ตอนที่ 122
เมื่อไม่นานมานี้ธามนิธิแย่งที่ดินผืนหนึ่งมาจาก บ้านมีสุวรรณ์ ที่ดินผืนนี้สำหรับบริษัทอย่างพวกเขาแล้ว เปรียบเสมือนที่ดินอันมีค่าที่ทำให้เขาร่ำรวยได้
สามารถร่วมงานกับธามนิธิได้ แม้ว่าจะได้แค่เศษ
เสี้ยวกำไร ผลประกอบการของบริษัทพวกเขาในอนาคต ก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เพื่อโอกาสนี้แล้ว บริษัทที่มีขนาดเท่าๆกับเขาอีก
หลายบริษัท ก็แย่งกันจนหัวแตกเลือดอาบกันไปหมด
แล้ว
ไม่คาดคิดเลยว่า ธามนิธิกลับให้โอกาสกับเขา ง่ายๆอย่างนี้
ไวยาตย์ที่ฟังธามนิธิอยู่ข้างๆ รู้สึกว่าคุณธามนิธิ ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ
แต่เดิม ไวยาตย์เป็นคนนัดคุยกับคุณชรัณในครั้ง นี้ ข้างหลังยังต่อคิวอีกหลายบริษัท กะว่าจะให้คุณธา มนิธิคุยกับทุกบริษัทแล้วค่อยตัดสินใจว่าจะร่วมลงทุนกับ ใคร
เขาไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าคุณธามนิธิจะให้ โอกาสแก่คุณชรัณง่ายๆแบบนี้
หรือว่าจะเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามมอบก้อนหิน ก้อนหนึ่งให้กับปาณี?
เป็นความจริงที่ว่าก้อนหินก้อนนี้ดูไม่เลวเลยที เดียว แต่ว่า ถ้าเทียบกับผลประโยชน์ที่คุณชรัณจะได้จาก เรานั้นแล้ว ก็เปรียบเสมือนสิ่งเล็กน้อยจนไม่ควรค่าที่จะ นำมาใส่ใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ปกติธามนิธิก็ไม่ใช่คนที่จะถูกใคร ซื้อใจไปง่ายๆแบบนี้!
ตั้งแต่มีปาณี ไวยาตย์ก็รู้สึกว่าธามนิธิเหมือนคนที่ หลงผิด นอกลู่นอกทางไปมาก เขาวิ่งอยู่บนเส้นทางที่ เอาใจภรรยา นับวันก็ยิ่งดิ่งลึกเข้าไป ฉุดยังไงก็ฉุดไม่ กลับมา
หลังรับประทานอาหาร ส่งปาณีและธามนิธิกลับ ไปแล้ว เถ้าแก่ร่างอ้วนท้วมถึงจะโล่งใจขึ้นมา
ถ้าหากไม่เป็นเพราะว่าเขาไหวตัวทัน ก็คงล่วง เกินปาณีไป การเจรจาในวันนี้ก็คงไม่สำเร็จโดยที่เขา ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นเพราะอะไร
ปาณีและธามนิธิออกมาหลังจากรับประทาน อาหารเสร็จ ธามนิธิก็พูดว่า “ตอนบ่ายฉันมีธุระต่อ เดี๋ยว ให้ไวยาตย์ส่งเธอกลับไปก่อนนะ?”
ไม่ต้องค่ะ” ปาณีพูดว่า “เดี๋ยวหนูเรียกรถกลับไป เองก็ได้ค่ะ”
ธามนิธิมองเธอแวบหนึ่ง “ข้างนอกร้อนมาก”
“ไม่เป็นไรจริงๆค่ะ” ปาณีมองธามนิธิแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “หนูไม่ได้เป็นเด็กๆแล้วนะคะ ออกจากบ้านต่อรถแค่นี้เอง ทำไมจะทำไม่เป็นคะ?”
ถ้าหากว่าให้ไวยาตย์ไปส่งเธอจริงๆ แล้วเธอจะ กลายเป็นตัวอะไรเนี่ย?
เธอมองหน้าธามนิธิ “คุณอา คุณทำอย่างนี้ไม่ กลัวว่าจะเลี้ยงหนูจนขี้เกียจหรอคะ?”
“ฉันไม่ถือสา” เขาทำหน้าจริงจัง
ปาณี “..
หนูถือสามากดีไหม?
แต่ว่า ธามนิธิก็ไม่ได้ฝืนให้ไวยาตย์ไปส่งเธอ ปาณีอยากกลับไปเอง เขาก็ตามใจเธอ
หลังจากที่แยกจากธามนิธิแล้ว ปาณีเพิ่งจะขึ้น รถไฟใต้ดิน จันวิภาก็โทรมาหาเธอพอดี “ปาณี”
“พี่”
“วันนี้ว่างไหม? พี่มีธุระกับเธอนิดหน่อย”
“ว่างพอดีเลยค่ะ” ถ้าหากเป็นวันปกติ เธอก็ไม่ว่าง
แล้ว
“ถ้าอย่างนั้นเธอแวะมาหน่อยละกันนะ! เดี๋ยวพี่ส่ง ที่อยู่ไปให้”
“ค่ะ”
ปาณีไปถึงสถานีครึ่งทาง ก็ลงจากรถไฟใต้ดิน ขณะที่เธอไปถึง ก็เห็นจันวิภานั่งดื่มชาอยู่ตรงนั้น
ปาณีเดินเข้าไปหา “พี่คะ”
จันวิภาสั่งเครื่องดื่มให้เธอแก้วหนึ่ง มองไปยัง ปาณี “ได้ข่าวว่าวันนี้เธอไปโรงพยาบาลกับธามนิธิ หรอ?”
ปาณีตอบว่า “ใช่ค่ะ”
“อาการของเขาเป็นยังไงบ้าง?” นี่เป็นหัวข้อที่จัน วิภาสนใจเป็นพิเศษในแต่ละวัน
ปาณีคิดไปคิดมา รู้สึกว่าตัวเองไปเสียเที่ยว “คุณ อาไม่ได้บอกหนูค่ะ เขาให้หนูรออยู่ข้างนอก หนูไม่รู้ อะไรเลย”
จันวิภายิ้ม “เขาก็เป็นอย่างนั้นแหละ สภาพ ร่างกายของตัวเองเป็นยังไงก็ไม่เคยบอกคนที่บ้าน เลย. ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่บอกแม้กระทั่งเธอ”
ปาณีเพิ่งกลับจากข้างนอก ร้อนจนแทบตาย ดื่ม ชามะนาวเย็นๆเข้าไปรู้สึกสดชื่นจับใจ
เธอเพิ่งจะมองไปทางจันวิภา “พี่เรียกหนูมา มี เรื่องด่วนอะไรหรอคะ?”