ตอนที่ 756
เมื่อกลับถึงบ้าน น้าฐิติพรก็ยิ้มแย้ม “สนุกดีจริงๆ”
เมื่อก่อนเคยคิดว่าคนที่เต้นรำเต้นกาอยู่ที่ลานทั้งวันเหล่านั้นน่าเบื่อหน่ายมาก
ปาณีพูดว่า : ” แม่ค่ะ ถ้าหากชอบ สามารถไปทุกวันได้นะค่ะ”
น้าฐิติพรตอบอย่างไม่ลังเลว่า : “งั้นพรุ่งนี้เราไปกันอีกนะ?”
”ได้ค่ะ”
-
หลังจากธามนิธิจากไป ก็ผ่านมาประมาณหนึ่งเดือนกว่าแล้ว ปาณีนอกจากไปเรียน ก็อยู่เป็นเพื่อนน้าฐิติพร การใช้ชีวิตเลยเรียบง่ายมาก
กลางคืน ขณะที่นลินกับเณศรากำลังกินข้าวอยู่นั้น เณศราก็สังเกตเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของนลิน “เรื่องหย่ากับปิยพนธ์ดำเนินการถึงไหนแล้ว?”
”อยู่ในกระบวนการแล้ว” นลินพูดต่อมา : “เขาเยื้อเวลาไม่อยากหย่าตลอด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเยื้อไปทำไหม”
ปิยพนธ์อ้างเรื่องงานยุ่งตลอด และพยายามเยื้อเวลาตลอดด้วย สำหรับนลินแล้ว การกระทำของเขาแบบนั้นไร้ประโยชนมาก
เณศราพูดว่า : “หลังจากหย่าเรียบร้อยแล้ว เธอวางแผนจะทำยังไงต่อ”
นลินขมวดคิ้ว “จะทำยังไงก็ได้ ขอแค่ได้หย่ากับเขาได้ก็สบายใจแล้ว”
เมื่อหย่าร้างเสร็จ เธอก็ตกอยู่ในสถานะโสด ดังนั้นจึงมีขอบเขตในการทำอะไรได้เยอะ
ตัวอย่างเช่น เธอสามารถไปหาเมธชนันได้
เณศรามองนลิน “เธอว่าปิยพนธ์คงไม่เยื้อเวลา เพราะไม่อยากหย่ากับเธอหรอก ใช่ไหม?”
”ไม่เป็นไร เดี่ยวฉันค่อยไปหาเขาเพื่อปรึกษาอีกที” ตอนนี้ปิยพนธ์ไม่กล้าล่วงเกินเธอแล้ว และเธอเองก็ไม่กลัวด้วย เมื่อนึกถึงตัวเองจะได้หย่าขาดกับปิยพนธ์ ในใจของเธอก็รู้สึกผ่อนคลาย”
เพียงแต่ ช่วงนี้เธอไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไหร่
เณศรามองนลินและพูดว่า “ทำไหมไม่กินข้าวล่ะ?”
พวกเธอกินข้าววันนี้ล้วนเป็นกับข้าวที่นลินชอบกินทั้งนั้นเลย
นลินขมวดคิ้ว “ช่วงนี้ฉันรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไหร่ พอกินแล้วก็อ้วกออกมา”
โดยเฉพาะไม่กี่วันมานี้ ความรู้สึกนี้ยิ่งชัดเจนมากขึ้น
เณศรามองหน้าเธอ “คงไม่ใช่เพราะเธอตั้งท้องหรอก ใช่ไหม?”
”…” ใบหน้าของนลินแข็งทื่อ เมื่อนึกถึงตอนที่ปิยพนธ์ข่มเหงรังแกเธอในหลายๆครั้ง เธอก็จำได้ว่าทุกครั้งล้วนไม่ได้สวมถุงยางเลยสักครั้ง
หลังจากออกจากภัตตาคาร พวกเธอก็ไปร้านยา และซื้อกระดาษตรวจครรภ์กับที่ตรวจครรภ์ด้วย ก่อนที่จะกลับบ้าน
เมื่อเห็นเส้นสองขีดบนกระดาษตรวจครรภ์ นลินที่ยืนล้างมือในห้องน้ำอยู่ก็ขมวดคิ้ว เธอตัดสินใจเอาที่ตรวจครรภ์ตรวจอีกรอบอย่างไม่อยากจะเชื่อ ผลปรากฏว่า เธอ…ตั้งท้องจริงๆ!
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูจากข้างนอกของคนรับใช้ดังขึ้น “คุณหนูค่ะ คุณผู้ชายปิยพนธ์มาค่ะ”
เพื่อหลบซ่อนจากเธอ ปิยนพนธ์เลยไม่ได้มาหาเธอนานมากแล้ว คิดไม่ถึงว่าเขาจะมากะทันหันขนาดนี้
นลินมีลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น “ฉันไม่อยากเจอเขา ให้เขากลับไปซะ”
”เขามาปรึกษาเรื่องหย่าค่ะ” เนื่องจากปิยพนธ์ไม่สามารถหลบซ่อนต่อไปได้แล้ว วันนี้เขาเลยมาพบเธอ
นลินไม่มีข้ออ้างหลีกเลี่ยงที่จะไม่พบเขา ในตอนนี้เธอเคว้งคว้างมาก และกลัวจะถูกปิยพนธ์จับพิรุธออก เลยพูดว่า : “เธอไปบอกเขาว่าให้กลับบ้านไปก่อน วันนี้ฉันไม่สบาย”
”…” คนรับใช้ถูกตะคอกใส่หนึ่งที จากนั้นก็ลงไปข้างล่าง
ไม่นาน ทัดพรก็ขึ้นมา และเห็นนลินที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา จึงถามว่า : “หนูไม่สบายตรงไหน?”
นลินก้มหน้าอย่างโศกเศร้า “หนูท้องค่ะ”
”…” หลังจากที่ทัดพรฟังจบ เธอก็ปวดหัว ท้องตอนไหนไม่ท้อง ดันมาท้องตอนช่วงเวลานี้..
เธอมองดูนลิน “แล้วเรื่องหย่าจะเอาไงต่อ? จะไม่หย่าแล้ว ใช่ไหม?”
สีหน้าของนลินมืดครึ้ม “ทำไหมต้องไม่หย่าด้วย? หนูไม่อยากคลอดเด็กคนนี้เลย”
เนื่องจากเธอไม่ชอบปิยพันธ์ เลยพาลรู้สึกไม่ชอบเด็กคนนี้ด้วย
”แต่ว่า บ้านนาทันเลิศจะต้องไม่ยอมแน่ และพวกเขาคงต้องทำให้ลูกคลอดเด็กคนนี้ให้ได้ด้วย”
ตอนที่ 757
เพราะถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็ถือเป็นสายเลือดของตระกูมาทันเลิศ
นลินกุมหัวตัวเอง “เพราะฉะนั้นอย่าให้พวกเขารู้เด็ดขาด”
-
เณศราเพิ่งจอดรถยนต์ไว้หน้าบ้าน ก็ได้รับข้อความจากนลินว่า : “ฉันท้องแล้ว”
ผลจากการตรวจสอบนี้ เณศราไม่รู้สึกตกใจอะไรเลย เพราะตอนที่เธอเห็นอาการของนลิน เธอก็มั่นใจแล้ว
เณศราเข้าบ้าน เมื่อแม่เห็นเธอ ก็พูดว่า : “เธอไปพบกับนลินมาอีกแล้วหรอ?”
เณศราพูดว่า : “ก็เธอเป็นเพื่อนหนู!”
เธอก็ทราบดีว่าป้าของลูกไม่ชอบเธอ แล้วทำยังนี้ เหมือนไม่เชื่อฟังป้าเขาเลยนะ”
เณศราพูดว่า : “ถึงแม้นลินจะทำไม่ถูก ก็ไม่สามารถเป็นเพื่อนกับเธอได้ อย่างนั้นหรอ? พวกคุณนี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ”
แม่มองหน้าลูกสาวของตัวเองด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ และถามว่า : “แล้วเรื่องหย่าของเธอกับปิยพนธ์เป็นยังไงบ้างแล้ว?”
เรื่องที่นลินฆ่าตัวตาย ทุกคนล้วนพากันตกใจ
เณศราพูดลอยๆว่า : “เธอท้องแล้ว คงหย่าไม่ได้แล้วมั้ง”
พูดจบ เณศราก็รีบเอามือมาปิดปาก เธอไม่ได้ตั้งใจที่จะพูดออกมา
เธอมองแม่ของตัวเอง และพูดว่า : “แม่ค่ะ เรื่องนี้แม่อย่าเอาไปพูดกับใครนะค่ะ”
ถ้าหากพูดว่า เณศราเป็นหูเป็นตาให้กับนลิน ดังนั้น ความสัมพันธ์ของแม่เณศรากับแม่ของปิยพนธ์ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน
แม่ของเณศราถลกตาขาวใส่ “วางใจเถอะ เห็นแม่เป็นคนแบบนั้นหรอ?”
หลังจากที่เณศราก็ไปอาบน้ำ และสวมชุดนอน จู่ๆเธอก็ได้ยินแม่ของตัวเองกำลังพูดคุยกับแม่ของปิยพนธ์ว่า : “เธอยังไม่รู้หรอกหรอว่า นลินท้องแล้ว? ปิยพนธ์ของบ้านพวกเธอจะได้เป็นพ่อคนแล้วนะ!”
ตระกูลของปิยนพนธ์นับว่ามีฐานะ ดังนั้นสองบ้านนี้จึงมีการคบหาสู่กัน
เมื่อเณศราฟังถึงตรงนี้ เธอแทบจะเป็นลมหมดสติ นี่แม่แท้ๆนะ!
เมื่อหนึ่งวินาทีก่อนยังรับปากอยู่เลย
”แม่”
เณศราคว้าจับแขนอย่างรุนแรง
แม่ของเธอเผยสีหน้ารำคาญและพูดว่า “มีอะไร”
เธอทำตัวเหมือนตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร ทั้งที่เมื่อกี้ยังรับปากกับเณรศราว่าตัวเองไม่ใช่คนแบบนั้นอยู่เลย
เณศราพูดด้วยความขุนเคืองว่า : “แม่เพิ่งรับปากหนูเองนะ ทำไหมถึงผิดสัญญาแล้วล่ะ?”
แม่ของเณศราตีหน้าเศร้า : “ป้าของหนูน่าสงสารออก! มีลูกสะใภ้ก็ทำเรื่องน่าอาย ตอนนี้มีลูกแล้ว ก็ต้องบอกให้เธอทราบสิ! สิ่งที่แม่ทำก็เพื่อเพื่อนของลูกเหมือนกันนะ”
ด้วยอุปนิสัยของคนอายุมาก มักจะชอบซุบซิบนินทากันอยู่แล้ว มีเรื่องเล็กน้อยก็จะต้องมาบ่นพึมพำให้ทุกคนฟัง
วันต่อมา ตอนเที่ยง ปาณีเพิ่งตื่นนอน และหลังจากที่เธอคุยโทรศัพท์กับธีระเสร็จ จากนั้นเธอก็เดินลงไปชั้นล่าง จู่ๆก็ได้ยินเสียงซุบซิบระหว่างแม่ของเณศรากับน้าฐิติพรดังขึ้นจากในห้องรับแขก “นลินท้องแล้ว ฉันเดาว่าตอนแรกเธออยากจะหย่า เพื่อมาตามราวีธามนิธิของบ้านคุณ แต่ตอนนี้เธอท้องแล้วล่ะ คุณก็วางใจได้แล้ว”
เมื่อน้าฐิติพรได้ยินชื่อของนลินก็รู้สึกรังเกียจมาก “เธอบังอาจมาก ธามนิธิของบ้านฉันมีปาณีแล้ว อีกอย่างใครจะมาสนใจเธอ?”
เมื่อปาณีได้ยินคนแก่สองคนพูดจากันอย่างตรงไปตรงมา เธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
แต่พอเห็นท่าทางที่ลำเอียงของพวกเธอ และตัวเองถูกชื่นชม ในใจของเธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมา
เธอนึกถึงสมัยก่อน ตอนอยู่บ้านพ่อแม่ของเธอแทบจะไม่เคยลำเอียงชมเธอมาก่อน
คนเราก็แปลก ตอนเด็กๆพยายามต้องการอะไรมักจะไม่สมหวัง แต่ตอนนี้ทุกอย่างดูง่ายดายไปหมด
ปาณีนี้ลงบันได และทักทายกับแม่ของเณศรา จากนั้นเธอก็พูดคุยกับแม่ของเณศราอย่างสนุกสนาน
”จริงสิ ธามนิธิยังไม่กลับมาอีกหรอ?” แม่ของเณศราถามอย่างสงสัย
ตอนที่ 758
ปาณีตอบว่า : “เขากลับมาวันนี้ค่ะ อีกสักพักหนูจะไปรับอาเขาค่ะ”
ตอนแรกก่อนไปนั้น ธามนิธิบอกว่า สุดสัปดาห์จะกลับมาหาเธอ ปรากฏว่าไม่ได้กลับมาเลย
เธอรอตากระพริบมาหนึ่งเดือนกว่าแล้ว เมื่อทราบว่าเขาจะกลับมา สองวันมานี้เธอก็เลยนอนไม่หลับ
น้าฐิติพรพูดอย่างตกใจว่า : “จริงหรอ? ทำไหมเขาถึงไม่ได้บอกแม่เลย ว่าจะกลับมา”
ปาณียิ้มแย้ม “อาเขาน่าจะเซอร์ไพรส์แม่แน่เลยค่ะ”
หลังจากกินอาหารเช้าที่บ้านเสร็จ ปาณีก็นั่งรถไปสนามบิน ถึงแม้ว่าจะยังเช้าอยู่ แต่พอนึกตอนจะได้พบธามนิธิก็ทำให้เธอรู้สึกรอไม่ไหว เลยรีบมารอที่สนามบินก่อนประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า
-
ตอนเที่ยง นลินเพิ่งตื่นนอน เพราะตั้งครรภ์อยู่ ช่วงนี้เธอเลยนอนมากไปหน่อย
เมื่อเธอเพิ่งลงมาถึงชั้นล่าง ก็เห็นครอบครัวของบ้านมาทันเลิศนั่งอยู่บนโซฟาอย่างพร้อมเพรียง
ตอนแรกเธอวางแผนจะไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายตอนบ่าย และเพื่อนัดเวลาเอาเด็กออกได้ไหมด้วย
แต่คิดไม่ถึงว่า ครอบครัวของบ้านมาทันเลิศจะมาแล้ว
แม่ของปิยพนธ์มองดูนลิน และยิ้มแย้มให้กับเธออย่างอบอุ่น “นลิน ลูก อรุณสวัสดิ์”
และสายตาของเธอก็มองมาที่ท้องของนลิน เมื่อนึกถึงเด็กของตระกูลมาทันเลิศที่อยู่ในท้อง ในใจของแม่ปิยพนธ์ก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
หลังจากเกิดเรื่องที่นลินฆ่าตัวตาย บ้านของตระกูลมาทันเลิศก็ระมัดระวังท่าทางเป็นอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาเลยส่งรอยยิ้มให้เธอทั้งที่เธอแทบจะไม่เคยเห็นจากพวกเขามาก่อนเลย
เหตุการณ์นี้ทำให้เธอเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
ปิยพนธ์มองดูนลินอย่างเฝ้ารอ และพูดว่า : “นลิน ได้ยินมาว่าคุณท้องหรอ!”
เป็นดังที่คิดไว้จริงๆ!
ครอบครัวบ้านมาทันเลิศปฏิบัติต่อนลินอย่างอบอุ่น
ธีรวัณน์กับชลธีคุยว่า : “ในเมื่อนลินท้องแล้ว ถ้างั้นเรื่องหย่ารบกวนให้นลินช่วยคิดไตร่ตรองใหม่อีกครั้ง ได้ไหม? ผมทราบดีว่าเรื่องเมื่อก่อนเป็นความผิดของปิยพนธ์ ผมเองก็สั่งสอนเขาแล้ว ต่อไปเขาคงไม่กล้ารังแกนลินแล้ว”
ท่าทางของคนบ้านมาทันเลิศให้เกียรติดีมาก พ่อของปิยพนธ์และชลธีนับว่าเป็นเพื่อนที่ดีกันมาหลายปี อีกอย่างสำหรับผู้อาวุโส เมื่อเกิดปัญหาอะไรก็จะไตร่ตรองจากมุมมองของเด็กก่อนเสมอ
ชลธีก็เห็นด้วยกับคำพูดของพ่อปิยพนธ์ เขามองนลิน และพูดกับเธอว่า : “นลิน ลูกว่ายังไง? ถ้าหากลูกหย่ากับปิยพนธ์ตอนนี้ ต่อไปในอนาคตอาจจะส่งผลกระทบต่อลูกในท้องได้นะ”
เพราะหากหย่าร้างกัน เด็กก็จะมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์ อีกอย่างเด็กก็อาจจะมีปัญหาด้วย
นลินแสดงท่าทางเย็นชา : “ฉันไม่ต้องการเด็กคนนี้”
ถ้าไม่คลอดเด็กคนนี้ออกมา ปัญหาก็จะไม่มีตามมา
”ไม่ได้” แม่ของปิยพนธ์ดูแสดงท่าทีเคร่งเครียด “เด็กคนนี้เป็นสายเลือดของตระกูล ยังไงก็ต้องคลอดออกมา
ในเมื่อเป็นเด็กของบ้านมาทันเลิศ ดังนั้นจะคลอดหรือไม่คลอด ไม่ได้อยู่ที่การตัดสินใจของนลิน
นลินมองดูพวกเขา “ฉันตัดสินใจจะหย่ากับปิยพนธ์แล้ว ฉันไม่ได้รักเขา และไม่อยากใช้ชีวิตต่อไปกับเขาด้วย”
เรื่องหย่าร้าง เธอตัดสินใจแล้ว และจะไม่เสียใจภายหลังอย่างแน่นอน
เพราะถ้าไม่ได้หย่า ก่อนหน้านี้เธอจะกินยานอนหลับฆ่าตัวตายเพื่ออะไร?
ทัดพรมองท่าทางที่มั่นใจของนลิน เธอกลัวนลินจะถูกบีบบังคับจนทำเรื่องโง่เขลาอีก ทัดพรจึงพูดกับแม่ของปิยพนธ์ว่า : “เรื่องหย่า ไม่ใช่ว่าตกลงกันแล้วหรอ? สิ่งที่ปิยพนธ์ทำก่อนหน้านี้มันสาหัสเกินไป ยังไงก็ต้องหย่า”
คำพูดของทัดพรทำให้คนของบ้านมาทันเลิศนิ่งเงียบสักพัก สุดท้ายธีรวัณน์เสนอความเห็นว่า : “ถ้าหากต้องการหย่าก็ได้ แต่ต้องรอให้เด็กคนนี้คลอดออกมาก่อน แล้วมาพูดเรื่องหย่ากันอีกที นลิน แบบนี้โอเคไหม?”
”…” พอนลินได้ฟัง เธอก็คิดในใจว่าสุดท้ายพวกเขาก็ยังอยากให้เธอคลอดเด็กคนนี้อยู่ดี!
ตอนที่ 759
จะโอเคได้ยังไงล่ะ?
ขณะที่เธอจะอ้าปากพูด ธีรวัณน์ก็เดินมาเบื้องหน้าเธอและพูดว่า “เด็กคนนี้เป็นเด็กของบ้านมาทันเลิศ ยังไงพวกเราก็จะไม่ยอมเอาเด็กออกแน่ ส่วนเรื่องหย่า ถ้าหากต้องการหย่าจริง อย่างน้อยขอให้รอเด็กคลอดออกมาก่อน ค่อยมาพูดเรื่องหย่ากันอีกที”
เรื่องที่ปิยพนธ์กับนลินเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องเด็กก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน!
ต่อให้ยืนกรานยังไง บ้านของพวกเขาก็ต้องยืนกรานปกป้องเด็กคนนี้อยู่ดี
เมื่อชลธีฟังความเห็นของธีวัณน์จบ ก็พยักหน้า “พูดถูก”
ตอนที่พวกเขาแต่งงานก็เป็นความเห็นของชลธี ตอนนี้เรื่องคลอดเด็กก็คงต้องเป็นเขาตัดสินใจด้วย
เมื่อนลินเห็นพ่อตัวเองรับปาก เธอก็รับไม่ได้ “พ่อ”
เธอแทบจะอยากเป็นลม!
ถ้าหากเธอคลอดเด็กคนนี้ แล้วความพยายามก่อนหน้านี้ก็ต้องสูญเปล่าสิ
ทั้งสองครอบครัวปรึกษาหารือกันอยู่นาน จนสุดท้ายบ้านมาทันเลิศก็เป็นต่อกว่า เพราะแม่ของปิยพนธ์เอาความตายมาข่มขู่ ในที่สุดทุกคนก็ตัดสินใจให้นลินคลอดเด็กคนนี้
-
นลินหันหลังเดินขึ้นบันได ส่วนทัดพรก็เดินตามหลังเธอขึ้นไปด้วย และพูดปลอบใจว่า : “นลิน สิ่งที่พ่อเขาทำก็เพื่อลูกนะ ลองคิดดู หากหย่ากันอย่างสันติก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ถ้าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ ต่อไปใครเขาจะมาแต่งงานกับลูกล่ะ?”
นลินโกรธเป็นผืนเป็นไฟ เธอรู้ตั้งนานแล้วว่าหากคนของบ้านมาทันเลิศรู้เรื่องนี้จะต้องนำปัญหามาแน่
ดังนั้น เธอเลยวางแผนไม่ให้คนของบ้านมาทันเลิศรู้
เมื่อถึงห้อง เธอก็หยิบโทรศัพท์ และโทรหาเณศราทันที
เรื่องตั้งท้องนอกจากแม่ของเธอ เธอและเณศราก็ไม่มีใครรู้อีก ดังนั้นจะต้องเป็นเณศราที่เป็นคนบอกแน่
เณศรากำลังกังวลใจเรื่องนี้อยู่ในบ้าน เมื่อรับสายโทรศัพท์จากนลิน เธอก็ถูกต่อว่าจนหน้าแหก แต่เธอก็พูดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
เธออธิบายว่า : “ที่จริงเรื่องนี้ ถ้าฉันไม่ได้บอก คนของบ้านมาทันเลิศก็ต้องรู้เข้าสักวันอยู่ดี ฉันว่าเธอคลอดเด็กคนนี้เถอะ! ยังไงเด็กก็บริสุทธิ์…”
ถึงแม้ว่าเณศราจะดูถูกนลินสักหน่อย แต่เธอก็ถือเป็นคนใจดีมีเมตตา
เธอรู้สึกว่าเมื่อตั้งท้องแล้วก็ไม่ควรเอาเด็กออก
เสียงของนลินสั่นเทา “เธอพูดเรื่องคลอดลูกง่ายดายจังนะ เธอรู้ไหมว่าต้องแบกท้องตั้งสิบเดือนนะ”
ถ้ารอให้คลอดลูก ตอนนั้นเมธชนันก็คงไม่ต้องการเธอแล้ว
มีผู้ชายที่ไหนต้องการผู้หญิงที่คลอดลูกมาก่อนบ้าง?
นลินพูดอย่างเดือดดาล : “ฉันโกรธจะเป็นจะตายขนาดนี้ก็เพราะเธอ เธอทำลายชีวิตฉัน”
พูดจบ เธอก็วางสาย เพราะขี้เกียจฟังคำอธิบายของเณศราแล้ว
เณศราถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เธอรับรู้ได้ว่าอารมณ์ของนลินแปรปรวน และดูไม่เป็นเธอที่อ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อนเลย
ที่จริงเณศรารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนบริสุทธิ์ ตอนแรกเธอพยายามให้นลินทำตัวดีกับธามนิธิหน่อย แต่เธอกลับไม่ฟัง
พอเกิดเรื่องแบบนี้ จะโทษใครได้ล่ะ?
ก็คงเป็นตัวเอง และคนที่ล่วงเกินเธอ
-
ปาณียังอยู่สนามบิน เธอมองเวลาบนนาฬิกาตลอดเวลา เมื่อนึกถึงตอนเจอธามนิธิ ในใจเธอก็รู้สึกตื่นเต้นทันที
ตอนแรกเธอนึกว่า ธามนิธิจะมาถึงตรงตามเวลาที่จองตั๋วไว้ ผลปรากฏว่า
เธอรอตั้งแต่สิบเอ็ดโมงจนถึงบ่ายสามกว่าก็ยังไม่เห็นวี่แววของธามนิธิเลย
ปาณีส่งข้อความไป เขาก็ไม่ตอบ
ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรก เธอน่าจะออกมาจากบ้านตอนเก้าโมงกว่า จะได้มาถึงบ่ายสาม ตอนนี้เธอหิวมากแล้ว แต่เขาก็ยังไม่มา
แบตเตอรี่โทรศัพท์ของเธอใกล้จะหมดแล้ว!
ขณะที่ปาณีหาที่จะชาร์จแบตอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเขาโทรมา เธอก็รีบรับสาย เสียงของธามนิธิก็ดังขึ้นว่า : “ยังรออาอยู่หรือเปล่า?”
ตอนที่ 760
”…” ปาณีขมวดคิ้ว ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอแทบจะไม่รู้สึกน้อยใจเลย เพราะบางทีอาจจะเป็นเพราะเกิดเหตุขัดข้องก็ได้ ดังนั้นเขาเลยมาถึงส่าย แต่พอได้ยินคำพูดของเขา เธอก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันที : “หนูคิดว่ายังไงล่ะ?”
ธามนิธินิ่งเงียบสักพัก และถามว่า : “หนูรออยู่ประตูทางออกอยู่หรอ?”
”อืม’”
”รอแปบหนึ่งนะ ใกล้จะถึงแล้ว” เสียงของธามนิธิฟังดูแล้ว เหมือนแฝงด้วยน้ำเสียงจริงจังอยู่
ปาณีถามว่า : “ต้องรออีกนานเท่าไหร่?”
”ใกล้แล้ว”
หลังจากผ่านไปสิบนาที เขาถึงจะออกมา และเห็นปาณีกำลังยืนรออยู่ที่สวมเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขาสั้น ทั้งที่เครื่องปรับอากาศในสนามบินหนาวมาก
อาจจะเป็นเพราะรอนานมากแล้ว เธอเลยดูท่าทางหมึนหมอง
ชั่ววินาทีที่เห็นเขา ในดวงตาของปาณีก็เผยความรู้ดีใจออกมา เมื่อธามนิธิเห็นภาพนี้ เขาก็รีบวิ่งไปหาเธอทันที
ปาณีพูดว่า : “ในที่สุดอาก็มาสักที!”
ถึงแม้จะรอเขานานมาก แต่ เมื่อเห็นภาพชั่วพริบตานี้ เธอรู้สึกว่าทุกอย่างที่รอคอยมาคุ้มค่ามาก
ธามนิธิไม่ได้ตอบกลับ วันนี้เขาสวมเสื้อยืดสีดำเข้ม และสวมเสื้อสูทสีดำข้างนอก โดยไม่ติดกระดุมด้วย เขามีร่างกายสูงใหญ่ เขาก้าวเท้ากว้างออกมาหาเธอ เมื่อมาถึงต่อหน้าเขาก็กอดเธอไว้ในอ้อมอก
เขากอดเธออย่างแน่น ขณะเดียวกันปาณีก็บ่นในอ้อมอกเขาไม่กี่ประโยค ก่อนจะยื่นมือออกมากอดเขาด้วย
การกอดที่ยาวนานถือเป็นบทลงโทษที่ทำให้เธอต้องรอทั้งบ่ายอันแสนจะน่าเบื่อ เมื่อกอดสักพัก ความรู้สึกมนหมองก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นและอบอุ่น
อาจจะเป็นเพราะธามนิธิเข้ามากอดอย่างกะทันหัน ปาณีเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ามีคนมองพวกเขาอยู่ไม่น้อย
เลยทำให้ปาณีรู้สึกเขินอาย เพราะการกระทำนี้มันเกินไปแล้ว!
ถึงแม้จะไม่เจอกันหนึ่งเดือนกว่า แต่อาก็ไม่น่ามีท่าทางตื่นเต้นมากขนาดนี้ พอเห็นเธอก็รีบเข้ามากอดเลย ไม่ใช่หรอ?
แต่ที่จริง คนที่ตื่นเต้นจริงก็น่าจะเป็นเธอ ไม่ใช่หรอ?
ธามนิธิพูดว่า : “ขอโทษด้วยในความล่าช้าของเครื่องบิน อีกอย่างอาเองก็ลืมบอกหนูด้วย ทำให้หนูต้องรอนานเลย อาบอกแล้วไม่ใช่หรอว่า ไม่ต้องมารับอานะ”
เขาก็เพิ่งรู้ตอนเพิ่งลงเครื่องมาเหมือนกันว่า ปาณีมารอรับเขา
เพราะกลัวมาสาย ปาณีเลยมารอเขาที่สนามบินก่อนหนึ่งชั่วโมง ผลปรากฏว่าเครื่องบินเกิดการล่าช้า สุดท้ายเลยทำให้เธอต้องรอนานมากขนาดนี้
ปาณีไม่ได้เจอเขามานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นชิน เธอก็รู้สึกตื่นเต้น และอยากร้องไห้ “หนูอยากเจออาค่ะ!”
ธามนิธิคลายตัวออก และมองปาณีผู้น่ารักของบ้าน จากนั้นเขาก็เห็นน้ำซึมในเบ้าตาของเธอ เขานึกว่า เป็นเพราะเธอรอนานมาก เลยเสียใจจะร้องไห้
”อย่าร้องไห้เลย อาผิดเอง อาน่าจะโทรมาบอกหนูก่อน”
ในตอนนั้นที่เขาอยู่สนามบินต้นทางนั้น เขากำลังโทรศัพท์พูดคุยกับคนที่บริษัทเพื่อจัดการเรื่องเร่งด่วนอยู่ เลยลืมบอกเธอ เขาเองก็รู้สึกละอายใจเหมือนกัน
สุดท้ายก็เห็นเธอรอคอยจนจะร้องไห้จนได้ เลยยิ่งรู้สึกผิดไปใหญ่
ปาณีพูดว่า “อานึกว่าหนูรอคอยจนจะร้องไห้หรอ?”
”ไม่ใช่หรอกหรอ?” เขาคิดอย่างนี้มาตลอด
ตอนแรกปราณีจะร้องไห้แล้ว แต่พอได้ยินแบบนี้ เธอก็หัวเราะออกมาแทน และพูดว่า : “เปล่าสักหน่อย เป็นเพราะหนูไม่เจออามานานมากกว่า เลยตื่นเต้นจนอยากจะร้องไห้”
เมื่อฟังเธออธิบายจบ ธามนิธิก็ยิ้มแย้ม และกอดเธออีกครั้ง “ไม่ใช่เพราะรออานานเกินจนอยากจะร้องไห้ก็ดีแล้ว ไม่งั้นอาคงรู้สึกผิดมากแน่เลย”
ปาณีถูกเขากอดในอ้อมอกอีกครั้ง และเธอก็รู้สึกเป็นจุดเด่นอีกครั้ง
เธอพูดอย่างเก้อเขินว่า : “อาปล่อยหนูก่อนได้ไหม คนอื่นมองอยู่”
”ไม่เป็นไร ถึงยังไงพวกเราก็ไม่รู้จักพวกเขา” ธามนิธิกอดปาณีไว้อย่างแน่น และกอดนานมาก นอกจากนี้เขายังก้มหน้าจูบหูอุ่นๆของเธอด้วย ก่อนที่จะปล่อยเธอออก และมองประเมินภรรยาที่อ่อนโยนของตัวเอง “อาไม่อยู่แค่หนึ่งเดือน ทำไหมหนูดูอ้วนจัง”