ตอนที่656
“สวัสดีครับคุณอา” ธามนิธิเอ่ยอย่างสุภาพ
คำพูดที่คุณอาเพิ่งเอ่ยเมื่อกี้นี้เขาได้ยินมันแล้ว ดังนั้นท่าทีที่มีต่อคุณอาจึงดูเป็นมิตรมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
คุณอาจ้องมองธามนิธิ ที่ท่าทีเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจแต่ก็น้อบน้อมเป็นอย่างยิ่ง
คุณอายังคงประหม่าอยู่เล็กน้อย เนื่องจากถูกท่าทีของเขาดึงดูดไปหมด
โดยเฉพาะพอได้ยินว่าพวกเขายังไม่ได้หย่ากัน คุณอาก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปใหญ่
เธอไม่ได้ได้สอบถามอะไรปาณี เรื่องจากยังคงอยู่ต่อหน้าธามนิธิ จึงรู้สึกไม่ดีนักที่จะถาม
เธอเอ่ย “พวกเธอคุยกันไปเถอะนะ”
พูดเสร็จก็เดินจากไป ทิ้งห้องว่างนี้ไว้ให้แก่สองสามีภรรยา
พอคุณอาเดินไป ปาณีก็เดินไปยังหน้าธามนิธิ เธออยู่ห่างเขาออกไปไม่กี่เมตรแต่ก็สามารถรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเขาได้ “คุณเป็นอะไรไปคะ ใครทำให้อารมณ์เสียขึ้นมา?”
“ไม่ได้เป็นอะไร”ธามนิธิมองปาณีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะลืบเข้าไปที่หน้าของเธอครู่หนึ่ง “ไม่ได้ถูกใครรังแกใช่ไหม?”
“รังแก ใครกล้ารังแกฉัน?”ปาณีไม่ได้มองเห็นเพลินพิศอยู่ในสายตาแต่อย่างใด
ธามนิธิยกยิ้มมุมปาก “อย่างนั้นก็ดี”
เธอไม่พูด เขาก็ไม่บังคับเธอ
ปาณีนั้นเคารพตนเองเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องภายในบ้านของเธอ เธอไม่อยากให้สร้างปัญหาให้กับเขา
ถ้าหากเขาพูดออกมา รังแต่จะทำให้เธอรู้สึกรับไม่ได้เท่านั้น
ฝนสิริตอนนี้กำลังพักผ่อน คุณอาพอเห็นว่าธามนิธิมาที่นี่แล้ว เธอจึงเก็บของเตรียมตัวจะไป
ปาณีไปส่งเธอออกจากโรงพยาบาล และได้ยินคุณน้าเอ่ยว่า “ปาณี พรุ่งนี้ฉันจะมาเยี่ยมแม่ของหนูใหม่ อาเขยของเธอตอนนี้ยังอยู่ที่บ้าน ฉันกลับไปหุงข้าวให้เขาก่อน”
“คุณอา”ปาณีรู้ว่าเธอนั้นยุ่งเป็นอย่างมาก “คุณอาไม่ต้องมาก็ได้นะคะพรุ่งนี้”
คิดไปถึงว่าเมื่อก่อนแม่ของตนทำตัวไม่ดีกับคุณอาขนาดไหน มาตอนนี้คุณแม่ล้มป่วย ผลลัพธ์คือคนที่เป็นเดือดเป็นร้อยที่สุด ก็ยังเป็นคุณอา
แต่เธอกลับไม่เห็นเป็นเหล่าบรรดาญาติที่แม่ของเธอพยายามผูกมิตรพวกนั้นมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลเลยสักนิด
คุณอาเอ่ย “ไม่เป็นไร คนในครอบครัวทั้งนั้น! หนูกับนภันต์ก็กำลังเรียนอยู่ ถ้าหากฉันไม่มา พ่อของเธออยู่โรงพยาบาลคนเดียวจะรับมือได้ยังไงไหว?”
ปาณีมองเธอที่ช่างผอมบางแต่กลับมีความรับผิดชอบสูงส่งอย่างยิ่ง “ไม่เป็นไร มีหนูอยู่ สามีของหนูก็อยู่ เรื่องของคุณอาเองนั้นสำคัญกว่า ถ้าหากว่าหนูทำไม่ไหวจริงๆหนูจะโทรหาคุณอานะคะ”
ธามนิธิยืนอยู่ด้านข้าง มองดูปาณีพูดคุยกับคุณอาของเธอ และส่งเธอขึ้นรถไป ก่อนที่เธอจัเดินกลับเข้ามา
เป็นเพราะฝนสิรินั้นพักอยู่ในห้องพักผู้ป่วยแบบธรรมดา ในนั้นจึงไม่มีที่ให้คนในครอบครัวพักผ่อนแต่อย่างใด ตกดึก ปาณีนั้นคลุมร่างของตนด้วยชุดสูทของธามนิธิ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้านนอกห้องและพิงไหล่ของเขาหลับไป
ที่ระเบียงทางเดินนั้นเงียบสงบเป็นอย่างมาก ธามนิธิไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา ทำเพียงแค่จ้องมองดูเธอที่อยู่ขายกายอย่างเงียบๆเท่านั้น
จิรเวชนั้นภูกปาณีส่งกลับไปพักผ่อนกับนภันต์แล้วเรียนร้อย ตอนนี้ภายในโรพงบาลจึงเหลือพวกเขาแค่สองขึ้น
เดินทีปาณีก็ให้ธามนิธิกลับไปก่อนเช่นกัน แต่เขากลับยืนกรานว่าจะอยู่ที่นี่ต่อไป
มองดูยัยตัวเล็กของเขาที่เหนื่อยจนหลับไป ธามนิธิจึงยื่นมือออกมาและหยิบชุดคลุมมาคลุมให้เธออย่างเบามือ
บนตัวเขาสวมแค่เพียงเสื้อเชิ้ต แต่เนื่องจากร่างกายของเขานั้นแข็งแรงไม่น้อย จึงไม่รู้สึกหนาวแต่อย่างใด
ไวยาตย์เดินเข้ามา และมองเห็นภาพของคนทั้งคู่ที่กำลังพักผ่อนบนเก้าอี้เข้าพอดี
คิ้วของเขาขมวดขึ้น ปาณีนั้นแล้วกันไป ตั้งแต่เล็กเธอก็ทนความลำบากได้จนเคยชิน แต่ ทำไมคุณธามนิธิถึงอยู่เฝ้าที่นี่ด้วยเช่นกันหล่ะ!
บวกกับฝนสิริคนนั้น เมื่อก่อนก็ทำตัวไม่ค่อยดีนักกับธามนิธิ ในใจของไวยาตย์จึงรู้สึกไม่ค่อยดีอย่างมาก
เขาเดินเข้าไป ก่อนจะเอ่ยพูดเสียงขัด“คุณธามนิธิ”
ธามนิธิเงยหน้าขึ้นมา “มาแล้วหรือ?”
ตอนที่657
ไวยาตย์ส่งถุงเสื้อผ้าไปให้แก่ธามนิธิ ปาณีนั้นต้องการจะอยู่ค้างคืนที่นี่ เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ก็น้อยชิ้นนัก ธามนิธิจึงโทรศัพท์บอกให้ไวยาตย์นำเสื้อผ้ามาให้
ธามนิธิรับถุงเสื้อผ้าเอาไว้ “ลำบากนายแล้ว”
ไวยาตย์ยื่นอยู่ด้านข้างเอ่ยถาม “คืนนี้ไม่กลับไปแล้วหรือครับ?”
“ปาณีอยู่เฝ้าค้างคืนที่นี่ ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอ”น้ำเสียงของธามนิธิกดต่ำ เนื่องจากกลัวว่าปาณีจะถูกปลุกให้ตื่นขึ้น
ไวยาตย์เอ่ย “ดึกขนาดนี้แล้ว คุณกลับไปก่อนดีกว่าครับ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
ถึงแม้ว่าตัวธามนิธิเองจะไม่ใส่ใจ แต่เขากลับทนเห็นธามนิธิมาลำบากแบบนี้ไม่ไหว
ธามนิธิเอ่ยอย่างหนักแน่น “ไม่เป็นไร”
ปาณีอยู่เฝ้าค้างคืนไม่ของเธอที่นี่ เธอยังไม่รู้สึกว่าลำบากอะไร ตนเองที่อยู่เป็นเพื่อนเธอที่นี่ถือว่ากระทำเรื่องที่สมควรแล้ว
ไวยาตย์รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนเขา “แม่ของเธอเมื่อก่อนทำไม่ดีกับคุณอย่างยิ่ง คุณก็รับมันมาได้ ตอนนี้เธอป่วย คุณก็ยังอุตส่าห์มาเฝ้าเธอถึงที่นี่ด้วยตนเองอีก”
“……..”ธามนิธิขมวดคิ้วขึ้น “นายกลับไปก่อนเถอะ”
เห็นชัดว่าไม่อยากให้ไวยาตย์พูดถึงเรื่องไร้สาระพวกนี้กับตน
ที่เขาเฝ้าคือปาณี ไม่ใช่ฝนสิริ
ไวยาตย์ถูกบอกปัดอย่างไร้เยื่อใย จึงยอมกลับไปแต่โดยดี
ปาณีนอนหลับไปสักพักและตื่นขึ้นมา ธามนิธิก้มหน้ามองดูเธอที่พิงอยู่กับตัวของตนเอง “ตืนแล้วหรือ?”
ปาณีลุกขึ้นมานั่ง รู้สึกปวดเมื่อไปทั้งตัว อยู่เฝ้าไข้ค้างคืนเป็นเรื่องที่ลำบากอย่างยิ่ง
ธามนิธิส่งชุดที่ไวยาตย์เอามาให้กับเธอ ปาณีรับถุงนั้นมา “ไวยาตย์เพิ่งจะมาที่นี่หรอคะ?”
“อืม”
ปาณีด้านหนึ่งสวมเสื้อ ด้านหนึ่งเอ่ยกับธามนิธิ “ดึกมากแล้ว คุณรีบกลับไปเถอะค่ะ ฉันอยู่โรงพยาบาลคนเดียวได้”
“ไม่เป็นไร”ธามนิธิเอ่ย “ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
เขาหยิบชุดคลุมออกมาจากถุงและคลุมลงบนตัวเธอ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของเขา หรือเป็นเพราะเสื้อ ปาณีนั้นรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเป็นกอง
เธอมองดูธามนิธิ “คุณเป็นแบบนี้ กลับไปไวยาตย์ต้องบ่นฉันแน่”
เธอลำบากนิดหน่อยไม่เป็นไร ตั้งแต่เล็กเธอก็ชินเสียแล้ว แต่ธามนิธิในสายตาของไวยาตย์นั้นราวกับเป็นลูกรักก็มิปาน แม้แต่ความลำบากเพียงเล็กน้อยก็ไม่อยากให้เขาได้เผชิญ
ธามนิธิหัวเราะ “เขากล้า!”
-
ตอนเช้า จิรเวชมาถึงตั้งแต่เช้าตรู่ ปาณีกับธามนิธิที่อยู่เฝ้ามาทั้งคืนจึงออกมาจากโรงพยาบาล
ไวยาตย์มารับพวกเขา ปาณีนั้นนั่งลงข้างๆธามนิธิ และได้ยินไวยาตย์เอาแต่บ่นไม่หยุด “เมื่อคืนฉันพูดกับคุณธามนิธิอยู่ตั้งนานสองนาน ว่าให้เขากลับไปพักผ่อน แต่เขาก็ไม่ฟัง ปาณีเธอก็เหมือนกัน คนในบ้านของตนเอง ทำไมไม่ให้พวกเขามาอยู่เป็นเพื่อนแม่เธอ ทำไมต้องให้คุณธามนิธิของเรามาอยู่ด้วย?”
“……”ปาณีเหลือบมองธามนิธิรอบหนึ่ง รู้ดีอย่างยิ่งว่าเขาได้รับความลำบากไม่น้อย
ธามนิธิจับมือของเธอไว้และเอ่ยกับไวยาตย์ “หุบปาก”
เลขานี่มาจากไหนกัน เขาไล่ออกได้ไหม?
ไวยาตย์หุบปากลงจริง แต่ท่าทีกับดูดึงดันอยู่บ้าง
ปาณีหัวเราะและเอ่ย “ครั้งหน้าไม่มีแล้ว ไวยาตย์นายโลกโมโหเถอะ”
บ้านของเธอมีอยู่แค่ไม่กี่คน ฝนสิรินั้นไม่กี่วันนี้จะต้องอยู่พักที่โรงพยาบาล จึงไม่อาจให้พ่อของเธออยู่เฝ้าเพียงคนเดียวได้ เธอก็ต้องลงแรงด้วยช่วยกัน นี่เป็นเรื่องที่สมควรกระทำ
แต่ว่าเธอก็เข้าใจอารมณ์ของไวยาตย์ โดยเฉพาะแม่ของเธอที่ยังคงปฏิบัติไม่ดีต่อธามนิธิเลยสักนิด
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ทั้งคู่ก็ทานอะไรเล็กน้อย ก่อนที่ธามนิธิกับปาณีจะขึ้นไปพักผ่อนที่ชั้นบน
ธามนิธิถอดชุดออกและนอนลงบนเตียง เขาจ้องดูปาณีและเอ่ย “คำพูดของไวยาตย์ เธออย่าเก็บมาใส่ใจ เขาก็เป็นคนแบบนี้ พูดจาไม่น่าฟัง แต่จริงๆแล้วไม่ได้คิดร้ายอะไร ก่อนหน้านี้ที่ฉันและเธอหย่ากัน เขาก็รู้สึกว่าฉันทำผิดต่อเธออย่างยิ่ง และคิดจะลาออกเสียด้วยซ้ำ”
ตอนที่658
ไวยาตย์เป็นพวกคิดอะไรก็พูดอย่างนั้น แต่ไม่ได้ตั้งใจหาเรื่องปาณีแต่อย่างใด
ปาณีเอ่ย “ฉันรู้ค่ะ ที่เขาพูดก็ไม่ผิด แม่ของฉันทำไม่ดีกับคุณเลย ไม่สมควรให้คุณไปที่โรงพยาบาล”
“พูดจาโง่งมอะไร?”ธามนิธิยิ้มขึ้นและดึงเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมอก ก่อนจะจูบลงบนหน้าผากของเธอ “ครอบครัวของเธอก็คือครอบครัวของฉัน ฉันจะทิ้งเธอไว้คนเดียวที่โรงพยาบาลได้อย่างไร?”
ต่อให้เธอแย่กว่านี้ ก็ถือว่าเป็นแม่ของเธออยู่ดี เป็นเพราะฝนสิริ บนโลกใบนี้เขาถึงได้พบเจอกับปาณี
ปาณีได้ฟังคำพูดของเขาจึงยิ้มออกมา “รับทราบค่ะ คุณสามี”
คำว่าสามีคำนี้ เรียกเสียจนธามนิธิรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจอย่างยิ่ง
มุมปากของเขายกยิ้งขึ้น “เห็นทีที่ฉันอยู่เป็นเพื่อทั้งคืนนั้นคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง”
ปกติเธอเอาแต่เรียกเขาว่าคุณอา ตอนนี้กลับเรียกเขาว่าสามีด้วยตนเองก่อนแล้ว
ปาณีฟังเขาพูดจบก็นอนลงในอ้อมอกเขาด้วยความสบายใจ “นอนเถอะค่ะ ง่วงจะแย่แล้ว”
ปาณีหลับลงก่อนจะลากยาวไปจนกระทั่งยามบ่าย โชคดีที่วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ จึงไม่ได้ต้องทำอะไร
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา เธอเห็นธามนิธินั้นนั่งอยู่ที่โซฟาและกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ คล้ายกำลังสั่งงานอะไรอยู่ “ใช่ กลับไปดูเถอะ แล้วค่อยกลับมารายงานฉัน”
เธอไม่กล้าเสียงดังรบกวนเขา ทำเพียงแค่เดินเข้าไปด้านหลังเขาเสียงเบา ก่อนจะเกยหน้าลงที่ไหล่เขา แต่กอดเขาไว้อย่างสนิทสนม
ธามนิธิยกมือขึ้นและจับกุมนิ้วเรียวของเธอเอาไว้ เขาคุยโทรศัพท์เสร็จก็ดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด “ตื่นแล้วหรือ?”
หน้าผากของปาณีชนอยู่กับเขา น้ำเสียงตอนเพิ่งตื่นฟังดูแหบเล็กน้อย “อืม คุยกับใครคะ?”
“คุยเรื่องงาน”เขาจ้องมองเธอ “อยากทานอะไรไหม?”
ปาณีพบว่าตอนเองอยู่ข้างๆกายธามนิธิก็คล้ายเปลี่ยนเป็นเจ้าหมูตัวน้อยไปแล้ว ทั้งวันเอาแต่กินนอนเล่น
เธออยากกินอะไร เขาก็ล้วนแล้วแต่จัดเตรียมให้เธอ
ปาณีมองเขาและพูดอย่างเรื่องเปื่อย “กินคุณ”
“……..”ธามนิธินิ่งงันไป และจ้องมองเธอ “เธอแน่ใจ?”
ดวงตาของเขา เต็มไปด้วยประกายแห่งการรอคอย
ปาณีกรอกตารอบหนึ่ง “แค่ล้อเล่นเท่านั้นค่ะ เพียง…ทำไมฉันคนพบว่าคุณยิ่งอยู่หน้าคุณยิ่งหนาขึ้นเรื่อยๆหล่ะคะ? เมื่อก่อนเวลาฉันล้อเล่นกับคุณแบบนี้ คุณก็มักจะเขินอายเสมอ”
ตอนที่ปาณีเพิ่งจะรู้จักเขา เขาช่างดูแสนบริสุทธิ์ ช่างน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง
แต่ตอนนี้คนบางคนแถวนี้ กลับแปรเปลี่ยนเป็นคนที่เจนจัดอย่างยิ่ง
เผชิญหน้ากับความสงสัยของเธอ ธามนิธิเอ่ยตอบอย่างเคร่งขรึม “อาจเป็นเพราะถูกคนทำให้เสียคนเข้าให้แล้ว”
“ไม่นะคะ ฉันออกจะแสนบริสุทธิ์ เข้าใจไหมคะ?”ปาณีไม่ยอมรับ
ธามนิธิเอ่ย “ฉันเชื่อคำพูดไร้สาระของเธอ”
-
วันอังคาร ปาณีเพิ่งจะกลับมาจากมหาลัย และโทรศัพท์ให้กับนภันต์เพื่อสอบถามอาการของฝนสิริ หลังจากยืนยันว่าเธอไม่เป็นอะไรแล้วจึงเอ่ยกับนภันต์ว่า “ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ฉันไม่เข้าไปแล้วนะ มีธุระนิดหน่อย สองวันมานี้เหนื่อยอยู่ไม่น้อย อยากจะพักผ่อนสักครู่”
สองวันที่ผ่านมาเธอไม่ได้วิ่งไปมาที่โรงพยาบาล เนื่องจากธามนิธินั้นก็พลอยลำบากไปด้วยกันกับเธอ จึงอยากเข้าคุณอาพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
“รู้แล้ว”นภันต์เอ่ย “มีฉันกับพ่อ เธอวางใจเถอะ”
ปาณีกับนภันต์คุยโทรศัพท์เสร็จ คุณอาก็โทรศัพท์เข้ามา
ปาณีรับโทรศัพท์ “คุณอา”
“ปาณี”ในสาย น้ำเสียงของคุณอาฟังดูตื้นตัน “หนูช่วยฉันขอบคุณธามนิธิด้วยนะ”
“ขอบคุณเขาทำไมกันคะ?”ปาณีรู้สึกสับสนงุนงง
“”เขาให้คนมาช่วยเรื่องานของญาติผู้พี่ของหนู แถมยังให้คนไปติดต่อคุณหมอ ให้มาช่วยดูอาการของอาเขยหนูด้วย”
เสียงที่ส่งมาตามสาย ปาณีรู้สึกได้ว่าตนเองรับรู้ได้ถึงความตื่นเต้นของคุณอา ราวกับว่ากำลังตื้นตันจนอยากจะร้องไห้ออกมาอย่างใดอย่างนั้น
ตอนที่659
เพราะว่าลุงเขยป่วย จึงเป็นภาระหนักของครอบครัว ดังนั้นลูกพี่ลูกน้องของปาณีทั้งสองคนจึงจำต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน ไม่มีวุฒิการศึกษา เปลี่ยนงานจากงานหนึ่งไปอีกงานหนึ่ง แต่ไม่เคยมีงานที่มั่นคง
ป้าจึงเป็นห่วงมาก
สำหรับลุงเขยที่ต้องนอนอยู่บนเตียงมาหลายปีนั้นต้องการการดูแลตลอดเวลา
ปาณีไม่อยากเชื่อ ธามนิธินั้นตนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ส่งคนมาที่บ้านของป้า เพื่อช่วยเธอแก้ปัญหาเหล่านี้
-
ธามนิธิลงจากรถมาพร้อมกับเอกสารในมือ ไวยาตย์บอกเขาเกี่ยวกับเรื่องที่จะประชุมในวันนี้ ทั้งสองเห็นปาณีออกมาจากห้องนั่งเล่น
ธามนิธิมองไปที่เธอ “คุณกลับมาแล้วเหรอ”
ปาณีไม่ตอบ เดินไปตรงหน้าเขา และกอดเขาต่อหน้าไวยาตย์
ธานิธิหยุดนิ่ง มองหญิงสาวที่นิ่งเงียบในอ้อมแขน “เกิดอะไรขึ้น ไม่มีความสุขเหรอ หรือว่าข้างในมีอะไรผิดปกติ”
“คุณป้าเพิ่งโทรมาหาฉัน บอกว่าคุณช่วยจัดการเรื่องงานให้ลูกพี่ลูกน้องของฉัน ยังให้คนพาคุณลุงเขยของฉันไปหาหมออีก” เพียงแค่ได้ยินเรื่องเหล่านั้น ปาณีรู้สึกประทับใจมากจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
อาการป่วยของลุงเขยต้องใช้เงินมาก หลังจากที่ปาณีทำเงินได้ ถึงแม้ว่าเธอจะคิดหาวิธีที่จะให้เงินป้าเพื่อช่วยเหลือเธอ แต่มันไม่เป็นผลเลยเหมือนน้ำแค่ถ้วยเดียว
และถ้าหากเธอให้มากกว่านั้นป้าก็ไม่เอา
ยิ่งกว่านั้น เธอก็ไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลของลุงเขยเธอได้
แต่ป้าดีกับเธอ ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงติดอยู่ในจิตใจของเธอ ไม่คิดว่า ธามนิธิได้ช่วยแก้ปัญหานี้ให้อย่างคาดไม่ถึง
หลังจากธามนิธิได้ยินคำพูดของปาณี ก็พูดอย่างอ่อนโยนและจริงใจ “แค่เรื่องเล็กน้อย ไม่ต้องใส่ใจหรอก”
“สำหรับคุณมันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ว่า คุณไม่รู้หรอกว่าสำหรับคุณป้า มันเป็นเรื่องสำคัญมากแค่ไหน”
ธามนิธิลูบศีรษะของเธอ อดไม่ได้ที่จะมองไวยาตย์ที่อยู่ข้าง ๆ เรื่องนี้เขาให้ไวยาตย์ไปจัดการ และยังบอกเขาว่าอย่าให้ปาณีรู้เรื่องนี้ ไม่คิดว่าปาณีจะรู้เรื่องนี้เพราะป้าโทรมาหาเธอ มาบอกกับเธอโดยตรง
ไวยาตย์แสดงความบริสุทธิ์ “ผมบอกไปแล้วนะ ว่าห้ามให้เธอบอก”
เมื่อปาณีได้ยินคำพูดของไวยาตย์ ก็เงยหน้าขึ้นมองเขา อธิบายกับธามนิธิว่า “คุณป้าของฉันได้รับความช่วยเหลือจากคนคนหนึ่ง แน่นอนว่าจะต้องบอก และจะต้องจดจำไปตลอด แต่ว่า…พวกคุณทำให้เธอตกลงยังไงเหรอ”
ธามนิธิช่วยเหลืออย่างไม่มีเหตุผล และจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ด้วยลักษณะนิสัยของป้า จะไม่มีทางตกลง
ธามนิธิบอกว่า “ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ผมจ่ายค่ายาให้คุณลุงเขยของคุณล่วงหน้า แล้วจะหักจากเงินเดือนของลูกพี่ลูกน้องคุณที่หลัง”
ดังนั้น เขายังให้งานที่มั่นคงกับลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนด้วย
ด้วยเหตุนี้ หลังจากจัดการเรื่องงานแล้ว ค่ารักษาพยาบาลจะถูกจ่ายคืนอีกครั้งภายหลัง
ไม่อย่างนั้นป้าของปาณีจะรู้สึกไม่สบายใจ
ปาณีมองเขาด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงฉลาดขนาดนี้”
ธามนิธิยกแฟ้มในมือขึ้นมา แล้วเคาะเบา ๆ บนศีรษะของเธอ “ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว คุณไม่เต็มใจที่จะใช้ประโยชน์จากบุคลิกภาพที่เป็นเหมือนใคร”
กล่าวกันว่าแม่ของเธอไม่สามารถสอนปาณีให้เป็นคนที่มีบุคลิกแบบนี้ได้ ปาณีกับแม่ของเธอเป็นคนต่างประเภทกัน
แต่กลับตรงตามบุคลิกของป้าของเธอ เหมือนกันไม่มีผิด
ปาณียิ้มน้อยยิ้มใหญ่ “ขอบคุณค่ะ”
เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายเพราะรักเขา!
เขาสามารถช่วยเธอแก้ปัญหามากมายได้อย่างง่ายดาย
ประเด็นคือบุคลิกที่เงียบขรึมของเขา ขนาดเวลาที่ทำแบบนี้ ยังไม่บอกเธอเลย
ตอนที่660
ถ้าป้าไม่โทรมา เธอคาดว่าเขาคงจะเก็บไว้ในที่มืดอีกครั้ง
ตกค่ำ ธามนิธินั่งอยู่บนเตียง วันนี้ไม่มีหนังสือ แต่ถือโทรศัพท์มือถือ พลิกดูวิดีโอที่บันทึกไว้ในนั้น
มันเป็นวิดีโอของปาณีที่ร้องเพลงแข่งขันที่โรงเรียน เขาดูอย่างจริงจัง หลังจากปาณีอาบน้ำเสร็จก็ขึ้นไปบนเตียง ทิ้งตัวใส่เขาจนล้มลงไปบนเตียง “คุณดูวิดีโอที่น่าเบื่อนี่อีกแล้วเหรอ”
“ไม่น่าเบื่อ” เขาดูภรรยา ต่อให้ดูเป็นร้อยครั้งก็ไม่เบื่อเลย
ปาณีนอนลงบนตัวเขา คว้าโทรศัพท์มือถือจากมือของเขาแล้ววางมันไว้ข้าง ๆ ใช้แววตาตัวเองตรึงร่างของเขาไว้
ธามนิธิมองคนรักของตัวเอง “คุณคิดจะทำอะไร”
“คุณทายสิ” ปาณีพูดอย่างนั้นแล้วจึงใช้มือสัมผัสกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขา ทำให้ธามนิธิมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที
ธามนิธิเป็นโชเฟอร์สูงอายุผู้มีประสบการณ์ เธอชัดเจนขนาดนี้ เขายังคงมองไม่ออกอีกเหรอ
เขาหายใจติดขัด “ทำไมวันนี้คุณถึงรุกแบบนี้ล่ะ”
ที่จริงแล้วเขาไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ช่วยป้าของเธอบางเรื่อง เธอไม่ต้องขอบคุณด้วยการทำแบบนี้ก็ได้
ปาณีจูบลงไปบนริมฝีปากของเขาและไม่ตอบ
วันนี้เธออยากจูบเขา ไม่ใช่ทำไม แค่อยากอยู่กับเขา แค่อยากที่จะรักเขา
ปาณีพบว่าตัวเองอยู่ในสภาพที่แย่กว่าเขามาก มันแย่มากจริง ๆ
ดูสิ เขาทำทุกอย่างที่ต้องการ เพียงพอที่จะทำให้เธอรู้สึกขอบคุณทั้งน้ำตา และเธอต้องการตอบแทนอะไรกับเขาบ้าง ถึงแม้ว่าจะทำได้ไม่ดีพอก็ตาม
เธอกดธามนิธิไว้ ยื่นมือออกไปยังคอเสื้อของเขา กดจูบที่ปลายคางของเขา “คุณดีกับฉันมาก”
“นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรเป็นหรอกเหรอ” ธามนิธิถอนหายใจแผ่วเบา “เมื่อไหร่กันที่คุณเกรงใจผมแบบนี้ คุณดูพี่สาวกับพี่เขยที่อยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้วนั่นสิ ต่างก็ไม่เคยไม่แบ่งปันสิ่งเหล่านี้อยู่เสมอ เมื่อมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างคนสองคน ทุกคนจะคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับกันและกันเป็นเรื่องของตัวเอง ก็เหมือนคุณที่มักแบ่งปันสิ่งเหล่านี้กับผม”
ปาณีพูด “มันไม่เหมือนกัน! ครอบครัวของพี่เขยนั้นฐานะดี ฐานะครอบครัวของพี่สาวก็ดีเหมือนกัน พวกเขาสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้ แต่ฉันไม่สามารถช่วยคุณได้”
“ยัยโง่” ธามนิธิใช้แขนแกร่งโอบเอวเธอ “คุณอยู่มาเกือบยี่สิบปีแล้ว เติบโตขึ้นมาอย่างยากลำบาก ผมไม่ได้ช่วยอะไรเลย ตอนนี้ภรรยามีค่าแค่เพื่อช่วยเหลือคุณในเรื่องเล็กน้อยเหรอ ในตอนที่เราแต่งงานกัน คุณไม่ต้องการแม้แต่สินสอด คุณเห็นสิ่งที่คนอื่นพูดไหม ต่างบอกว่าพวกเราดูถูกคุณ ว่าคุณไม่ดีพอ แต่ไหนเลยพวกเขาจะรู้ ว่าปาณีคือหัวใจของครอบครัวของเรา”
เป็นสามคำที่มีคุณค่ามากที่สุด ทำให้หัวใจของปาณีอบอุ่น “นั่นเป็นเพราะพวกคุณดีมาก”
“นั่นเป็นเพราะปาณีเองก็ดีเหมือนกัน” ธามนิธิพูด “คุณจริงใจมาก ดีกับครอบครัวของเรา พวกเราทุกคนรู้สึกได้ ที่นลิน มีสุวรรณ์มี คุณก็จะได้รับมันภายหลัง แต่สิ่งที่คุณมี เธอจะไม่มีวันได้รับมันตลอดชีวิต ความประพฤติถึงจะเป็นทรัพย์สมบัติที่ดีที่สุด คุณพูดไว้ไม่ใช่เหรอ”
ปาณียิ้มแล้วยิ้มอีก “สามีของฉันชมฉัน ทุกครั้งที่ชมฉันจะคิดว่ามันเป็นความจริง”
ธามนิธิยกยิ้ม “หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ถึงอยากให้ผมชม ผมก็ไม่ชมออกมาเช่นนี้หรอก”
“สามีคะ ฉันรักคุณที่สุดเลย” ปาณีพูด “ที่ได้อยู่ด้วยกันกับคุณ ไม่เพียงแต่เป็นเหมือนร่มเงา แต่คุณยังจะทำให้ฉันกลายเป็นมีความมั่นใจ”
เขาจะคอยให้กำลังใจเธอ ถึงแม้ว่า ในบางครั้งจะเข้มงวดกับเธอ แต่กับเขาแล้ว มันเป็นประโยชน์โดยแท้จริงที่ไม่ต้องมากเกินไป
เธอนอนกับเขา ในขณะที่พูดกับเขาก็จุดไฟร้อนรุ่มออกจากตัวเขาด้วย