง” ซินเหยารู้สึกกลืนน้ำลายลำบาก แววตาของหมิงหนานเซวียนเต็มไปด้วยความแข็งแรงดุดัน ราวกับสามารถเข้าไปในใจของเธอได้
“เป้าหมายของคุณคืออะไร เงิน อำนาจ หรือว่าอะไร ขอแค่คุณพูดเรื่องที่อยู่ในโทรศัพท์มา และไม่ขอจนมากเกินไป ผมสามารถทำให้คุณพอใจได้หมด คุณคงเคยได้ยินชื่อผมใช่ไหม” หมิงหนานเซวียนเข้ามาใกล้นาง มืออีกข้างกดนางลงไปกับเบาะรถ
ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่รถเบนซ์ที่เพิ่มขนาดความยาว แต่เบาะนั่งก็กว้างขวางมากหมิงหนานเซวียนอยากเข้าไปใกล้อีกก็ไม่มีอะไรมาขวางเขา
ซินเหยานึกถึงที่เจี่ยนส้าวจู้นวิจารณ์หมิงหนานเซวียนเอาไว้ อยากอยู่ดีๆในฮ่องกงก็ต้องสร้างสัมพันธไมตรีกับผู้ชายตรงหน้านี้เอาไว้
“แน่นอนว่าคุณสามารถไม่บอกผมได้ แต่ผมจะบอกคุณเอาไว้เลยว่า ความใจกว้างของผมมีขีดจำกัด ถ้าหากในห้านาทีผมยังไม่ได้คำตอบของสิ่งที่ผมอยากได้ ผมก็ไม่เกรงว่าจะมีอะไรกับคุณก่อนแล้วค่อยฆ่าคุณทีหลัง” หมิงหนานเซวียนพูดไปมือก็บีบไปที่หน้าของซินเหยา
“คุณ……”รู้สึกได้ถึงกลิ่นของผู้ชายในตัวของหมิงหนานเซวียน ใจของซินเหยาก็เต้นแรง เธอกัดฟันพูดขึ้นว่า “ทำแบบนี้คุณจะต้องเสียใจ”
“อ่อ เสียใจ วันนี้ผมจะทำให้คุณรู้ว่าการที่มาแหย่ผมแล้วผลจะเป็นยังไง…..” หมิงหนานเซวียนพูดจบก็โน้มตัวลงกดทับตัวของซินเหยา
ซินเหยาหลบการจูบจากเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าคุณไม่อยากรู้ว่าเรื่องในโทรศัพท์คืออะไรก็เชิญทำต่อไป………”
เวลานี้เธอก็นึกถึงความลับนั่นขึ้นมา
เขาให้ความสำคัญกับเรื่องในโทรศัพท์นี้มาก ตั้งแต่คืนนั้น เพื่อเรื่องในโทรศัพท์ เพราะคำพูดประโยคหนึ่งของซินเหยา เขาไม่ลังเลเลยที่จะกระโดดจากบนตึกลงมา วินาทีนั้น เธอมีของที่จะควบคุมเขาได้แล้ว แค่หลอกใช้ หรือให้เธอไปถึงเป้าหมายของตนเอง
นั่นไงหมิงหนานเซวียนได้ยินประโยคนี้ ก็สะดุ้ง หยุดแล้วค่อยๆกลับมานั่ง
แว่นตาดำของเขาถอดออกแล้ว สายตาจ้องมองซินเหยา
ซินเหยาเองก็นั่งนิ่ง
นานอยู่พอควร ที่ทั้งสองไม่พูดอะไรกันหมิงหนานเซวียนสังเกตซินเหยาตลอด ส่วนซินเหยาเองก็มองออกไปนอกหน้าต่างนั่นตลอดเช่นกัน
“คุณทำงานให้ใครกันแน่” หมิงหนานเซวียนขมวดคิ้วขึ้น เขากำลังคิด และสืบหาความจริงจากเธอ
“นั่นมันเรื่องของฉัน ทำไมฉันต้องบอกคุณด้วย” ซินเหยาพูดขึ้น “ถ้าคุณอยากรู้เรื่องในโทรศัพท์ ก็ต้องรับปากฉันเรื่องหนึ่ง…”
“เรื่องอะไร”
“อันดับแรก เงินเรื่องนี้ไม่มีใครที่อยากได้น้อย ฉันต้องการหนึ่งล้าน…..”ซินเหยากำลังคิดคำนวณดู ความลับนี้สำหรับหมิงหนานเซวียนแล้วสำคัญมาก และอยากดูความคิดของหมิงหนานเซวียนด้วย
“ได้”
หมิงหนานเซวียนคิดก็ไม่คิดตอบตกลงทันที หนึ่งล้านสำหรับเขาแล้วเป็นแค่เงินนิดหน่อย
“ดูท่าคุณคงเข้าใจผิด ฉันหมายถึงหนึ่งล้านดอลลาร์ ในสามวัน ฉันต้องได้เงิน ที่ฉันต้องการคือเงินสด ไม่เอาเช็ค………”
หมิงหนานเซวียนมองเธอด้วยสายตาที่ดุไม่เชื่อว่าผู้หญิงตรงหน้าจะโลภมากขนากนี้
“คุณบ้าไปแล้วหรอ” หมิงหนานเซวียนจ้องเธอตาเขม็ง
หนึ่งล้านดอลลาร์ก็เท่ากับเจ็ดล้านหยวน
ถึงแม้ว่าสำหรับเขาแล้วเงินจะเป็นแค่ตัวเลข แต่เขาไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น ใครจะไปรู้ว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ
แท้จริงแล้วซินเหยาต้องการจะทดสอบหมิงหนานเซวียนนั่นเอง พอเห็นปฏิกิริยาของเขาแล้ว ซินเหยาก็คิดจากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ขนาดเรื่องแรกคุณยังทำไม่ได้เลย งั้นก็ไม่ต้องพูดอีกต่อไปแล้ว หยุดรถ……”
“รอก่อน” หมิงหนานเซวียนพูดขึ้น “ผมรับปากคุณ แต่เงินเจ็ดล้านหยวนต้องใช้เวลานิดหน่อย” พูดไปเขาก็หยิบบัตรออกมาจากเสื้อสูทแล้ววางไว้ตรงหน้าของซินเหยาพร้อมกับพูดขึ้นว่า “บัตรนี้สามารถใช้ได้ห้าสิบล้าน เอาไว้ที่คุณก่อน คุณจะได้เงินเจ็ดล้านหยวน”
มองเห็นบัตรอยู่ตรงหน้า ซินเหยาแอบยิ้มในใจ แต่สีหน้ากลับนิ่งไม่ปรากฏอะไรใดๆทั้งสิ้น เตรียมจะรับบัตรมาหมิงหนานเซวียนก็เอากลับไปแล้วพูดขึ้นว่า “ทำไม คุณทำงานแบบนี้มาตลอดหรือ”
ซินเหยารู้ว่าที่หมิงหนานเซวียนพูดสื่อถึงอะไร ดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า “คนที่อยู่ในโทรศัพท์อยากให้คุณไปที่ที่หนึ่ง”
“ที่ไหน” หมิงหนานเซวียนถามขึ้น
ซินเหยามองไปที่บัตร แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีกหมิงหนานเซวียนจึงได้เอาบัตรใส่มือของเธอ
ซินเหยารับบัตรมา มองดูอย่างละเอียดยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายหมิงใจใหญ่จริงๆ รอที่จะได้ร่วมมือกับคุณอีกในครั้งหน้า”
“ผมไม่มีเวลามาล้อเล่นกับคุณ รีบพูด คนนั้นพูดอะไร” ใครใช้ให้เสียเงินไปมากขนาดนั้นในใจยิ่มไม่พอใจอยู่แล้ว
ซินเหยายิ้มแล้วพูดขึ้น “งั้นก็ดีตอนนี้คุณจำเอาไว้ว่า นอกจากที่คุณจะติดค้างเงินฉันเจ็ดล้านหยวนแล้ว ต้องช่วยฉันทำเรื่องเรื่องหนึ่ง ไม่เช่นนั้นทุกอย่างก็ถือเป็นโมฆะ”
“เรื่องอะไร”
“อืม” ซินเหยาคิดแล้วพูดขึ้นว่า “ยังคิดไม่ออก รอให้ถึงเวลาฉันจะไปหาคุณเอง”
หมิงหนานเซวียนยิ้มอย่างเลือดเย็น คุณไม่กลัวหรอว่าเอาเงินไปแล้วจะตาย”
ซินเหยายิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “จุดนี้คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันมีวิธีของฉัน คุณจะตกลงหรือไม่ตกลง ไม่ตกลงพวกเราก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก”
“พูดมา…….” ทั้งสองต่อรองกัน จนหมิงหนานเซวียนยอมอีกครั้ง
“คุณแน่ใจนะว่าจะให้พูดตรงนี้” ซินเหยากังวลคนขับรถนั่น ในเมื่อหมิงหนานเซวียนให้ความสำคัญกับความลับนี้ขนาดนี้ ถ้าหากถูกเปิดโปงออกไป เกรงว่าคงไม่ได้
“วางใจเถอะเขาคือผู้ช่วยของผม” หมิงหนานเซวียนพูดแสดงให้รู้ว่าเธอสามารถพูดต่อไปได้
“คืนนี้เก้าโมงที่โรงแรมเซนต์พอล ห้อง2019 มาช้าแค่หนึ่งนาทีฉันก็ไม่รอ” พูดจบซินเหยาก็หวนนึกถึงคำพูดที่คนที่อยู่ในโทรศัพท์พูดขึ้น
“โรงแรมเซนต์พอลห้อง2019เวลาเก้าโมง” หมิงหนานเซวียนทวนคำพูดของเธออีกครั้ง
“งานของฉันเสร็จแล้ว คุณควรส่งฉันกลับไปได้แล้ว” ซินเหยาพูดขึ้น
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ผิด” หมิงหนานเซวียนขมวดคิ้วมองดูเธอ หวังว่าจะเห็นความผิดปกติว่าเธอโกหกจากท่าทีของเธอ แต่น่าเสียดายซินเหยายังคงหน้านิ่งเย็นชาแบบนั้น
“กรี๊งๆ”
เสียงโทรศัพท์ของซินเหยาดังขึ้น ไม่ต้องดูก็รู้ว่าเป็นโอหยางจิ้งโทรมา
“คนขับรถรบกวนกลับไปที่ห้างหน่อย” ซินเหยาสั่งเองเลย แล้วหันมาพูดกับหมิงหนานเซวียนว่า “คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่เรื่องของฉันฉันก็บอกคุณแล้ว หวังว่าครั้งหน้าเราจะได้ร่วมมือกันอีก”
ไม่นานรถก็กลับมาถึงที่ห้างซินเหยาเตรียมจะลงรถหมิงหนานเซวียนกลับคว้าแขนของเธอเอาไว้ ดึงเธอเข้ามาใกล้ตัวมองเธอจ้องหน้าเธอ แล้วพูดขึ้นว่า “ผู้หญิง ดีที่สุดคืออย่าเป็นศัตรูกับผมไม่งั้นได้ตายอย่างน่าอนาถแน่”
“คุณกำลังข่มขู่ฉัน” ซินเหยายิ้มแล้วพูดขึ้น
“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง ผมแค่เตือนคุณเอาไว้ โทรศัพท์เครื่องนี้สามารถแอบฟังได้ รอโทรศัพท์จากผมแล้วกัน” หมิงหนานเซวียนหยิบโทรศัพท์เครื่องหนึ่งออกมาแล้วยื่นให้ซินเหยา
ซินเหยารับเอาไว้อย่างลังเลหมิงหนานเซวียนถึงยอมให้ลงจากรถ
รอให้รถเบนซ์หายเข้าไปในถนนกับรถอีกมากมายซินเหยาถึงได้สติกลับมา มองดูโทรศัพท์สีดำและบัตรนั่น แล้วเก็บเอาไว้อย่างดี
เวลานั้นเองรถสีขาวของโอหยางจิ้งก็ขับมา
“เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น” โอหยางจิ้งลงรถมาเดินเข้ามาข้างๆซินเยหยาแล้วถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ไม่มีไร ไปกันเถอะ” ซินเหยาหมุนตัวแล้วขึ้นรถไป
โอหยางจิ้งรู้สึกเดาอารมณ์ของซินเหยาไม่ถูก เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว
ไฟแดงท้ายรถกระพริบรถก็วิ่งแล่นไปไกล
นั่งอยู่บนรถซินเหยาเอาแต่เล่นมือของตนเอง โทรศัพท์สีดำที่ หมิงหนานเซวียนให้เอาไว้นนั้น
“ซินเหยา ซินเหยา ได้ยินไหม”
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีเสียงใครกำลังเรียกเธอ เธอมองไปตามทางของเสียงก็เห็นโอหยางจิ้งที่มองหน้าเธอด้วยความเป็นห่วง
“อ่อ” ซินเหยาตอบ “ขอโทษเมื่อครู่คิดอะไรเพลินๆไปหน่อย คุณพูดว่าอะไรนะ”
โอหยางจิ้งเห็นว่าเธอหันมา ก็กลับมาตั้งใจขับรถพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่ได้พูดอะไร เห็นคุณเครียดๆมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“ฉันดูเหมือนเครียดหรอ” ซินเหยายิ้ม “ฉันไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่มีอะไร” โอหยางจิ้งไม่รู้ว่าหยิบกระจกมาจากไหนแล้วพูดกับเธอว่า “หน้าซีดปากซีดเหลือแค่หน้าของคุณไม่เขียนเอาไว้ว่ามีเรื่องแค่นั้นแล้ว”
“ไปไปไป…………”ซินเหยาเปิดกระจกดู มองค้อนโอหยางจิ้งแล้วพูดขึ้นว่า “ไม่ได้เว่อขนาดที่คุณพูดออกมาสักหน่อย”
เธอแค่สีหน้าไม่ค่อยดีแค่นั้นเอง แต่กลับถูกเขาพูดว่าหน้าขาวซีด ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกเหนื่อยมีความรู้สึกอยากนอนขึ้นมา
ในใจของซินเหยาตอนนี้สับสนไปหมด ไม่ใช่เพราะว่าโรคนั้นกลับมากำเริบอีกหรอ
แย่งกระจกจากโอหยางจิ้งมองดูสีหน้าของตนเอง นั่นไง คราวก่อนที่หน้ามืดก็สีหน้าประมาณนี้เลย