ตอนที่ 435
จันวิภาพูดขึ้นว่า “แล้วเธอกับธามนิธิ ตอนเที่ยงว่างหรือเปล่า? มาทานข้าวด้วยกัน ไหม?”
ถ้าไม่ได้เห็นกับตา เธอคงเชื่อไม่ลง “คุณอานัดฉันทานข้าวเที่ยงด้วยกันค่ะ”
“ถ้างั้นตอนเย็นล่ะ?” ตอนนี้จั่นวิภาคิดแต่ อยากจะพิสูจน์เรื่องให้กระจ่างว่า ธามนิธิลุก ขึ้นยืนได้จริงหรือไม่เท่านั้น
เพราะโทรศัทพ์หน้านํามุงโทรมานั้น ทําเอาทุกคนในบ้านนั่งกันไม่ติด
แต่ก็ไม่กล้าตกลงใจเชื่อง่ายๆ
เรื่องแบบนี้มันยิ่งกว่าในละครเสียอีก
เทียบกับข่าวที่ปาณีท้องตอนนั้นแล้ว ยัง
เหลือเชื่อยิ่งกว่า
ปาณีบอกว่า “ไว้ถึงตอนนั้น ถ้ามีเวลา ฉัน จะโทรหาพี่อีกครั้งดีไหมคะ?”
ช่วง ธามนิธ่ยุ่งเหลือเกิน ปาณีไม่อาจ ตัดสินใจแทนเขาได้
นวิภาได้ยินมาบอกแบบนั้นแล้ว บ่น มนําครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “ก็ได้จ้ะ”
ก็ได้แต่ต้องรอเท่านั้น
เธอเพิ่งจะโทรหาธามนิธิ แต่เขากำลัง ประชุมอยู่
ธามนิธิเป็นคนที่ถ้าทำอะไรแล้ว จะทำให้ ดีที่สุด
เหมือนอย่างตอนนี้ หลังจากเขารับช่วง กิจการของตระกูลมาแล้ว ก็ทําอย่างสุดความ สามารถทุกวัน
ตอนเที่ยง ปาณีเพิ่งออกจาก
มหาวิทยาลัย คนขับรถที่ธามนิธิส่งมา ก็มารอ เธออยู่ที่เดิม
ปาณิสะพายกระเป๋าเดินออกไป มีเพื่อนเห็นเธอไปขึ้นรถ ก็พูดอย่าง อิจฉาว่า “ปาณีนี่โชคดีจังเลยนะ ! แค่เดินออก นอกประตูก็มีรถมารอรับแล้ว
เพื่อนที่อยู่ข้างๆก็พูดด้วยน้ำเสียงเย้ย หยันว่า “น่าอิจฉาตรงไหน? หรือเธอก็อยากได้ สามพิการด้วยอีกคน พวกคนรวยอย่างคนพวก นั้น ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระเสรีมีความสุข อย่างพวกเราหรอกน่า
พอพูดแบบนี้ ทุกคนก็หัวเราะกันขึ้น
ในมหาวิทยาลัย เพียงแค่เอ่ยถึงปาณี ทุกคนก็จะนึกถึงแต่เรื่องที่เธอแต่งงานกับ ผู้ชายพิการนั่งบนรถเข็นเท่านั้น
แน่นอนว่าหัวข้อสนทนานี้ ต้นตอมาจาก
ทนา
ที่ปกติปาณิไม่ได้เก็บเรื่องพวกนี้มา
ใสใจ
เธอไม่ได้มีเงินถุงเงินถัง ใครที่ไหนจะมา
ชอบเธอ? เมื่อถึงร้านอาหาร ขณะที่ปาณีลงจากรถ ก็พบไวยาต รอเธอที่ประตูร้านแล้ว
ปาณัสวมเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ ท่าทางดู สบายๆ ดูไม่ออกเลยว่าเธอมีสถานะเป็นภรรยา ของธามนิธ
เมื่อก่อนไวยาตย์มักจะคิดว่าปาณีแต่งตัว แบบนี้จะทำให้ธามนิธิขายหน้าได้ ต่อมาเมื่อ เริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น กลับรู้สึกว่าปาณีแต่งตัว แบบนี้ก็ดูสบายตาดี
“ไวยาตย์” แต่ก่อนนี้ปาณีเรียกเขาว่าคุณ ไวยาตย์ตลอด ภายหลังรู้สึกว่าฟังดูห่างเหิน เกินไป เลยเรียกแต่ชื่อเฉยๆ
ไวยาด มองไปที่ปาณี “ท่านประธานให้ ผมมารับคุณครับ”
เขาเดินนำหน้า เพื่อนำทางให้ปาณี
ปาณีมองไปที่ไวยาตย์ พูดขึ้นอย่างอด รู้สึกดีใจไม่ได้ว่า “คุณอายืนได้แล้ว ไวยาตย์รู้ เรื่องนี้หรือเปล่า?” ไวยาด มองปาณีที่มีท่าทางดีใจ พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ น้ำเสียงของเธอก็เต็มไปด้วย ความร่าเริงสดใส
ไวยาตย์ยิ้มที่มุมปาก แน่นอน เขารู้มา ตั้งนานแล้ว
นอกจากชลิตแล้ว เขาเป็นคนที่สามที่รู้ เรื่องนี้
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจของไวยาตย์ก็รู้สึก ปลื้มปริ่ม เขาคงเป็นคนที่ท่านประธานเชื่อใจ มากที่สุด เชื่อใจมากกว่าปาณีด้วยซ้ำ
ปาณีพูดลากเสียงยาว “คุณก็รู้เรื่องนี้ นานแล้วสินะ ! รู้แล้วแต่กลับไม่ยอมบอกกัน แย่จริงๆเลย”
ไวยาด มองปาณี พูดขึ้นว่า “ท่าน ประธานไม่บอก ก็เพราะมีเหตุผลของท่าน คุณ เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง จะไปรู้อะไร?”
“ว่าฉันเป็นเด็กหรือ?” ปาณีไม่เห็นด้วย
“คุณดูถูกฉันเกินไปแล้ว ฉันจะฟ้องคุณอา ..” ไวยาด มองเธออย่างปวดหัว “ก็ได้ คุณปล่อยผมไปเถอะนะ”
เขายอมให้ง่ายๆหรือ?
กินข้าวบ้านเขา ก็ต้องทนฟังเขาบ่น