ตอนที่3 สตรีโฉมงาม ซินเหยาตื่นตัวกับสภาพแวดล้อมโดยรอบ พบว่านอกเหนือจากห้องที่ตกแต่งย้อนยุคโบราณแล้ว นับได้ว่ามีความสง่า หรูหรา อีกทั้งไม่มีบรรยากาศอันตรายใดๆอีก
นางพยายามนึกย้อนทบทวนว่าเหตุไฉนนางจึงมาอยู่ในสถานที่แปลกประหลาดอย่างนี้ได้? แล้วอีกอย่างทําไมร่างกายนาง จึงปวดระบมและอ่อนแอเช่นนี้? เพียงแต่ตราบใดที่นางพยายามใช้ความคิด ศีรษะก็จะปวดร้าวในทันที
“เฮ้โฮัลโหล! มีคนอยู่มั้ย? ใครก็ได้มาช่วยอธิบายฉันทีว่าที่นี่คือที่ไหน?” ซินเหยาตะโกนเรียกเสียงดัง ทว่าไม่มีใครตอบกลับ นาง
จากด้านในห้องจะเห็นได้ว่านอกจากกําแพงชั้นในที่แพทย์หลวงลงกลอนโลหะไว้แล้ว ไม่มีโทรทัศน์ไม่มีคอมพิวเตอร์ แม้ กระทั่งโทรศัพท์ก็ยังไม่มีเไม่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือเฟอร์นิเจอร์ที่ทันสมัยอะไรเทือกนี้เลยสักอย่าง! นางอยากจะติดต่อคน ของนางแต่กลับจนปัญญา กล่องเครื่องมืออัจฉริยะสายลับก็ไม่พบเสียแล้ว…. “ทําไมฉันมาอยู่ที่นี่ได้เนี่ย? แล้วทําไมพอฉันอยากจะนึกทบทวนถึงได้ปวดศีรษะขนาดนี้? ตกลงที่นี่มันคือที่ไหนกัน แน่?…..
ปัญหาที่น่ากังวลซินเหยามีเป็นชุด แต่นางกลับจําอะไรไม่ได้เลยเนี่ยนะ!
สิ่งที่นางจําได้อย่างชัดเจนก็คือตนคือใคร นางแค่จําไม่ได้ว่าทําไมนางจึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วแท้จริงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
ดูเหมือนว่าจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักชั่วครู่ล่ะนะ รอจนไม่มีอาการปวดศีรษะ ก็สมควรจะนึกออกบ้างสินไม่ว่าอย่างไรสิ่งแรกก็การหลบหนี แล้วค่อยคิดหาวิธีที่จะได้รับการติดต่อจากองค์กรอีกที ซินเหยาถือโอกาสช่วงที่ไม่มีคนเห็น กระโดดหนี้ออกไปจากทางหน้าต่าง ทว่าภายในห้องยามนี้แว่วเสียงของสตรีนางหนึ่งที่ส่งเสียงครางสุขสมระคนเจ็บปวด
บนเตียงมังกรแสนวิจิตรตระการตา ใบหน้าแดงระเรื่อของหลี่เฟยทอดอยู่ใต้ร่างของมู่หรงฉ่ สุขเสียวซ่านจนแทบเจียนตาย
“ปัง!” พลันเกิดเสียงดังขึ้น หลังคาถูกเปิดเป็นรูกว้าง สตรีนางหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า!
“ปัง!
พลันเกิดเสียงดังขึ้น หลังคาถูกเปิดเป็นรูกว้าง สตรีนางหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้า!
ยามนี้มู่หรงฉ่บนเตียงมังกรที่กําลังสุขสมอารมณ์สึกเหิม ทว่าทันใดนั้น…หลังคาก็ถูกเปิดทะลุกว้าง สตรีนางหนึ่งตกลงมาจากฟ้าร่วงหล่นบนแท่น บรรทมมังกร!
“นักฆ่า! ช่วยด้วย!”
ถูกเสียงร้องกรีดแหลมอันตื่นตระหนกของจนลี่เฟยทําให้หมดอารมณ์ความใคร่!
ขันที่หลวงกลุ่มใหญ่ปรี่เข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นหลังคาของพระราชวังแตกออก นึกไม่ถึงว่าบนแท่นบรรทมมังกรยังเพิ่มสตรีประหลาดมาอีกหนึ่ง ยามนี้ล้วนแตกตื่นลุกลี้ลุกลน
มู่หรงฉ่รับสั่งแค่นเสียงเย็น “เงียบให้หมด!” เช่นนี้แล้วเหล่าขันที่จึงเชื่อฟังโดยมิขยับ ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อย
ร่างเปลือยเปล่าของหลี่เฟยราวกับอสรพิษที่เลื้อยอยู่บนแผ่นอกล่ําสันของมู่หรงฉ่ “ฝ่าบาท! หม่อมฉันตกใจแทบตายแล้ว!”
มู่หรงฉ่วาดเท้าเตะออก “ไสหัวไป!” มู่หรงฉ่เย็นเยือกดุจเทพมรณะ ใบหน้าปกคลุมด้วยน้ําค้างแข็งราวกับหยกเย็น นักฆ่าอุกอาจกล้าลอบสังหารถึงในพระราชวังเลยงั้นหรือ? มันที่แท้เป็นใครจึงได้ใจกล้าบ้าบินเช่นนี้
ทว่าเขาพบอย่างรวดเร็วว่านักฆ่านั้นประหลาดอย่างมาก
เนื่องด้วยนางทอดกายบนแท่นบรรทมมังกรโดยมิไหวติง ดูเหมือนจะสลบจนแน่นิ่งไปแล้ว มู่หรงฉ่ฉุดดึงผ้าห่มออก ร่างสตรีผู้นั้นก็พลิกหงาย รูปร่างหน้าตาสะสวย ใบหน้าเล็กๆทรงวงรีที่บอบบางและขาวซีดกลับเป็นดรุณีงามนางหนึ่ง นางสลบไปจริง
มู่หรงฉ่พบว่า “นักฆ่า” ที่แท้นั้นสลบเหมือดไปแล้วจริงๆ
“จะมีนักฆ่าโง่เง่าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?” มุมปากเขายิ้มเยาะ พลันนึกว่า ทําไมจึงมีคนร้ายรูปงามขนาดนี้ได้?