ตอนที่846
ไวยาตย์มองสองคนนั้นที่วิ่งไล่กันบนข้างถนนก็รู้สึกเจ็บหัวแทนปาณี “ปาณีนี่จริงๆเลย!มาหยอกเล่นกับผู้ชายในเวลาที่คุณธามนิธิมารับเธออีก!”
แต่ว่ากลับมาคิดดูอีกทีถ้าคุณธามนิธิไม่มาก็ห้ามเล่นกับผู้ชายคนอื่นเหมือนกัน
นึกถึงตรงนี้ไวยาตย์ก็แอบมองผู้ชายที่นั่งอยู่หลังเบาะนั่งอยู่ตรงนั้นนิ่งๆนอกจากกัดปากแน่นใบหน้าดูไม่ออกว่ารู้สึกยังไงอยู่แต่ไวยาตย์ก็รับรู้ได้ถึงความอันตราย
ผ่านไปสักพักนอนจนไวยาตย์คิดว่าใครบางคนอาจตะอยู่ตรงนั้นไม่ขยับอีกแล้วธามนิธิที่อยู่ข้างหลังก็บอก “ขับรถ”
ไวยาตย์ชะงัก “ให้ผมลงรถไปเรียกเธอไหมครับ?”
ธามนิธิกลับตอบอย่างเย็นชา “ไม่ต้อง! กลับสวนจตุจักร!”
ไวยาตย์มองผู้ชายที่อยู่ด้านหลังจากนั้นก็ถอยรถขับกลับไปที่สวนจตุจักร
หลังจากที่เห็นปาณีชึ้นรถไฟฟ้าพร้อมกับผู้ชายคนนั้นไวยาตย์ก็ช่วยอธิษฐานให้เธอ “ขอให้เธอสามารถปลอบใจสิงโตบางตัวที่เริ่มโมโหได้เถอะ”
แต่ว่าจากประสบการณ์ที่ผ่านมาไวยาตย์ก็ไว้ใจปาณีอยู่
เพราะมีหลายครั้งขนาดไวยาตย์ยังเข้าใจผิดปาณีก็สามารถแก้ไขมันได้นั่นหมายความว่าคุณธามนิธิรักเธอมาก!
กลับถึงบ้านธามนิธิก็ชักสีหน้าแล้วเดินตรงไปที่ห้อง
แต่ไวยาตย์กลับอยากเป็นคนดีที่จะอยู่รอเตือนปาณีหน่อยก็โดนธามนิธิไล่กลับ “ใช่สิไวยาตย์ฉันหวังว่าพรุ่งนี้เช้าจะได้เห็นงานคืบหน้าใหม่ล่าสุดของเมืองเมฆานะ!”
ไวยาตย์ตกใจแล้วยกหัวขึ้นมองใครบางคนที่กำลังขึ้นบันไดอยู่ก็กลืนน้ำลาย “อันนั้นต้องการอาทิตย์หน้าไม่ใช่หรอครับ?”
แต่ว่าใครบางคนกลับตอบอย่างไม่เกรงใจ “ฉันอยากดูพรุ่งนี้ไง! ทำไมมีปัญหา?”
ไวยาตย์หยิกตัวเองหนักๆแล้วค่อยพยักหน้าอย่างลำบาก “ไม่มีปัญหาครับ! คุณธามนิธิ? เดียวผมไปทำตอนนี้เลยครับ!”
พูดจบก็รู้สึกสงสารปาณีที่ไม่รู้เรื่องเลยสักนิดสักหนึ่งวินาทีจากนั้นตัวเองก็เดินออกจากประตูอย่างเศร้า ตลกมากถึงแม้วันนี้ไม่นอนทั้งคืนยังไม่รู้ว่าจะเร่งทำหมดหรือเปล่าเลยตอนนี้เธอจะมีเวลาไปสงสารคนอื่นได้ยังไงกัน?
ไล่ไวยาตย์กลับไปเสร็จธามนิธิก็เข้าไปในห้องอย่างนิ่งเฉยแล้วเอาเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
ปาณีอุตส่าห์ทิ้งจำรัสได้ก็รีบหลบเข้าไปในบ้านก็เห็นเสื้อธามนิธิวางอยู่บนโซฟา
เธอก็เลยรีบขึ้นไปเรียกธามนิธิอย่างดีใจ “คุณอา! กลับมาแล้วหรอ? ทำไมวันนี้กลับเช้าจัง? ไม่บอกฉันก่อนสักคำ”
ธามนิธิได้ยินเสียงเธอก็ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วเอาตัวเองแช่อยู่ในน้ำอุ่นไม่พูด
ปาณที่ไม่ได้ยินเขาตอบสักทีก็ขึ้นไปชั้นบนเช้าไปในห้องนอนก็ไม่เห็นคุณอา
จนกระทั่งมีแสงระยิบระยับออกมาจากทางห้องน้ำปาณีค่อยเห็นเลยเดินไปจะเปิดประตูแต่ก็พบว่าประตูมันล็อกไว้
ปาณีเลยต้องเคาะประตู “คุณอาอยู่ข้างในไหม? ทำไมต้องล็อกประตูด้วย! คุณอา!”
ธามนิธิเปิดตาขึ้นมามองเงาที่อยู่หน้าประตูก็เงียบ
แต่ปาณีกลับรีบร้อนแทนเลยรีบเคาะประตูแต่ว่าต่อให้เธอเคาะยังไงประตูก็ไม่ขยับเธอเลยเอ่หูเข้าใกล้ประตูก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย
ในขณะที่เธอกำลังรับหาของจะไปทุบประตูธามนิธิก็ลุกขึ้นชักช้าแล้วเดินไปเปิดประตู
ปาณีเห็นธามนิธิที่ยังปลอดภัยก็ถอดหายใจแล้วบ่น “คุณอาทำไมไม่ตอบฉันสักคำ? เอาจนฉันคิดว่าคุณอามีเรื่องอะไรซะอีก!”
ธามนิธิกลับจ้องมองเธออย่างนิ่งเฉยไม่ตอบสักคำ
ปาณีมองเขาอย่างไม่เข้าใจก็โผล่เข้าไปสวมกอดเอวของเขา “เป็นอะไรหรอคุณอา! ไม่วบายตรงไหนหรือเปล่า? ทำไมไม่พูด? เจ็บคอหรอ?”
ธามนิธิผลักเธอออกเอาๆแล้วเดินตรงไปห้องนอน
ปาณีรีบเดินตามไปเห็นเขาไม่ติบสักคำก็ขึ้นเตียงไปห่มผ้าแล้วเอาไอแพดขึ้นมาแต่ว่ายังไงก็ไม่สนใจเธอ
ปาณีชะงักแล้วมองเขาไปสักพักก็ถามแล้วไม่ได้คำตอบสักอย่าง
ปาณีก็เลยโทรหาไวยาตย์ต่อหน้าเขาเลย “ไวยาตย์! ฉันเป็นปาณี! ฉันอยากโทรมาถามว่าวีนนี้คุณอาเป็นอะไรหรือเปล่า? หลังจากกลับมาก็ไม่พูดสักคำฉันเป็นห่วง!”
ไวยาตย์มองเอกสารที่กริงเต็มโต๊ะก็บ่น “คุณนายลองคิดดูดีๆสิครับวันนี้คุณอาเธอไปรับเธอแล้วเห็นเธอทำคัวสนิทสนมกับผู้ชายอีกคนก็เลย……”
ปาณียิ้มแล้วพูดกับโทรศัพท์ “คุณอาก็เลยงอน! ได้ไวยาตย์ของคุณ! ไว้วันหลังฉันเลี้ยงคืน!”
คุยเสร็จปาณีก็ไปรั่งลงที่ข้างเตียงแล้วมองใครบางคนที่ตรึงสีหน้าเลยยื่นมือไปจับแก้มเขา “คุณอา! กำลังงอนอยู่หรอ?”
ขนาดหนังตาธามนิธิยังไม่ยกเลยสักนิดเอาแต่มองไอแพด
ปาณีมองเขาแล้วยิ้มแต่ก็ไท่ได้อธิบายเอาแต่ถาม “คุณอาบอกดูสิ? ว่าคุณอากำลังงอนใช่ไหม?”
พูดจบก็ตั้งใจก้มตัวลงไปปิดบังไอแพด
ธามนิธิค่อยยกหัวขึ้นมองเธอแล้วปัดเธอออกดูไอแพดอีกรอบ
ปาณีไม่ยอมก็ก้มตัวไปอีกรอบแต่ครั้งนี้ไม่ใช่ไอแพดแต่เป็นตัวธามนิธิเลย
ธามนิธิยกหัวขึ้นมามองปาณีที่ไม่นอมสักทีก็ลุกขึ้นแล้วดึงเธอออกไปไว้อีกข้างของเตียงจากนั้นก็ลงจากเตียงเงียบๆ
ปาณีก็อารมณ์แล้วรีบเดินไปตัดทางของเขา “คุณอาทำแบบนี้มันไม่ดีนะ! เวลาพวกเราเจอปัญหาก็ต้องแก้ไขปัญหาสิแต่ไม่ใช่หลบอย่างเดียว!”
ธามนิธิมองเธออย่างไม่มีเสียงในสายตามีแต่ความสับสน
แค่นึกถึงที่เธอไปหยอกเล่นแบบนั้นกับผู้ชายคนอื่นในที่สาธารณะธามนิธิก็เก็บอารมณ์ตัวเงไม่อยู่กลัวโมโหแล้วไปทำอะรใส่เธอเลยต้องหลบเธอ
แต่ว่าปาณีกลับไม่รู้จักเก็บธามนิธิสบตาเธอเลยทำให้เธอยอม “คุณอาฟังฉันอธิบายนะ! ฉัน……”
แต่ธามนิธิกลับผลักเธอออกแล้วลงไปชั้นล่าง
ปาณีชะงักอยู่ตรงนั้นไม่ทันทั้งตัว
แต่ธามนิธิกลับมองหลังเธออย่างสับสนจากนั้นก็หัวไม่หันเดินตรงไปในห้องสมุดไม่ออกมาอีก
ปาณีด้ยินเสียงล็อกประตูแล้วค่อยหันไปมองเห็นประตูห้องสมุดที่โดนล็อกไม่รู้ทำไมทันถึงรู้สึกโล่งๆ
นึกถึงที่คุณอาเข้าใจผิดเธอก็ปัดน้ำตาทิ้งแล้วเดินไปห้องสมุด
ระยะห่างแค่ไม่กี่เมตรแต่เธอกลับเหมือนเดินไปหลายพันเมตรแบบนั้น
เธอเดินไปถึงหน้าห้องสมุดลังเลไปสักแป๊บก็ยื่นมือไปเคาะประตู “ฉันเองคุณอา! ฉันอยากคุยกับคุณอาสักหน่อย!”
ในห้องไม่มีเสียงตอบกลับ
ปาณีคิดไปคิดมาค่อยบอก “รอให้คุณอาใจเย็นก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกัน”
พูดจบก็เตรียมลงไปชั้นล่าง
แต่ห้องสมุดกลับมีเสียงเปิดประตูมีเงาอันหนึ่งที่เร็วอย่างกับฟ้าแลบก็โผล่เข้ามากอดเธอ
ตอนที่847
ปาณัไม่ได้หันกลับไปแต่ดมแค่กลิ่นก็รู้ว่านี่เป็นคุณอา
ธามนิธิซุกที่คอเธอแล้วพูด “เธอจะให้ฉันทำยังไงกับเธอดี? ฉันเห็นเธอหยอกเล่นกับผู้ชายคนอื่นอยู่ฉันก็รู้สึกว่าฉันไม่เหมาะสมกับเธอเธอจะทิ้งแล้วจากฉันไป! แค่นึกถึงที่เธออยู่ในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่นฉันก็อดความอยากฆ่าคนไม่ได้……ปาณีเธอบอกฉันทีว่าฉันควรเอายังไงกับเธอดี?”
ปาณีหันกลับมาอยากมองหน้าเขาแต่เขาก็หลบและกดหัวเธอไม่ให้หันกลับมา
ธามนิธิอธิบาย “ไม่ต้องมอง!”
ปาณีฟังจากน้ำเสียงของเขาก็พยักหน้า “ได้ฉันไม่มอง! แต่คุณอาต้องฟังฉันอธิบายก่อน? ห้ามมาตัดบทสนทนาด้วย!”
ธามนิธิพยักหน้าเบาๆ
ปาณีค่อยถอดหายใจแล้วบอก “ผู้ชายคนนั้นชื่อจำรัส! คุณอาอาจจะเคยเห็นเป็นผู้ชายที่มาหาคุณอาในงานเลี้ยงบ้านมีสุวรรณ์!”
ธามนิธิพยักหน้า “ประธานของบริษัทซี.ซี.เอส?”
ปาณีตอบ “ใช่! เป็นเขานั่นแหละ! ไม่รู้ว่าเป็นอะไรช่วงนี้เขามารอฉันที่หน้าโรงเรียนทุกวันก็เพื่องานเซ็นสัญญากับบริษัทเขาครั้งที่แล้ว! คุณทัดธนเป็นคนแนะนำอาจจะเป็นเพราะเขาคิดว่าจะทำให้โกรธเลยมายุ่งกับฉันอยากต่อสัญญา”
แรงธามนิธิค่อยๆปล่อยเบา
ปาณีรีบหันกลับไปมองเขาแล้วยื่นมือไปจับหน้าเขาแล้วบอก “คุณอาทำไมต้องแคร์ขนาดนี้? ที่จริงฉันควรเป็นคนที่กังวลมากกว่าเราพคุณอาเก่งขนาดนี้แต่ฉันถ้าทิ้งลงไปอยู่กับคนอื่นก็เป็นคนที่ไม่มีตัวตนเลย……”
ธามนิธิรีบตัดบทเธอ “อย่าว่าตัวเองต่ำต้อยขนาดนี้! เธอเป็นคนที่เพอร์เฟคและดีที่สุดในใจฉัน!”
ปาณีมองหน้าเขาอย่างได้ใจ “ถ้าคุณสามีรักฉันขนาดนี้แล้วเมื่อกี้ทำไมต้องผลักด้วย!”
เห็นปาณีที่มาฟ้องธามนิธิก็อธิบายอย่างอึดอัด “อันนั้นฉันไม่ได้ตั้งใจทำ!”
ปาณีกลับไม่ยอม “ฉันไม่สน! ทั้งๆที่เมื่อกี้คุณอาผลักฉันยอมรับหรือไม่ยอมรับ?”
ธามนิธิ “……”
ปาณีไปเขย่าแขนเขาแล้วอ้อน “คุณอาไม่ยอมรับหรอ?”
ธามนิธิเลยพยักหน้า “ฉันยอมรับ! เมื่อกี้ฉันโมโหมากก็เลยไม่ระวังไปผลักเธอขอโทษ! ขอคุณภรรยาให้อภัยฉันอีกรอบได้ไหมครับ?”
ปาณีมองการกระทำเขาแล้วยิ้มในใจก็รู้สึกอบอุ่นแต่ก็นังทำเป็นปากแข็ง “แค่พูดขอโทษบนปากมันไม่จริงใจพอ”
ธามนิธิคิดไปคิดมา “งั้นเอาแบบนี้พรุ่งนี้ฉันหยุดหนึ่งวันพาเธอไปกินของอร่อย! แบบนี้ได้หรือยัง?”
ปาณีเบปาก “นี่ฉันง่ายขนาดนั้นเลยหรือไง? แค่มื้อเดียวก็สามารถลืมความเจ็บปวดที่คุณอาสร้างให้?” งั้นฉันถูกเกินไปไหม?”
ธามนิธิทำไรไม่ถูกเพราะตัวเองเป็นคนทำผิดก่อนเลยก้มหัวถาม “งั้นเธอบอกสิว่าฉันต้องทำยังไงเอาตามที่เธอว่า!”
ปาณียิ้มร้าย “คุณอาพูดเองนะ? แน่ใจหรือไง? ฉันให้คุณอาทำอะไรก็จะทำงั้นหรอ?”
ธามนิธิพยักหน้า “ลูกผู้ชายพูดได้ก็ต้องทำได้!”
ปาณีเอียงหัวแล้วคิด
ไม่เห็นเธอขออะไรมาสักทีธามนิธิก็ก้มหัวลงมองสายตาที่หมุนไปมาก็อดบ่นไม่ได้ “ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่! เธออย่ามาขอเรื่องที่ฉันทำไม่ได้นะ!”
ปาณียิ้มอย่างมีนัย “ไว้ใจได้อยู่แล้วเป็นของที่คุณอาสามารถทำได้! และอีกอย่างคุณอาเป็นคุณสามีสุดที่รักของฉันถึงคุณอาเข้าใจผิดฉันแต่เห็นแก่ที่คุณอาเป็นห่วงฉันขนาดนี้ฉันก็ให้อภัยคุณอาสักรอบก็แล้วกัน”
ธามนิธิชะงักแล้วมองปาณีที่ทำหน้าแบบฉันดีขนาดนี้รีบมาชมปาณีสักทีก็อดไม่ไหวเลยเขาไปจูบเธอ
ปาณีถอดหายใจอย่างคนชนะ “บาปคนตายโมฆะได้แต่ถ้าเป็นคนอยู่ก็ไม่รอดแน่! ตอนนี้คุณอาต้องทำอาหารให้ฉันฉันหิวจะตายแล้ว!”
ธามนิธิชะงักแล้วพูด “ดึกขนาดนี้เธอยังไม่ได้กินข้าว?”
ปาณีไปอิงตัวเขาอย่างคนไม่มีแรง “ก็ไม่ใช่หรือไง! พึ่งเลิกเรียนก็รีบกลับมาแต่กลับโดนใครบางคนเมินใส่ฉันนี่น่าสงสารจริงๆเลย……”
ธามนิธิได้ยินแบบนั้นก็รีบสิ่งไปชั้นล่างเห็นแต่ของดีบๆก็ยอมแพ้ “พวกเราออกไปกินข้างนอกกันเถอะ?”
ปาณีกลับเขย่าหัว “ไม่เอา! ฉันอยากกินในบ้านนี่แหละ!”
ธามนิธิคิดไปคิดมาก็โทรหาไวยาตย์ “ให้เวลาเธอห้านาทีรีบไปซื้อของกินอร่อยให้ฉันไม่ต้องเอาของยุ่งเยิงมาเอาของง่ายๆหน่อย!”
ไวยาตย์ชะงักแล้วมองกระดาษที่กองเต็มโต๊ะ “แล้วเอกสารที่จะเอาล่ะครับคุณธามนิธิ?”
ธามนิธิรีบบอกไป “ถ้าภายในห้านาทีไม่เห็นของที่ฉันอยากได้งั้นเธอก็ต้องส่งเอกสารเธอมา!”
พูดจบก็วางสายไปเลย
ปาณีมองเขาอย่างเคารพ “คุณอาทำแบบนี้โคตรหล่อเลย!”
ธามนิธิมองคนตัวเล็กที่อยู่ข้างๆก็เดินไปอุ่นนมมาให้เธอ “กินของร้อนก่อนเดียวไวยาตย์ก็มา!”
ปาณีมองคุณอาที่ตื่นเต้นแบบนี้ก็ยิ้มและไม่ได้ปฏิเสธความเป็นห่วงของเขา
และแน่นอนห้านาทีไม่ถึงไวยาตย์ก็ถือของเต็มมือแล้วถอดหายใจแรงๆ
ปาณีมาเปิดประตูก็เห็นไวยาตย์ที่ทำหน้าตกใจยังไม่ทันได้ตั้งสติก็เห็นคุณธามนิธิมาแย่งถุงไปแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ
ไวยาตย์ทำหน้าตาอย่างตกตื่นราวกับเจอที่ใหม่มองหลังธามนิธิอย่างอึ้งแล้วหันไปมองปาณีที่ยิ้มไม่หุบปาก “เธอทำได้ยังไง? ถึงทำให้ไดโนเสาร์ที่พ่นไฟกลายเป็นแกะที่นุ่มนวล?”
ปาณียิ้มแต่ไม่ได้คอบเขาแล้วตะโกนหาธามนิธิ “คุณอาไวยาตย์บอกคุณอาเป็นไดโนเสาร์ที่พ่นไฟ!”
ไวยาตย์ชะงักแล้วมองปาณีที่สนุกและไม่กลัวเรื่องมันใหญ่โตอยากเข้าไปปิดปากเธอแต่ขอพึ่งขยับก็เห็นหัวที่โผล่ออกมาจากห้องครัวเลยยืนอยู่กับที่นิ่งๆ
ที่นี่ท่านประธานบางคนก็เดินตรงมาอย่างไม่พอใจแล้วผลักไวยาตย์ออกนอกประตูและปิดประตูต่อหน้าเขา
ปาณัดห็นแบบนี้ก็หัวเราะจนก้มหัวลงไป
ธามนิธิไม่ทันสนใจเธอก็รีบวิ่งเข้าไปในห้องครัวทำอาหารต่อ
ไวยาตยมองประตูที่ถูกปิดก็กัดฟันพูด “คนสมัยก่อนเคยบอกว่าในโลกนี้ผู้หญิงกับคนที่เห็นแก่ตัวเลี้ยงยากสุด!”
แต่นึกไปถึงเอกสารที่กองเต็มโต๊ะก็รู้สึกสบายใจและกลับไปอย่างมีความสุข
“ช่างมันเถอะทั้งสองคนคืนดีกันก็ดีแล้ว! แบบนี้ฉันก็จะได้สบายหน่อยและออกไปหาคู่!”
ปลอบใจตัวเองเสร็จไวยาตย์ก็ขับรถเข้าไปในเมือง “ชีวิตกลางคืนฉันมาแล้ว!”
ตอนที่848
ปาณีกินของที่ธามนิธิทำอย่างอร่อยแล้วมองคุณอาที่ตั้งใจดูเธอกินก็พูด “คุณอากินหย่อยสิ! หรือว่าคุณอากินมาแล้ว?”
ธามนิธิเขย่าหัว “เธอกินก่อนเลยกินเสร็จแล้วฉันค่อยกิน!”
ปาณีเห็นแบบนี้ก็เดินไปในห้องครัวแล้วเอาถ้วยออกมาตักอาหารในจานใส่เข้าไปแล้วยื่นให้เขา “ตอนนี้พวกเรากินด้วยกัน! ถ้าคุณอาไม่กินฉันก็ไม่กินแล้ว”
ธามนิธิทำอะไรไม่ได้เลยจำเป็นต้องกิน
ทั้งสองคนกินอย่างหวานแหววเธอป้อนฉันหนึ่งคำ ฉันป้อนเธอหนึ่งคำแล้วก็กินอาหารดึกเสร็จอย่างเรียบง่าย
พิกินเสร็จปาณีก็ออกไปให้อาหารแมว
ธามนิธิไม่มีอะไรทำก็เลยออกไปตาม
พอดีกับที่คุณฐิติพรและคุณจันวิภามาหาพวกเธอพอดีก็เห็นธามนิธิที่ใส่ชุดนอนมองปาณีที่กำลังให้อาหารแมวอย่างอ่อนโยน
คุณฐิติพรอดหัวเราะไม่ได้ “ธามนิธินี่เธอใส่เสื้ออะไรเนี่ย?”
จันวิภา “ใช่นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นเธอใส่ชุดนอน? แต่อย่าพูดอะไรเลยเธอใส่ชุดนอนยังหล่อ!”
พอโดนสองคนนี้หัวเราะเสร็จธามนิธิก็เข้าบ้านอย่างไม่ธรรมชาติแล้วขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อทันที
ปาณีหัวเราะแล้วหะนกลับไปก็ตกใจ “แม่! พี่!พวกคุณมาทำไมหรอคะ?”
คุณฐิติพรยิ้มตอบกลับปาณี “ฉันกับพี่สาวเธอพึ่งกินข้าวเสร็จไม่มีอะไรทำจนมันน่าเบื่อเลยออกมาเดินเล่นแล้วนึกได้ว่าไม่ได้เจอพวกเธอมาหลายวันแล้วเลยแวะมาดูสักหน่อย”
ปาณีพูดอย่างขอโทษ “ผิดที่ฉันเองค่ะช่วงนี้ไม่ได้กลับไปเยี่ยมสักหน่อยเลยทำให้แม่ต้องมาหาเอง”
จันวิภายิ้มอย่างไม่ได้ถือสาอะไร “ไม่ใช่! คืนนี้ฉันกินเยอะจริงๆเลยออกมาย่อยอาหารสักหน่อยจะว่าไปพวกเรานั่งรถมาไม่ได้เดินมาจริงๆสักหน่อย”
คุญฐิติพรมาจับมือปาณีอย่างอบอุ่นแล้วเดินเข้าไปในบ้าน “ปาณีอากาศก็เริ่มเย็นขึ้นแล้วเธอใส่แค่นี้ไม่กลัวเป็นไข้หรือไง!”
ปาณียิ้มแล้วอธิบาย “แม่คะฉันไม่กลัวหนาวเลยสักนิด!”
คุณฐิติพรก็ตอบอย่างไม่พึงพอใจ “พวกเธอนี่เพราะคิดว่าตัวเองยังหนุ่มยังสาวไงแต่ยังไงก็ต้องระวังหน่อยนะอย่ารอให้แก่แล้วค่อยมาดูแลเดียวมันไม่ทัน”
ยังไม่รอปาณีตอบกลับจันวิภาก็มาแย่งพูดไปก่อน “พอเถอะแม่อย่าไปบ่นอะไนเยอะเดียวทำเอาวันหลังปาณีกลับบ้านอย่างไม่มีความสุขเพราะแม่ชอบบ่นนะ!”
ปาณีรีบตอบ “ได้ไงล่ะ? แม่เป็นห่วงฉัน ฉันดีใจยังไม่ทันเลย! และอีกอย่างฉันชอบฟังตอนแม่พูดเสียงมันน่าฟังเหมือนนกขมิ้นร้องเพลงเลยน่าฟังมากเลยนะ!”
คำพูดของปาณีทำเอาคุณฐิติพรยิ้มบานขึ้นมาแล้วก็โผล่ไปกิดปาณี “ปาณีเนี่ยแหละคิดเผื่อฉันตลอด! ใครจะเหมือนพวกเธอสองพี่น้องที่เอาแต่ว่าฉัน! จริงๆเลย”
จันวิภา “ไม่ดีแล้วฉันกับธามนิธิจะโดนทิ้งแล้ว!”
พูดจบตัวเองก็อดหัวเราะไม่ได้
ปาณีเห็นคุญฐิติพรและปาณียิ้มบานแบบนี้ก็ยิ้มตามขึ้นมา
หลังจากที่ธามนิธิลงมาก็เห็นทั้งสามคนหัวเราะอย่างสนุกสนานเลยยิ้มขึ้นอย่างอดไม่ไหวแล้วยื่นมือเข้าไปกอดปาณี “คุยอะไรกับแม่เนี่ย? อยู่ชั้นบนก็ได้ยินแต่เสียงหัวเราะพวกเธอ!”
ปาณีสบตากับคุณฐิติพรแล้วยิ้ม “เป็นความลับของพวกเรา! บอกให้คุณอาไม่ได้นะ!”
จันวิภาและคุญฐิติพรเห็นพวกเธอสองคนที่ทำตัวสนิทสนมกันแบบนี้แล้วก็สบตายิ่มให้กัน “ใช่แล้วความลับของผู้หญิงผู้ชายคนเดียวอย่างเธอจะเข้ามายุ่งทำไม? ไปๆๆอย่ามารบกวนเวลาคุยของพวกเรา”
ก็เลยธามนิธิกลายเป็นคนที่ถูกทิ้งคนนั้นเฉยเลย
แต่เห็นปาณีที่คุยสนุกสนานกับคุณแม่และพี่สาวในใจก็รู้สึกหวานแหวว
พอส่งคุณฐิติพรและจันวิภาไปเสร็จปาณีก็มองหน้าใครบางคนที่ดูเศร้าแล้วนึกถึงที่คุณฐิติพรมาเล่าเรื่องตอนเด็กของธามนิธิให้ฟังก็หัวเราะ “คุณอาทำไมเป็นแบบนี้? เมื่อกี้ที่คุณแม่พูดมันเป็นเรื่องจริงหรอ? ตอนเด็กคุณอาเคยใส่เสื้อของพี่สาว? เสื้อผู้หญิง?”
ธามนิธิไม่คิดว่าแม่เขาจะมาเล่าเรื่องแบบนี้ให้ฟังก็อดที่จะโมโหไม่ได้แต่กับคนที่คลอดเขาเลี้ยงเขามาเขาก็ทำไม่ลงมือ
มองปาณีที่หัวเราะอยู่ตรงหน้าธามนิธิก็ยิ้ม “ปาณีสนุกมากไหม? ที่ได้ยินเรื่องอะไรแบบนี้ของฉัน”
ปาณีก้มหัวไว้ไม่ได้มองเขาก็เลยไม่เห็นรอยยิ้มร้ายๆของเขา “แน่นอนอยู่แล้ว…….”
พูดจบก็รู้สึกร้อนๆตรงเอวจากนั้นทั้งตัวก็ถูกอุ้มขึ้นมาทีนี้ปาณีค่อยเห็นสายตาร้ายๆของใครบางคน
จากนั้นเธอก็ร้องขอ “เออคุณอาฉันผิดไปแล้ว? ฉันไม่ควรหัวเราะเยาะคุณอา……”
ธามนิธิมองคนที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ตอนนี้รู้สึกผิดแล้ว?”
ปาณีพยักหน้าแล้วรีบขอ “คุณอาคะฉันรู้สึกผิดแล้วจริงๆ”
ธามนิธิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “แต่ว่าตอนนี้มันสายไปแล้ว…….”
พูดจบก็เปิดประตูห้องจากนั้นก้มตัวลงกดเธอไว้แน่นๆ……
จากนั้นวันต่อมาปาณีที่โดนใครบางคนจูบแล้วลากออกมาจากเตียงสายตามืดมนที่ไม่ปิดบังว่าตัวเองโดนทำร้าย
แต่ธามนิธิกลับทำเป็นมองไม่เห็นแล้วเอาเสื้อผ้าไปเข้าห้องน้ำ
ปาณีนวดเอวตัวเองที่ยังปวดเมื่อยอยู่ก็บ่น “ถ้ามาเอาอีกหลายรอบสักวันเอวฉันต้องหักแน่ๆ! ไม่ยุติธรรมเลยทั้งๆที่คนออกกำลังกายเป็นเขาแต่ทำไมสุดท้ายฉันกลายเป็นคนเจ็บตลอด?”
ธามนิธิที่เดินออกมาจากห้องน้ำได้ยินเสียงที่เธอบ่นก็ยกยิ้มแล้วตอบ “เป็นเพราะร่างกายเธออ่อนแอต่างหาก”
ปาณีได้ยินก็รีบเอาผ้าห่มมาปิดหน้าแล้วชี้ไปหน้าประตู “คุณอาเข้ามาได้ยังไง? รีบออกไปเลยนะ! ฉันจะเปลี่ยนเสื้อ”
ธามนิธิกลับยิ้มแล้วดึงผ้าที่เธอเอามาปิดหน้า “ทำไม? ที่ไหนของเธอที่ฉันยังไม่เคยเห็น? ใช่แล้วถ้าเธอยังมัวแต่ชักช้าอยู่วันนี้คาบแรกก็คงไม่ต้องไปแล้ว”
ปาณีค่อยปล่อยมือแล้วไปดูนาฬิกาก็กรี๊ด “เจ็ดโมงห้าสิบนาที? จบแล้วคาบอังกฤษของฉัน!”
ธามนิธิยิ้มแล้วเอาเสื้อเธอวางไว้บนเตียงจากนั้นก็พูดอย่างอบอุ่น “รีบๆทำสิ! ฉันให้ไวยาตย์ส่งเธอไปไม่สายแน่นอน”
ปาณีรีบยิบเสื้อมาใส่แล้วรีบวิ่งลงไปชั้นล่างทักทายกับน้าลำมุงเสร็จก็ออกไปเลย
น้าลำมุงเห็นปาณีแบบนี้ก็ตะโกน “ปาณีช้าๆหน่อยระวังล้มนะ!”
ธามนิธิกลับกินอาหารเช้าอย่างสบาย “ฝีมือน้าลำมุงนี่ยิ่งอยู่ยิ่งดีนะครับอร่อยมากเลย”
น้าลำมุงพยักหน้า “ใช่สิแล้วอาหารเช้าของปาณีล่ะ?”
ธามนิธิกลืนอาหารลงไปอย่างช้าๆแล้วบอก “ผมเอาไปไว้ในรถแล้ว! ไม่ทำให้เธอหิวแน่นอน!”
น้าลำมุงนึกถึงที่ปาณีชอบกินแล้วก็ยิ้มบอก “ก็ใช่”
ธามนิธิวางช้อนส้อมลงแล้วก็บอกน้าลำมุง “ผมไปทำงานก่อนนะครับ”
ตอนที่849
ธามนิธินั่งดูตารางงานอยู่ในรถแต่ใจนี่นึกไปถึงปาณีนู้น
นึกถึงภาพเมื่อวานธามนิธิไม่ยอมรับไม่ได้ว่าถึงแม้ฟังคำอธิบายของปาณีแล้วแต่เขาก็ยังผ่านหลุมนี้ไปไม่ได้
ธามนิธิดูเวลาในนาฬิกาแล้วโทรหาไวยาตย์
ไวยาตย์ที่พึ่งส่งปาณีไปถึงโรงเรียนกำลังจะกลับรถก็เห็นโทรศัพท์สั่นก็รับ “สวัสดีครับคุณธามนิธิ! ตอนนี้ปาณีไปถึงโรงเรียนอย่างปลอดภัยแล้วครับ…….”
ธามนิธิที่อยู่อีกฝั่งก็สั่ง “ตอนนี้ฉันต้องการข้อมูลทุกอย่างของจำรัสประธานบริษัทซี.ซี.เอสถ้าฉันเข้าไปถึงในห้องทำงานต้องเห็นข้อมูลด้วย!”
พูดจบไม่รอให้ไวยาตย์ตั้งตัวก็วางสายไปเลย
ไวยาตย์มองโทรศัพท์ที่ถูกวางสายก็มีความรู้สึกอยากขว้างโทรศัพท์ทิ้งแต่คิดไปคิดมาก็ไม่ได้ทำอะไร “โทรศัพท์มันไม่ผิดไม่ควรไปลงใส่ที่มัน!”
ทำไรไม่ได้ไวยาตย์ยังไม่ทันขับรถก็รีบหาข้อมูลจำรัสก่อน
ธามนิธิเดินเข้ามาในบริษัทพอเห็นเขาก็รีบลุกขึ้น “สวัสดีครับคุณธามนิธิ!”
ธามนิธิพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์
ระหว่างทางพนักงานก็ทักทายเขาตลอดธามนิธิก็ตรึงสีหน้าแต่ก็พยักหน้าตอบกลับเบาๆแล้วเข้าไปในห้องทำงาน
เห็นไวยาตย์ยืนยิ้มอยู่ที่ข้างโต๊ะทำงานธามนิธิก็ยกคิ้วและมีสีหน้าแบบสองในวันนี้สักที “ของที่ฉันต้องการล่ะ?”
ไวยาตย์ยิ้มแล้วยื่นซองเอกสารไปให้ “จำรัสอายุ25ปีเป็นประธานหลักของบริษัทซี.ซี.เอสในเขตเอเชียรายได้ร้อยล้านต่อปี! พ่อเป็นไตรวิทย์อายุ45ตอนนี้เกษียณแล้ว แม่เป็นธีนาถอานุ42ปีตอนนี้เป็นหัวหน้าสมาคมสตรี…….”
ฟังที่ไวยาตย์พูดไปด้วยแล้วมองเอกสารในมือไปด้วยคิ้วธามนิธิก็ขมวดติดกันอีกรอบ
โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นหน้าอันหล่อเหลาของจำรัสก็ทำให้ธามนิธิยื่นมือมาจับใบหน้าตัวเองไม่ได้จากนั้นก็เก็บมือมาเคาะโต๊ะ
ไวยาตย์มองการกระทำเขาอย่างแปลกใจแล้วบอก “ที่จริงคุณธามนิธิไม่ต้องไปเทียบกับจำรัสก็ได้นะครับคุณหล่อกว่าเขาตั้งเยอะ!”
ธามนิธิยกหัวขึ้นมองไวยาตย์อย่างแปลกใจจากนั้นถาม “ฉันหล่อกว่าเขาจริงหรอ?”
ไวยาตย์เห็นธามนิธิที่ยังมึนๆอยู่ก็อดหัวเราะเกือบไม่ไหว “ครับ! ผมไวยาตย์ก็สาบานถ้าใครบอกว่าคุณไม่หล่อเท่าเขาตาคนนั้นคงโดนสิ่งสกปรกมาบังตาไว้!”
ธามนิธิมองไวยาตย์ที่สาบานอย่างจริงจังก็ไม่ได้สนใจเขาแล้วดูรูปของจำรัสต่อ
อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของไวยาตย์ก็ดังขึ้นมาเลยรีบเอาขึ้นมาดูจากนั้นก็มองธามนิธิที่ทำหน้าอย่างตระหนักใจก็บอกว่า “คุณธามนิธิครับจอมพลนรเทพป่วยอาการหนักครับ”
พูดจบตัวเองก็เอาโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเมธชนัน
“ตูๆๆๆๆ……” โทรศัพท์ไม่มีใครรับสายสักที
ธามนิธิรีบลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอกพร้อมสั่งไวยาตย์ “ตอนนี้เอาตารางช่วงนี้ของฉันถอยหลังไปก่อน! ฉันจะไปปักกิ่งคนเดียว! ใช่แล้วโทรไปบอกปาณีด้วยไม่ดีกว่าส่งข้อความไปว่าฉันไปปักกิ่งแค่นี้ก็พอแล้ว……”
เดินไปถึงหน้าลิฟต์ธามนิธิก็สั่งไว้เยอะมากแล้ว
ไวยาตย์มองธามนิธิที่ก้าวเข้าในลิฟต์ก็บอก “คุณธามนิธิ! สู้นะครับ!”
ธามนิธิไม่ได้หันมามองแล้วกดไปชั้นที่ลบหนึ่งประตูลิฟต์ก็ปิดลงช้าๆ
ไวยาตย์ถอดหายใจเฮือกใหญ่จากนั้นก็พูดกับพนักงานที่พยายามมองมาทางนี้ว่า “คุณธามนิธิมีธุระช่างหลายวันต่อจากนี้จะมีฉันที่ทำงานร่วมกับพวกเธอ!”
พอประโยคนี้ออกมาก็มีพนักงานที่อยากรู้อยากเห็นเข้าไปหาไวยาตย์ “คุณไวยาตย์มองหน่อยได้ไหมว่าคุณธามนิธิไปทำธุระที่ไหน?”
ไวยาตย์มองคนพวกนั้นแล้วทำสีหน้าปกติ “จเรเธอว่างมากใช่ไหม? งั้นให้ฉันช่วยจัดงานใหม่ให้เธอหน่อยไหม?”
จเรก็เดินออกมาอย่างหมดอารมณ์
ไวยาตย์มองไปรอบๆแล้วพูดตักเตือน “คุณธามนิธิไม่อยู่ทุกคนก็ต้องยิ่งขยันทำงานเข้าใจไหม?”
พนักงานทุกคนตอบ “เข้าใจ!”
ไวยาตย์ค่อยเดินเข้าไปในห้องทำงานธามนิธิอย่างพึงพอใจแล้วช่วยเขาเลื่อนวันนัดต่างๆแถมยังจัดการเอกสารที่นังไม่ทันได้จัด
ธามนิธิขับรถไปที่สนามบินจากนั้นก็รีบขึ้นเครื่องบินพึ่งนั่งลงไปเขาก็ประกาศว่าจะบินแล้ว
ธามนิธิมองเวลากำลังจะโทรหาปาณีก็เห็นแอร์โฮสเตสยิ้มแล้วเดินเข้ามาบอก “คุณคะรบกวนช่วยปิดเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ด้วยนะคะ! เครื่องบินกำลังจะบินสัญญาณของโทรศัพท์คุณจะไปรบกวนหมวดการบินของเครื่องบิน! ขอความร่วมมือด้วยค่ะ!”
ธามนิธิคิดไปคิดมาจากนั้นก็ปิดโทรศัพท์
ระหว่างทางธามนิธิมองวิวข้างนอกและคิดไปเรื่อย
จอมพลนรเทพเป็นคนที่คอยดูเธอตั้งแต่เริ่มจนตอนนี้โดยเฉพาะการฝึกฝนที่จอมพลนรเทพได้สอนไว้ให้ใส่ใจอย่างมากขนาดลูกชายแท้ๆอย่างเมธชนันยังไม่ได้การรับดูแลดีขนาดนี้
ก็เลยถ้าจะบอกว่าคนที่ธามนิธิอยากขอบคุณมากที่สุดก็คือจอมพลนรเทพ
โดยเฉพาะหลังจากที่ตัวเองบาดเจ็บจอมพลนรเทพก็จะโทรมาถามทุกเดือนอาการเขาทุกเดือนแต่ตอนนั้นธามนิธิไม่อยากเจอคนที่เกี่ยวข้องกับเมธชนันเลยสักนิดจากนั้นเลยห่างไกลจากจอมพลนรเทพ
ไม่คิดว่าครั้งที่แล้วยังไปงานฉลองวันเกิดของจอมพลนรเทพแต่ครั้งนี้กลับไปเพราะมีอ่การป่วยหนัก
ธามนิธิแอบคิดในใจอย่างเศร้า “โลกมันไม่แน่ไม่นอน! ฉันต้องรักษาตอนนี้ของพวกเราไว้สินะ? ไม่อย่างงั้นเดียวถ้าแก่มันก็จะไม่ทัน”
นึกถึงตรงนี้เขาก็คิดถึงปาณีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสนึกถึงภาพที่เธอกินของใบหน้าที่ยิ้มบานอย่างมีความสุขนั้นทำให้อดหัวเราะไม่ได้
แอร์โฮสเตสมาเดินดูในเครื่องบ่อยๆเห็นธามนิธิทำหน้ายิ้มก็รีบเข้าไปยกแก้วให้เขา “คุณคะต้องการเครื่องดื่มอะไรไหมคะ? อันนี้เป็นน้ำส้มที่พึ่งปั่นสดเอาสักแก้วไหมคะ?”
ธามนิธิชะงักถึงแม้ตกใจแต่ก็รับน้ำส้มที่แอร์โฮสเตสส่งมา “ขอบคุณครับ!”
แอร์โฮสเตสยิ้มแล้วหันกลับไปมองการแต่งตัวที่มีความเป็นลูกผู้ชายของธามนิธิแล้วมองหน้าที่เขายิ้มทันใดนั้นก็หลงธามนิธิไปอย่างเต็มที่
ธามนิธิไม่เห็นความผิดปกติของแอร์โฮสเตสจากนั้นก้มหัวลงดื่มหนึ่งคำแล้วมองนอกหน้าต่างต่อ
ระหว่างทางแอร์โฮสเตสดูแลธามนิธิอย่างเป็นพิเศษมากพิเศษจนคนที่เย็นชาอย่างธามนิธิยังรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติแล้วหลังจากที่แอร์โฮสเตสคนนี้ส่งผ้าห่มมารอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ธามนิธิก็พูดไปว่า “ผมแต่งงานแล้วครับ!”
แล้วเขาก็ขอบคุณแอร์โฮสเตสและปฏิเสธผ้าห่มที่เธอเอามาให้ลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำ
แอร์โฮสเตสคนนั้นชะงักไปสักแป๊บจากนั้นค่อยยิ้มอย่างมีมารยาทแล้วเดินกลับไปที่พักบริการ
ตอนที่850
ธามนิธิไม่ได้สนใจความรู้สึกของแอร์โฮสเตสคนนั้นมือลูบไปที่แหวนแต่งงานที่สวมในนิ้วนางราวกับเห็นภาพที่ปาณีไปอวดคนอื่นอย่างได้ใจ “พวกเธอดูสิคนนี้สามีของฉันเอง!”
ธามนิธิยิ้มกับกระจกจากนั้นเดินกลับไปนั่งกับที่
แอร์โฮสเตสคนนั้นไปแล้วธามนิธิคิดอย่างเย็นชา “ยังดีที่รู้จักดูสถานการณ์! ไม่อย่างงั้นคนที่เสียหน้าคงเป็นเขา”
สำหรับมีเรื่องแทรกแบบนี้ธามนิธิไม่ได้สนใจเลยแต่เขาก็ไม่ได้สนใจตอนที่เขาคุยกับแอร์โอสเตสหลายครั้งแล้วมีกล้องแฟรชอยู่ข้างหลัง
เครื่องบินลงพื้นธามนิธิเปิดโทรศัพท์ในเวลาแรกก็มีสายเมธชนันเข้ามา
ธามนิธิรับสาย “ชนันตอนนี้เธออยู่ไหน?”
เมธชนันพูดอย่างเหน็ดเหนื่อย “อยู่โรงพยาบาลนภสรธามนิธินายรีบมานะพ่อฉัน…….ใกล้จะไม่ไหวแล้ว”
ธามนิธิขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้ยังดูแข็งแรงอยู่เลย? ทำไมอยู่ๆครั้งนี้มันกลายเป็นแบบนี้?”
เมธชนันลังเลแล้วบอก “เป็นเพราะฉันเอง! ฉัน…….”
เห็นสายที่ถูกตัดธามนิธิก้มหัวลงมองโทรศัพท์ตัวเองก็พบว่าแบตเตอรี่หมดแล้ว
จากนั้นก็รีบโบกรถแท็กซี่แล้วไปโรงพยาบาลนภสร
ไม่นานธามนิธิก็มาถึงโรงพยาบาลนภสรเห็นพวกนักข่าวที่โดนกั้นไว้ข้างนอกธามนิธิก็ดึงปกคอเสียงตึงแล้วเดินไปทางประตู
พวกนักขข่าวที่มาก็ปิดกั้นทางเข้าอย่างเต็มที่
ธามนิธิใช้ร่างกายอันแข็งแกร่งของตัวเงและความไหวพริบเร็วสูงเข้ามาในโรงพยาบาลได้
เดินไปไม่กี่ก้าวก็โดนมือที่แข็งแกร่งเข้ามาบังไว้ “คุณเป็นใคร? ตอนนี้ที่นี่ห้ามนักข่าว…….ธามนิธิ!นี่เธอมาสักทีนะ!”
ธามนิธิดึงคอเสื้อออกให้เห็นหน้าตัวเองก็เห็นนายทหารคนสนิท ยุตของจอมพลนรเทพกำลังดึงตัวเองวิ่งไปที่ห้องผ่าตัด
เดินไปด้วยนายทหารคนสนิท ยุตก็พูดไปด้วย “ก่อนที่จอมพลนรเทพจะเข้าห้องผ่าตัดก็ร้องหาเธอตลอดธามนิธิครั้งนี้จอมพลนรเทพคงไม่ไหวจริวแล้วแหละ……”
พูดไปลูกผู้ชายที่ค่อยตามจอมพลนรเทพไปต่อสู้ก็อดที่ตะน้ำตาซึมไม่ได้
ธามนิธิถาม “รู้เหตุผลที่ทำให้คุณจอมพลนรเทพเกิดอาการแบบนี้หน่อยได้ไหมครับ?”
เห็นนายทหารคนสนิท ยุตไม่ตอบการเงียบใส่ของเขาทำมห้ธามนิธิขมวดคิ้ว
ธามนิธิวิ่งไปหน้าห้องผ่าตัดอย่างไม่ลังเลก็เห็นปีวราและเมธชนันยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นเขาเดินไป “คุณน้าปีวรา เมธชนัน!”
เมธชนัรยกหัวขึ้นมองธามนิธิจากนั้นก็หันไปอีกทางไม่มองอีก
ธามนิธิรีบไปพูดกับนายทหารคนสนิท ยุต “ตอนนี้ผมเข้าไปดูได้ไหมครับ?”
นายทหารคนสนิท ยุคพยักหน้าอย่างไม่ลังเลแล้วไปเคาะประตูห้องผ่าตัดแล้วเดินเข้าไปในสายตาที่แปลกใจของปีวราลัเมธชนัน
เมธชนันกำมือแน่นจากนั้นก็เดินไปทางมุมแล้วนั่งลงไป
ปีวราพูดโทษใส่นานทหารคนสนิท ยุตว่า “นายยุตเธอให้ธามนิธิเข้าไปได้ยังไงถ้าจอมพลนรเทพตกใจอีก……แล้วจะทำยังไง?”
นายยุตหันไปมองเมธชนันแล้วค่อยหันมาพูดกับปีวรา “อันนี้คุณจอมพลนรเทพเคยสั่งไว้ก่อนจะสลบ……”
สายตาปีวรามองเขาอย่างสับสนจากนั้นก็นั่งลงไปเงียบๆ
เมธชนันกลับก้มหัวตลอดทางราวกับเรื่องที่แม่เธอบอกไม่เกี่ยวกับเธอเลยสักนิด
เวลาผ่านไปหนึ่งนาทีหนึ่งวินาทีเมธชนันที่ยังทึนงงตอนธามนิธิมาตอนนี้ก็เริ่มตระหนักใจขึ้นมา
ขนาดนายยุตยังเริ่มเดินไปมาตรงหน้าห้องผ่าตัด
ปีรวาอดร้องไห้ออกมาไม่ได้เพราะคนที่อยู่ในห้องนั้นเป็นผู้ชายของเธอ
ไม่นานประตูห้องผ่าตัดก็ถูกเปิดออกเมธชนันวิ่งเข้าไปหาเวลาแรกก็เห็นธามนิธิดึงผ้าปิดปากออกมา
อยู่ต่อเมธชนันและปีรวา ธามนิธิก็ไม่ได้พูดอ้อมอีก “คุณจอมพลนรเทพไม่เป็นอะไรแล้วครับ”
เมธชนันทองธามนิธิอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ธามนิธินายพูดจริงใช่ไหม?”
ปีรวาก็ยกหัวขึ้นมองธามนิธิ
ธามนิธิไม่ได้พูดปฝแต่กลัลเป็นหมอที่ออกจากห้องผ่าตัดมาบอกทั้งสองแม่ลูก “การผ่าตัดสำเร็จครับเดียวคุณจอมพลนรเทพจะออกแล้วแต่ว่าเวลาต่อจากนี้ต้องเลี้ยงดูดีๆห้ามให้เขาตกใจหรือมีอารมณ์อะไรมากนะครับ!”
นายยุตถอดหายใจและเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาเพราะความดีใจอยู่ข้างๆ
ธามนิธิตบหลังเขาเบาๆจากนั้นก็ไปนั่งที่เก้าอี้ยาว
เมธชนันลังเลไปสักพักแล้วตัดสินใจเดินไปนั่งลงข้างธามนิธิ
ทั้งสองคนนั่งเงียบอยู่ตรงนั้นรอจนนายจอมพลนรเทพถูกส่งออกมาจากห้องผ่าตัดเมธชนันนั่งลังเลอยู่ตรงนั้น
ธามนิธิ “ไปสิคนที่พ่อนายอยากเจอมากมี่สุดคือนายนะ!”
เมธชนันมองเขาอย่างขอบคุณแล้วเดินไปหาทางรถเข็น
“พ่อ! ได้ยินที่ผมพูดไหม? ผมเป็นเมธชนัน!” เมธชนันโผล่เข้าไปพูดกับจอมพลนรเทพ
ธามนิธิกลับเดินไปทางออกอย่างเงียบๆ
แต่นึกถึงที่หน้าโรงพยาบาลมีนักข่าวเต็มเลยหันหลังเดินไปอีกหลังโรงพยาบาล
ที่นี่เงียบมากคนก็ไม่เยอะธามนิธิมองโทรศัพท์ที่ไม่มีแบตเตอรี่อย่างเงียบๆอยากโทรกาปาณีสักหน่อยก็ไม่ได้
“หวังว่าไวยาตย์จะบอกเขานะ” ธามนิธิพูด
จากนั้นจอมพลนรเทพก็เข้าห้องธรรมดาธามนิธิไปไหนไม่ได้อีกเพราะเขาขอให้เป็นเพื่อน
ธามนิธิเลยจำเป็นต้องอยู่และเมธชนันก็ด้วยอุตส่าห์กล่อมจอมพลนรเทพนอนจนได้แล้วให้นายยุตช่วยดูแลแป๊บนึงเมธชนัรเดิรไปข้างหน้าธามนิธิก็ตามไปด้วยทั้งสองคนมาถึงด่านฟ้าของโรงพยาบาล
ทั้งสองคนอยู่เงียบไม่พูด
ผ่านไปสักพักเมธชนันก็เริ่มก่อน “เธอรู้ตอนไหน?”
ธามนิธิไม่ได้ตอบเพียงแต่หันไปมองเมธชนันที่อยู่ข้างเขา
เมธชนันหันมามองเขา “เป็นรอบที่ฉันดื่มเหล้าในเมืองชนุตกับเธอครั้งที่แล้ว?”
ธามนิธิพยักหน้าแล้วบอก “ชนันเรื่องมันผ่านไปแล้วพวกเราลืมมันไปเถอะ!”
เมธชนันเห็นธามนิธิที่พูดอย่างนิ่งเฉยแบบนี้ไม่รู้ทำไมอยู่ๆก็รู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาเลยหันตัวกลับไปไม่ให้เขาเห็นด้านอ่อนแอของตัวเอง
ธามนิธิชะงักแล้วบอก “ไปเถอะชนันเผื่อเดียวจอมพลนรเทพตามหา”
เมธชนันไม่ขยับแล้วหันไปมองธามนิธิที่หันหลังเตรียมเดินไปทางบันไดก็ตะโกน “ขอโทษ! ธามนิธิ!”
ธามนิธิชะงักสักแป๊บแต่ไม่ได้ตอบเขาเพียงและโบกมือให้เขาแล้วเดินลงมา
เมธชนันคุกเข่าลงพื้นนึกถึงภาพที่จอมพลนรเทพรู้เรื่องที่ตัวเองทำกับธามนิธิแล้วล้มลงไปในวินาทีนั้นถ้าบอกว่าที่ทำมันไม่เสียดายมันก็จะเป็นคนขี้โกหก!
ความลับที่เขาแบกไว้ตลอดไม่คิดว่าเจ้าตัวจะรู้เรื่องตั้งนานแล้วแถมยังดีกับตัวเองอยู่!
นึกถึงตรงนี้เมธชนันก็ถอดหายใจมองท้องฟ้าแล้วตะโกน “ธามนิธิ! ขอโทษ! ฉันขาดบุญคุณเธอทั้งชาตินี้เลย!”