ตอนที่861 ตรวจเลือด
มองดูฐิติพรที่พุ่งเข้ามาหาตนเอง ปาณีแทบอยากจะเอาหัวไปแขกกำแพง พูดอะไรไม่พูดแต่ดันมาพูดเรื่องนี้ ทั้งที่ก็รู้อย่างชัดเจนว่าแม่มีความหลงใหลอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนกับหลานคนนี้ ทำไมจู่ๆเธอถึงยังบอกคุณอาเรื่องนี้ได้นะ?
เธอนิ่งคิด พูดไปแล้ว ช่วงนี้ประจำเดือนของเธอยังไม่มาสักที หรือว่า….
คิดถึงตรงนี้ สายตาของเธอก็เต็มไปด้วยความคาดหวังขึ้นมา
ธามนิธิดึงตัวแม่ของเขาออกมาอย่างอ่อนใจ และเอ่ยอธิบายเสียงต่ำ “ปาณีก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น ยังไม่ได้ยืนยันอะไรหรอกครับแม่ แม่ใจร้อนเกินไปแล้ว”
ฐิติพรสะบัดมือเขาออก เธอเช็ดน้ำตาอย่างขุ่นเคืองและเอ่ย “หลังจากที่ลูกบาดเจ็บ แม่ได้ยินคำพูดนินทาพวกนั้นมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ พวกนั้นบอกว่าลูก….ตรงนั้นมีปัญหา! ภายหลังลูกแต่งงานแล้ว แม่ก็ยังคงได้ยินคนพวกนั้นพูดอีกว่าลูกไม่มีน้ำยา แม่ไม่ได้ขออะไรอย่างอื่น แม่แค่หวังว่าลูกกับปาณีจะมีลูกน้อยที่น่ารักของตนเอง เอาไปอุดปากคนพวกนั้นซะ! ยังมีอีก แม่อยากใช้ชีวิตเล่นหยอกล้อกับหลานๆ….”
ฟังฐิติพรพูดอย่างซาบซึ้งและจริงจัง ปาณีที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณอาก็มีความรู้สึกผิดและไม่สบายใจขึ้นมา
ธามนิธิตบเบาๆเพื่อปลอบภรรยาของตนอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็เอ่ยกับแม่ของเขา “พวกเรารู้แล้วครับ! พูดไปแล้ว ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้ทดสอบอะไรทั้งนั้น ดังนั้นเลยบอกไม่ได้ว่าปาณีท้องแน่รึเปล่า ไม่แน่อาจจะก็ได้!”
ได้ยินดังนั้น ปาณีเงยหน้าขึ้นมามองคุณอาด้วยความประหลาดใจ ธามนิธิบีบไหล่เธอเบาๆทำให้เธอตื่นจากภวังค์ขึ้นมามีปฏิกิริยาตอบสนอง เธอพยักหน้าและเอ่ยอย่างยิ้มๆ “ใช่ค่ะ! แม่คะ พวกเราไม่ได้ห้ามการมาของสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆหรอกนะคะ!”
ฐิติพรถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเดินจากห้องไปด้วยท่าทีพอใจ ระหว่างเดินยังไม่ลืมที่จะหันมาเอ่ยเตือนทั้งคู่ “อ้อใช่สิ แม่จะไปตามหมอชลิตให้พวกลูกเอง! แม่รอไหวที่จะได้ยินข่าวดีแล้ว!”
พูดจบเธอก็เดินลงชั้นล่างไปด้วยท่าทางมีความสุขอย่างยิ่ง ท่าทีร่าเริงนั้นดูไม่แก่เหมือนที่เธอเอ่ยปากเลยสักนิด
รอจนกระทั่งในห้องเหลือแค่เพียงเธอกับคุณอา ปาณีถึงค่อยรู้สึกปลอดโปร่งขึ้นมาและนั่งลงบนเตียง เธอเงยหน้าขึ้นอย่างไม่สบายใจและถามว่า “คุณอา ถ้าฉันไม่ท้องแม่จะผิดหวังมากไหมคะ?”
ธามนิธิเดินเข้าไปและจับไหล่ของเธอไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้มที่ข้างหูของเธอ “ถ้าหากยังไม่ท้อง พวกเราก็แต่ขยันให้มากขึ้นอีกหน่อย! ต้องสำเร็จแน่ เธอวางใจเถอะ สามีของเธอยังมีความสามารถพอที่จะทำให้เธอท้องได้สักวันหนึ่ง!”
ได้ยินคำพูดเข้าทางเขาให้อีกครั้ง ปาณีอดกรอกตาไปรอบหนึ่งไม่ได้ เธอฝังตัวลงในผ้าห่มนุ่มๆและร้องคร่ำครวญ “ฉันควรทำยังไงดี? ลูก ลูก ลูก ตอนนี้มีคำว่าลูกเต็มไปทั้งสมองของฉัน?”
ได้ยินเสียงพึมพำของเธอ ธามนิธิก็อดไม่ได้ที่จะแอบอิจฉาเด็กน้อยที่ยังไม่แม้กระทั่งมีเงา เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ “ถ้าหากไม่ได้การช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถของฉัน เธอคนเดียวไม่สามารถมีลูกได้หรอกนะ?”
ปาณีรีบลุกขึ้นมานั่งทันใด ก่อนจะตะโกนใส่คุณอาที่เริ่มวกเข้าสู่หัวข้อนั้นอีกแล้ว “คุณอา คุณ……”
ทันใดนั้นเขากลับเดินตรงไปยังประตู ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาว่า “ดูเหมือนฉันจะได้ยินเสียงของชลิต ฉันลงไปต้อนรับเขาก่อน!”
มองดูแผ่นหลังของคุณอาที่เดินลิ่วไปไกล ปาณีทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง ก่อนจะลูบไปมาที่หน้าท้องของตนและเอ่ยพึมพำ “บางที ชีวิตใหม่ที่กำลังจะมาถึง อาจจะไม่เลวก็ได้…..”
ดังนั้นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะจินตนาการภาพการมีลูก ไม่ต้องพูดถึงฐิติพรแต่อย่างใด ฝ่ายนั้นอยากที่จะใช้เวลากับลูกของเธอตลอด 24 ชั่วโมงอย่างแน่นอน แต่ปฏิกิริยาของคุณอาต่างหากที่ทำให้เธอคาดหวังอย่างมาก
“คุณอาจะชอบลูกคนนี้ไหมนะ? หรือว่าเขาจะไม่ชอบเด็ก?”ปาณีพูดพึมพำอยู่กับตนเอง ก่อนจะตบแก้มตนเองเบาๆเรียกสติ “นี่ฉันเป็นอะไรเนี่ย? ยังไม่มีแม้กระทั่งเงา แต่ฉันกลับคิดเป็นตุเป็นตะ! บ้าจริง นี่ฉันบ้าไปแล้ว ไม่สิ สงสัยจะถูกแม่ครอบงำแน่ๆ!”
ไม่เหมือนปาณีที่เอาแต่พูดจาคนเดียวในห้อง ตอนที่ธามนิธิเดินลงชั้นล่างไป เขามองเห็นชลิตกำลังพูดคุยอบู๋กับฐิติพร ทันใดนั้นเขาก็ทำหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาและเอ่ยเสียงต่ำ “ชลิต มาแล้วหรือ?”
ชลิตหัวเราะเงียบๆ
ฐิติพรรีบเร่งให้ทั้งคู่ขึ้นชั้นบนไป “ชลิต เธอรีบขึ้นไปเร็ว ไปช่วยปาณีดูหน่อย ว่าตั้งครรภ์จริงหรือเปล่า? ส่วนฉัน ฉันรออยู่ข้างล่างดีกว่า ถ้าฉันขึ้นไปเดี๋ยวปาณีจะทำตัวไม่สะดวก เอ้า ธามนิธิมัวแต่ยืนตะลึงอยู่ได้? ไม่รีบพาชลิตขึ้นไปตรวจเมียแกว่าท้องรึเปล่า? รีบไปเร็วเข้า! go! go! go!”
ธามนิธิเดินกลับไปอย่างจนใจ ในขณะที่ชลิตกวาดตามองเขาด้วยความสงสัยอย่างยิ่งก่อนจะเอ่ยถามขึ้นมา “คุณแม่ยังคงกระฉับกระเชิง ร่าเริง และน่ารักเช่นเคย!”
ธามนิธิไม่ได้เอ่ยค้าน เขาทำแค่เพียงมุ่งหน้าเดินต่อไปจนกระทั่งถึงหน้าประตูห้องจึงค่อยๆผลักประตูเข้าไปเบาๆ ก่อนจะเอ่ยกับคนที่อยู่ด้านในด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ปาณี หมอชลิตมาแล้ว เธอพร้อมหรือยัง?”
พูดจบ เขาก็ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ตรงประตู
ชลิตมีท่าทีราวกับกำลังค้นพบทวีปใหม่ขึ้นมา เขามองธามนิธิอย่างไม่เชื่อสายตา ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงพูดพึมพำกับตัวเอง “นี่ฉันตาฝาดไปใช่ไหม? ธามนิธิปกติไม่เคยจะมีน้ำอดน้ำทนกับผู้หญิงคนไหนนี่หว่า? หรือว่าจะถูกผีเข้า?”
ธามนิธิไม่แม้แต่จะกะพริบตาไปมองชลิตที่พึมพำกับตัวเอง เขาเอ่ยเสียงเย็น “ชลิต! ถ้านายยังพูดจาไร้สาระ ฉันไม่ถือสาที่จะช่วยตัดลิ้นนายทิ้งซะ ! วางใจได้ฉันไม่คิดเงินด้วย!”
ชลิตรีบหุบปากของเขาอย่างรู้ตัวและเอ่ยอู้อี้ขึ้นมาว่า “นายไม่ต้องมาทำให้ฉัน! ลิ้นของฉันมันปรับตัวได้ดีกับที่อยู่ตอนนี้แล้ว!”
ระหว่างที่ล้อเล่นกันอยู่ ประตูห้องด้านในก็ถูกพลักออกมา ปาณีปรากฎตัวตรงหน้าชลิตอย่างเขินอาย
เขามองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าธามนิธิที่ยืนอยู่ด้านข้างจู่ๆสายตาก็แปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนลงอย่างยิ่ง และเอาแต่จับจ้องไปที่ปาณีอย่างไม่วางตา!
หลังจากนั้นชลิตถึงค่อยรับรู้ได้ถึงความอันตรายจากสายตาคู่นั้น ทั้งที่เป็นสายตาคู่เดิมแต่กับแบ่งแยกความแตกต่างออกมาได้อย่างชัดเจน!
ดังนั้นภายใต้แรงกดดันจากใครบางคน ชลิตยิ้มให้กับปาณีที่กำลังประหม่าและเอ่ย “ไม่เป็นไร ฉันแค่ตรวจสุขภาพอย่างง่ายๆเท่านั้น ไม่เจ็บแน่นอน! ตอนนี้เธอต้องผ่อนคลายก่อน”
ปาณีหับไปมองคุณอาที่อยู่ด้านข้างก่อน หลังจากได้รับสายตาให้กำลังใจจากเขา เธอถึงค่อยถอนหายใจออกมาและพยักหน้าอย่างหนักแน่น “คุณหมอชลิต เริ่มเลยค่ะ!”
ชลิตนำขวดไม่กี่ขวดออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะเริ่มเก็บตัวอย่างเลือด แต่ทันทีที่เขากำลังจะเดินเข้าไปเจาะเลือดปาณี กลับถูกสายตาที่จ้องเขม่งอยู่ด้านข้างกดดันจนทำเอามือของเขาเริ่มสั่น
ทำเอาหมอชลิตที่แทบจะหมดความอดทนอยู่รอมร่อ อยากจะพุ่งเข้าไปปล่อยไอเย็นใส่ธามนิธิเข้าให้ฟรีๆสักทีสองที
มองดูปาณีที่สายตางงงวย ชลิตจึงเอ่ยอย่างสงบ “ผู้ชายของเธอเอาแต่จ้องเขม่งใส่ ส่งผลต่อการทำงานของฉัน! ตอนนี้ ฉันจะเริ่มเก็บเลือกแล้วนะ!”
ปาณีนิ่งงันไป “อ่า…..”
หลังจากนั้นนิ้วมือของปาณีก็ถูกเจาะ ชลิตเจาะเลือด เก็บตัวอย่าง และปิดผนึกอย่างชำนาญและราบรื่นอย่างยิ่ง
ปาณีเห็นดังนั้นก็อดเอ่ยชื่นชมไม่ได้ “คุณหมอชลิตเก่งสุดๆ! ฉันไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียว!”
ชลิตยิ้มอย่างสุภาพ “ได้รับใช้เธอถือเป็นเกียรติของฉัน! ตอนนี้ฉันขอตัวไปโรงพยาบาลก่อน เอาผลเลือดของเธอไปตรวจ อีกสักครู่ค่อยเจอกันใหม่!”
พูดจบเขาก็เปิดประตูออกไป มองเห็นธามนิธิที่แทบอยากจะพุ่งตัวเข้าไปข้างใน ชลิตก็มองเขาอย่างยิ้มๆก่อนจะเดินตรงไปชั้นล่างและเอ่ยทักทายฐิติพรแล้วค่อยกลับไป
ตอนที่862 มีนัด
ปาณีเงยหน้าขึ้น มองเห็นคุณอากำลังเดินเข้ามาอย่างรีบร้อนก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เธอโบกมือให้เขาหลังจากนั้นตัวเธอก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดอันอบอุ่นอย่างรวดเร็ว หูของเธอซบอยู่ที่อกของเขาและได้ยินเสียงหัวใจของเขากำลังเต้นแรง วินาทีนั้นเอง เธอรู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นผู้หญิงที่มีความสุขที่สุดในโลก
“คุณอา ถ้าหาก ถ้าหากนะคะ ถ้าหากว่าเรามีลูกจริงๆ คุณยังจะคอยเอาอกเอาใจฉันแบบนี้อยู่ไหม? จะยังเหมือนกับตอนนี้ ที่รักฉันอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆอยู่ไหมคะ?”
ธามนิธิดันเธอออกเล็กน้อย ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “ฉันทำอะไรลงไป เธอถึงมีความคิดแบบนี้ขึ้นมาได้?”
เธอหัวเราะ ก่อนจะจงใจทำสีหน้ากังวลขึ้นมา “ก็คนเขาเป็นกังวลนี่คะ? กลัวว่าถ้าคุณมีลูกขึ้นมาแล้วจะลืมแม่ของเด็ก!”
ได้ยินดังนั้น ธามนิธิก็ลูบหัวเธอไปมาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ไม่มีทาง! ฉันไม่มีทางลืมแม่ของเด็กได้แน่! ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังเอาอกเอาใจเธอไม่พออีกหรือ? ทุกครั้งที่มีข่าวลือเกี่ยวกับเธอ ฉันไม่เคยจะเชื่อเลยสักครั้งใช่ไหม? กลับเป็นเธอต่างหาก ทุกครั้งที่เห็นฉันอยู่กับผู้หญิงคนอื่น ก็…”
ปาณีเอ่ยค้านอย่างไม่ยินยอม “มีที่ไหนกัน?”
หลังจากนั้นเธอถึงค่อยมองเห็นสายตาหยอกล้อของคุณอา และพยายามออกจากอ้อมอกของเขาอย่างไม่พอใจ
แต่กลับถูกเขารัดไว้ในอ้อมกอดแน่นยิ่งขึ้น “เธอจำไม่ได้แล้ว? แต่ฉันกลับจำได้แม่น! ตอนนั้น ฉันกับทยาติกินข้าวไปมื้อหนึ่ง ใครบางคนก็หึงจนโมโหใส่ฉันใหญ่ เธอจำไม่ได้แล้วหรือ? แถมเธอยังมีครั้งก่อนนู้น ที่ได้ยินข่าวลือเรื่องของนลิน แล้วมาขอหย่ากับฉัน….. ”
ได้ยินคุณอาพูดถึงเรื่องโง่เขลาที่ตนเองทำลงไป ปาณีทนฟังไม่ไหวจนต้องร้องออกมา “หยุดค่ะ!”
หลังจากสบเข้ากับสายตาหยอกล้อของคุณอา ปาณีก็เอ่ยประจบเอาใจเขา “คุณอา อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ นิสัยอย่างคุณ ไม่เหมาะกับทำเรื่องพวกนี้….”
“เรื่องพวกนี้?”
“เรื่องจุกจิกหยุมหยิมของพวกผู้หญิง! คุณออกจะเป็นผู้ชายอกสามศอก! ดังนั้น พวกเราอย่าพูดเรื่องพวกนี้กันเลยนะคะ?”
ธามนิธิหัวเราะ เขาโน้มตัวลงไปและเอ่ยเสียงทุ้ม “อย่างนั้นพวกเรามาพูดเรื่องลูกกันดีกว่า…..”
พูดจบ เขาก็เห็นได้ชัดว่าใบหูของเธอแดงก่ำขึ้นมาทันทีและแผ่กระจายไปทั่วหน้า เขาหัวเราะและลุกขึ้นมาเดินไปเข้าห้องน้ำ
ปาณีที่ถูกหยอกล้อ หน้าแดงอยู่สักครู่ถึงค่อยๆจางลง เธอค้นพบว่าคุณอาเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านแล้วเรียบร้อย จนลืมไปว่าตนเองนั้นกำลังเขินอายอยู่ เธอเอ่ยถามอย่างยิ้มๆ “คุณอา วันนี้ไม่ไปบริษัทหรือคะ?”
ธามนิธิส่ายหน้า “วันนี้ไม่ไปแล้ว! วันนี้ตอนบ่ายฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอ เธอมีเรื่องอะไรอยากทำเป็นพิเศษไหม ตั้งแต่ที่พวกเราแต่งงานกันมา ฉันไม่เคยอยู่ทำเป็นเพื่อนเธอ?”
ปาณีได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียง เย้ อย่างยินดีออกมา หลังจากนั้นก็นั่งคิดว่ายามบ่ายนี้จะทำอะไรดี? ในเมื่อคุณอาหยุดพักผ่อนตอนบ่าย นี่ถึงเป็นเรื่องที่นานๆจะเกิดขึ้นได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
คิดไปคิดมา เธอค่อยๆตัดตัวเลือกออกไปทีละข้อๆ ก่อนจะส่ายหน้าและเอ่ยอย่าเหงาหงอย “ฉันไม่รู้เลยค่ะว่าควรทำอะไร? คุณอา มีอะไรแนะนำบ้างไหมคะ?”
ผ่านไปชั่วครู่ เธอถึงค่อยได้ยินคุณอาเอ่ยเสียงทุ้ม “บ่ายนี้พวกเราไปดูหนังกันเถอะ ดูเหมือนว่าวันนี้จะมีหนังดังเข้ามาเรื่องหนึ่ง”
“หา?” ปาณีถึงกับนิ่งไป “คุณอา เมื่อกี้คุณพูดว่าอะไรคะ? ดูหนัง? คุณกับฉันหรือคะ?”
ถูกภรรยาสงสัยแบบนี้ขึ้นมา สีหน้าของธามนิธิก็แปรเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ “ไม่งั้นเธอคิดจะไปดูกับใคร? เวทัส หรือว่าจำรัส?”
ปาณีเอ่ยอธิบายขึ้นมาอย่างอ่อนใจ “คุณอา! ฉันไม่ได้คิดจะไปดูกับใครทั้งนั้น เพียงแต่รู้สึกแปลกใจก็เท่านั้น วันนี้คุณจู่ๆนึกครึ้มชวนฉันไปดูหนัง ฉันเลยรู้สึกเซอร์ไพรส์ตะลึงไปเลย!”
พูดเสร็จ เธอยังคงเห็นเขามีท่าทีไม่ยอมเชื่อในคำพูดของตน ปาณีจึงเอ่ยอย่างอ่อนใจ “ถ้าอย่างนั้นบ่ายนี้พวกเราไปดูหนังกันเถอะค่ะ ดีไหมคะคุณอา?”
“เรียกว่าสามี!”
“สามี พวกเราไปดูหนังกันเถอะ!”ปาณีเอ่ยเสียงดัง
แบบนี้ ธามนิธิถึงค่อยๆมีสีหน้ากลับมาเป็นปกติดังเดิม แต่ก็ยังคงแฝงความไม่พอใจอยู่บางส่วน
ปาณีเอ่ยปลอบเขาไปครู่ใหญ่ แต่ท่าทีของเขาก็ยังคงไม่ยินดีขึ้นมาเช่นเดิม ทำเอาเธอหมดความอดทนและเอ่ยถามเขาขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว “ไหนคุณพูดมาสิ ว่าทำยังไงคุณถึงจะยอมยกโทษให้ฉัน?”
ธามนิธินิ่งคิด ก่อนจะเอ่ยข้างๆหูเธอเสียงเบา “เธอต้องตกลงเงื่อนไขข้อนึงกับฉัน!”
ปาณีแทบอยากจะปฏิเสธออกไป แต่พอมองคุณอาที่ยื่นหน้าเข้ามา เธอก็เปลี่ยนความคิด “ก็ได้ค่ะ คุณพูดออกมาสิคะ ฉันจะฟังดู แต่ถ้าหากไม่สมเหตุสมเหตุเกินไปล่ะก็ ฉันไม่ตกลงกับคุณด้วยแน่”
ธามนิธินิ่งเงียบไปครู๋หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา “ได้ ฉันรับปากเธอ!”
แต่หลังจากที่เธอฟังคำขอของธามนิธิ ปฏิกิริยาแรกที่เธอทำก็คือปฏิเสธอย่างเคร่งเครียด “ไม่ได้! ข้อตกลงของคุณอวยประโยชน์ให้คุณอยู่ฝ่ายเดียวชัดๆ ฉันขอค้าน!”
แต่ธามนิธิกลับทำแค่เดินไปยังหัวเตียงอย่างสงบนิ่ง หลังจากนั้นก็ชี้ไปยัง “ข้อตกลงบทที่สาม”ที่แปะอยู่บนผนังห้อง แล้วเอ่ยเสียงเบา “ฉันยังตอบรับคำขอของเธอเลยนะ!”
ปาณีแทบอยากจะเอ่ยปกป้องตัวเองออกมา แต่ก็ยังมีความอดทนได้ไม่เท่ากับเขา ดังนั้นเธอเลยได้แต่ตอบรับคำขอ “อันน่าอัปยศ”พวกนั้น!
ธามนิธิเดินลงชั้นล่างไปอย่างสมใจ และยังไม่วายหันมาเตือนภรรยาตัวน้อยของตน “ฉันไปรอเธอข้างล่าง เธอทำใจเบิกบานได้เมื่อไหร่ก็ลงมาหาฉันแล้วกัน”
ปาณีเอามือกุมหน้า ไม่อยากจะมองท่าทีโอ้อวดของเขาเลยสักนิด จู่ๆจิตใจก็รู้สึกสังกะตายขึ้นมาไม่น้อย “ทำไมน่ะหรือ? ข้อแรก ถ้าหากเขาต้องการ ภรรยาจะต้องให้ความร่วมมืออย่างไม่มีเงื่อนไข!ส่วนข้อสอง ให้กลับไปดูข้อแรก!”
ปาณีอดนึกไปถึงภาพที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เหล่านั้นแล้วหน้าแดงก่ำขึ้นมาไม่ได้ ผ่านไปชั่วครู่ เธอล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอยู่ยกใหญ่ ถึงค่อยๆลดอุณหภูมิบนหน้าลงมาได้ แต่ใบหน้าของเธอก็ยังมีรอยแดงจางๆอยู่ดี
จนกระทั่งเธอเดินลงไปชั้นล่างและเผชิญหน้ากับใบหน้ากึ่งยิ้มของเขา จู่ๆก็รู้สึกอายจนต้องก้มหน้าเดินผ่านเขาไปโดยไม่หันขึ้นมามอง
หลังจากนั้นเธอยังต้องเผชิญหน้ากับฐิติพรที่มีสายตาอันปราดเปรื่องยิ่งกว่าใคร เธอหัวเราะและเอ่ยเสียงต่ำ “แม่”
ฐิติพรมองดูเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะยื่นมือเข้ามากุมมือปาณีเอาไว้ด้วยความรักใคร่ และเอ่ยยิ้มๆ “ออกไปกับธามนิธิ เที่ยวเล่นให้สนุกนะลูก! เดิมทีก็เป็นวัยหนุ่มสาวสมควรไปเที่ยวเล่น อย่าไปอาย นี่ถ้าแม่เด็กกว่านี้สักสิบปี คงไปกับพวกเธอด้วยแล้ว!
ปาณีหัวเราะและเอ่ยตอบ “แม่คะ แค่นี้แม่ก็ดูอายุไม่ต่างจากหนูเท่าไหร่? เกิดเด็กลงกว่านี้สิบปีขึ้นมา หนูจะทำยังไงดีคะเนี่ย?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เด็กคนนี้นี่ พูดจาอะไรไม่รู้!”ฐิติพรถูกปาณียกยอจนอารมณ์ดีเสียยิ่งกว่าอะไร “เอาเถอะ รีบออกไปได้แล้ว อย่าลืมระมัดระวังตัวหล่ะ! ธามนิธิ ลูกต้องปกป้องปาณีให้ดี เข้าใจไหม?”
ธามนิธิพยักหน้าและยื่นมือออกไปหาเธอ จากนั้นเธอก็คล้องแขนเขาเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติและเดินออกไปจากบ้านด้วยกัน
เมื่อมองไปที่เงาของผู้หญิงที่แสนอ่อนน้อมและมีพรสวรรค์อย่างปาณี ฐิติพรหุบยิ้มแทบจะไม่อยู่และนึกไปถึงคนรุ่นที่สามที่จะมาเกิดในไม่ช้า เธอก็ตะโกนไปที่ครัวทันที “ลำมุง ออกมาหน่อยสิ”
น้าลำมุงเดินออกมาและมองเห็นว่าฐิติพรกำลังถือสมุดอยู่เล่มหนึ่ง และเอ่ยถาม “อะไรบ้างที่ต้องใช้ตอนเด็กเพิ่งเกิด? ลูกสะใภ้ของเธอไม่ได้เพิ่งมีลูกหรือ? เธอมีประสบการณ์แล้ว บอกฉันหน่อยสิ! ”
น้าลำมุงนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยถามอย่างยินดี “หรือว่าปาณีเธอ….”
ฐิติพรพยักหน้าอย่างมีความสุข “เฮ้อ ยังไม่แน่นอนหรอก! แต่ฉันว่าน่าจะสักแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นน่า! เธอรีบบอกฉันมาเร็ว ว่าเด็กเล็กๆต้องใช้อะไรบ้าง ฉันจะได้เตรียมไว้ล่วงหน้า!”
ตอนที่863 ถูกตี
เณศราเดินตามแม่ของตนมายังบ้านวิสิทธิ์เวชได้ยินเสียงฐิติพรและน้าลำมุงกำลังหัวเราะกันอย่างมีความสุข ผาณิดารีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็วและเอ่ยถามอย่างยิ้มแย้ม “มีอะไรกันเนี่ย? มีเรื่องดีอะไร รีบบอกให้ฉันฟังบ้าง ฉันก็อยากยินดีด้วย?”
เณศราเดินหัวเราะเข้าไป และพูดอย่างมีจริตจก้าน “นั่นสิคะ เณศก็อยากฟังด้วยเหมือนกัน มีข่าวดีอะไรกันคะเนี่ย คุณป้าถึงได้อารมณ์ดีขนาดนี้! ราวกับว่าอายุเด็กลงสักสิบปี!”
ฐิติพรหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่ขาดปาก มองดูผาณิดาและเณศรา ก่อนจะเอ่ยชม “เธอสอนมาดี! เห็นยัยเณศปากหวานแบบนี้ ไม่รู้ว่าคุณชายบ้านไหนจะได้เธอกลับไปน้า!”
ผาณิดาเอ่ยตำหนิ “เธอดีแล้วที่ไหนกัน! ทำตัวอย่างกับลิง! อ้อใช่ เธอยังไม่บอกเลย ว่าสรุปแล้วมีเรื่องน่ายินดีอะไร?”
ฐิติพรหัวเราะและเอ่ย “คือว่า ดูเหมือนปาณีกำลังจะมีแล้วหน่ะ!”
ผาณิดาอุทานอย่างเซอร์ไพรส์ “จริงหรือ? ดีจริงๆ! ฉันรอเด็กคนนี้มาตลอด นี่ก็เป็นเวลานานแล้ว มาก็ดีแล้ว พวกข่าวลือเกี่ยวกับธามนิธิพวกนั้นจะได้เป็นแค่ลมปาก!”
ฐิติพรพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ใช่! พวกคนใจดำพวกนั้นเอาแต่พูดว่าธามนิธิมีปัญหา แบบนี้ถือเป็นการยืนยันว่าพวกเราบ้านวิสิทธิ์เวชไม่ใช่คนที่มีปัญหา!”
ผาณิดาพูดคุยหัวเราะอยู่กับฐิติพร ในขณะที่เณศรานิ่งคิด หลังจากนั้นก็รีบเดินออกไปอย่างรีบร้อย เธอหยิบมือถือขึ้นมาและกดสายโทรออกไป
โทรศัพท์ถูกรับอย่างรวดเร็ว เณศรารีบเอ่ย “นลิน! สรุปเธอไปเที่ยวอยู่ที่ไหนกันแน่?ทำไมป่านนี้ยังไม่กลับมาอีก?ฉันจะบอกอะไรเธอให้นะ ปาณีท้องแล้ว! ตอนนี้เธอกำลังจะกลายเป็นนายหญิงของบ้านวิสิทธิ์เวชอย่างสมบูรณ์แล้ว!”
ในสายมีน้ำเสียงตกใจลอยออกมา “อะไรนะ นี่เธอ ท้องแล้วหรือ?”
เณศราพยักหน้า เอ่ยเสียงต่ำ “ตอนนี้ฉันกับแม่อยู่บ้านวิสิทธิ์เวช คุณแม่ของธามนิธิเอาแต่หัวเราะไม่ขาดปาก เธอว่า มันเป็นเรื่องโกหกรึเปล่าหล่ะ?”
พูดจบ ก็นิ่งไปและเอ่ย “เธอรีบกลับมาหน่อยจะดีกว่า?”
หลังจากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงแม่ของตนเอ่ยเรียกเสียงดัง “เณศรา! ไปอยู่ไหนแล้ว? ยังไม่รีบเข้ามาอีก?”
เณศรารีบตอบกลับ “กำลังไปค่ะแม่”
เธอรีบเอ่ยกับคนในสายอย่างรีบร้อน “เอาเถอะ ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว ฉันมีเรื่องจ้องรีบวาง ไม่ว่าจะยังไง รอเธอกลับมาแล้วค่อยว่ากันอีกที!”
จากนั้นเธอก็วิ่งเข้าไปในห้องด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะนั่งลงอย่างเรียบร้อยและนั่งฟังผาณิดากับฐิติพรพูดคุยกันไปมา บรรยากาศเป็นไปอย่างกลมกลืนกันอย่างยิ่ง
ในขณะที่หน้าโรงหนัง ธามนิธิกำลังมองปาณีที่อยู่ข้างๆ ท่าทีไม่สบอารมณ์นัก เขาอดลูบหัวเธออย่างอ่อนโยนไปมาไม่ได้ และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไร? ทำไมถึงท่าทางไม่พอใจอย่างนี้? หรือว่าพวกเราจะกลับกันดี?”
พูดจบก็ทำท่าจะเดินกลับไปทางเดิม
ปาณีมองแผ่นหลังของเขาด้วยท่าทางเสียดาย ก่อนจะตะโกนออกมา “คุณอา ฉันผิดไปแล้ว! พวกเราไปดูหนังกันเถอะค่ะ?”
ธามนิธิหัวเราะน้อยๆ แต่ยามที่หมุนตัวกลับมา เขาทำท่าทีเคร่งเครียดดังเดิม ก่อนจะถามอย่างสงสัย “เธอเตรียมตัวดีแล้วจริงหรือ? ถ้าหากเธอไม่อยากดูหนังจริงๆ พวกเราเปลี่ยนสถานที่ก็ได้ ฉันแค่อยากให้เธออารมณ์ดี ในเมื่อนานๆทีเราถึงจะได้มีโอกาสเดทกันสักครั้ง ใช่ไหม?”
มองดูคุณอาที่คิดแทนตัวเอง แต่คนกลับยังมานั่งคิดเรื่องนู้นนั่นนี่มากมากอยู่ ปาณีส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิด “ไม่ได้ ฉันอยากดูหนังเหมือนกัน พวกเราไปกันเถอะค่ะ”
พูดไป เธอก็คล้องแขนของเขาเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ และเอ่ยเสียงเบา “ความจริง นี่เป็นครั้งที่สองที่ฉันมาโณงหนัง! เป็นเพราะตั๋วหนังมันแพงเกินไปจริงๆ ฉันต้องทำงานเก็บเงินเอาไว้…”
พูดจบ ก็รู้สึกได้ถึงว่ามืออันอบอุ่นจากคนข้างๆกำมือเธอเอาไว้แน่น ทำเอาเธอหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่ “คุณอา คุณไม่ได้กำลังเห็นใจฉันอยู่ใช่ไหมคะ?”
ธามนิธิพยักหน้าลงอย่างแทบจะไม่ทันได้สังเกตเห็น ก่อนจะยิ้มและพาเธอไปที่จุดขายตั๋ว และเดินไปซื้อตัว “เธอรอฉันอยู่ตรงนี้ ฉันไปซื้อตั๋วก่อน”
ปาณีมองดูแผ่นหลังของเขาด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ “ฉันไม่เห็นจะสงสารตัวเองเลยสักนิด! บางทีอาจะเป็นเพราะครึ่งชีวิตที่ผ่านมาลำบากมามาก ตอนนี้ถึงค่อยมาเจอคนดีๆอย่างคุณอา อย่างที่คนเค้าพูดละน้า ‘ความโชคร้ายมีความโชคดี ในความโชคดีมีความโชคร้ายอยู่’ !”
หลังจากนั้นเธอที่กำลังรอคุณอาซื้อตั๋วอยู่อย่างไม่มีอะไรทำ จึงหันไปมองรอบๆ และบังเอิญเห็นชมนาดและเพื่อนผู้หญิงอีกจำนวนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้อย่างพอดี ปฏิกิริยาแรกของเธอคือคิดอยากจะหลบหลีกออกไป แต่ทุกอย่างดูจะไม่เป็นไปสักนิด เธอพูดชมนาดเรียกเอาไว้เสียก่อน
“แหม ปาณี จะวิ่งไปไหนจ้ะ? ตอนอยู่ที่ปักกิ่ง เธอไม่ใช่ออกจะใหญ่โตหรือไง เธอมีผู้ชายมีเงินมีเส้นมีสายเป็นคนหนุนหลังให้กับเธอ ก็เลยกล้าตีฉัน? บัญชีนี้พวกเรายังชำระกันไม่หมดนี่? เธอคิดหนีหรือไง?”ชมนาดเดินเข้ามาหาเธอ ในขณะที่เพื่อนของเธอล้อมตัวปาณีเอาไว้ที่มุมหนึ่ง
ถึงแม้จะเสียเปรียบ แต่ปาณีกลับไม่ได้กลัวแต่อย่างใด เธอเงยหน้าขึ้นและมองไปยังชมนาดที่ท่าทางอวดดีอย่างยิ่ง และพูดออกมาเสียงเย็น “ทำไม? ฉันวิ่งหนีอะไร? ขมนาด เธอมาที่เมืองชยุตได้ยังไง? อ้อยังมี ครั้งที่แล้วคนที่ตีเธอไม่ใช่ฉันสักหน่อย ทำไมฉันเห็นเธอแล้วจะต้องวิ่งหนีด้วยหล่ะ?”
ชมนาดหัวเราะเสียงเย็นออกมา และมองคนที่อยู่รอบๆตัว แต่ไม่กล้าเข้ามา ทันใดนั้นเธอก็เชิดหน้าขึ้นอย่างภาคภูมิและพูดกับผู้หญิงเหล่านั้นเสียงดัง “พี่สาวทั้งหลาย ช่วยสั่งสอนผู้หญิงที่ไม่รู้จักสูงจักต่ำคนนี้ให้ฉันสักหน่อย! ฉันจะบอกอะไรให้ ครั้งนี้ตรีวิทย์ช่วยเธอไม่ได้หรอก ต่อให้เป็นชู้รักของเธอก็ช่วยเธอไม่ได้!”
พูดจบ ผู้หญิงกลุ่มนั้นก็ล้อมเข้าใกล้ปาณีเข้ามา ปาณีรู้สึกได้ถึงความอันตราย จึงเดินถอยหลังไปอย่างไม่หยุด แต่เธอไม่รู้มาก่อนว่ามีถังดับเพลิงวางอยู่ด้านหลัง จนกระทั่งความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมาจนสีหน้าของเธอบิดเบี้ยวเป็นก้อนเดียวกัน
ชมนาดกับยังไม่รามือ เธอยกมือขึ้นอย่างเลือดเย็น ก่อนจะกวาดมือลงมาอย่างเกรี้ยวดกราด “ในเมื่อเธอให้ผู้หญิงคนนั้นมาตบฉัน? วันนี้ฉันจะต้องสั่งสอนเธอให้ได้สักที ให้เธอได้ลิ้มลองรสชาติการถูกตบตีเข้าให้เสียบ้าง!”
พูดยังไม่ทันจบ เสียง“เพี๊ยะ”ก็ดังขึ้น พร้อมๆกับใบหน้าของปาณีที่ถูกตบจนหันไปอีกข้าง
อย่างไม่ทันได้ระวังตัว ปาณีที่ถูกตบยังอยู่ในสภาพมึนงง เมื่อกี้นี้ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินไป ตอนนี้เธอขมวดคิ้วแน่นด้วยความเจ็บที่เกิดจากแผ่นหลังและถูกตบเข้าให้เต็มๆที่หน้าฉาดหนึ่ง
ปาณีคิดอยากตอบโต้ แต่กลับถูกคนฝั่งนั้นยึดกุมเอาไว้จนไม่สามารถหลุดพ้นออกมาได้
ในเมื่อหมดทางเลือก ปาณีจึงทำแค่เพียงหลับตาลงด้วยความอดทนและคิดในใจ “อย่างมากก็แค่โดนตบอีกสักที? เทียบกับที่ชมนาดถูกคนของเมธชนันขึ้นคล่อมตบเข้าให้แล้วยังเบากว่าเยอะ!”
ปลอบใจตัวเองได้เช่นนั้น แต่ปาณีกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดบนใบหน้าเข้าสักที เธอลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเห็นว่ามือของชมนาดถูกใครบางคนจับเอาไว้และค้างอยู่กลางอากาศ
ปาณีเอ่ยเสียงพึมพำ “คุณอา…..”
ธามนิธิเหลือบมองเธอด้วยสายตาเกรี้ยวกราดรอบหนึ่ง ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับชมนาดที่ร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ เขาเอ่ยเสียงเยียบเย็น “เธอมาตีภรรยาฉันทำไม?”
ชมนาดตาโตขึ้นมาทันที ไม่ร้องเจ็บปวดที่ข้อมืออีกต่อไป เธอมองปาณีที่อยู่ตรงหน้าและธามนิธิด้วยความตกใจ ก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างลังเล “เธอ เธอเป็นภรรยาคุณ?”
ธามนิธิส่งเสียง หึ ออกมาอย่างเย็นชา ถทอเป็นการยอมรับอย่างหนึ่ง
ชมนาดถึงค่อยมีปฏิกิริยากลับมา ก่อนจะพูดไปหัวเราะไป “เข้าใจผิด ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ฉันยังเข้าใจว่าเธอไปยั่วยวนตรีวิทย์ซะอีก….”
ตอนที่864 สั่งสอน
ธามนิธิสะยัดมือชมนาดออกอย่างแรง ก่อนจะเดินไปด้านหน้าของปาณีและเชยคางเธอขึ้นมา มองดูใบหน้าของเธอที่มีรอบประทับฝ่ามือแดงฉ่า ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ก่อนจะหมุนตัวกลับไปและมองดูชมนาดด้วยสายตาเยียบเย็น
ชมนาดถูกสายตาของเขาทำให้หวาดกลัวอย่างยิ่ง จากนั้นจึงมองเห็นว่าเขากำลังกำหมัดขึ้นมาแน่น เธอจึงร้องขึ้นมาทันใด “นั่น นั่นฉันไม่ได้ตั่งใจจริงๆ ฉันเข้าใจว่าปาณีหลงรักตรีวิทย์ ถึงได้ทำตัวเกินไปแบบนี้ ปาณี ฉันเข้าใจผิดไปแล้ว เธอช่วยพูดกับสามีเธอให้หน่อยได้ไหม?”
ปาณีถูกคุณอาที่กำลังโกรธจัดทำให้ตะลึงไป ผ่านไปชั่วครู่ถึงได้เสียงเรียกของชมนาดเข้ามาดึงสติ เธอมองดูชมนาดที่กำลังพยายามปกป้องตัวเองอยู่ ปาณีเอ่ยจวกเธออย่างโมโห “ฉันไปหลงรักตรีวิทย์ตอนไหนมิทราบ? ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เธอกุขึ้นมานินทาฉันทั้งนั้น!”
พูดจบ เธอก็เอ่ยกับธามนิธิเสียงต่ำ “คุณอา พอเถอะค่ะ หลังจากนี้เธอคงไม่กล้ามาหาเรื่องฉันอีกแล้ว…”
ชมนาดรีบพยักหน้าอย่างสุดซึ้ง นึกไปถึงครั้งที่แล้วที่เธอโดนคนของผู้ชายคนนั้นตบหน้าขึ้นมา เธออกพูดเสียงต่ำขึ้นมาไม่ได้ “ครั้งที่แล้วฉันถูกตบจนต้องนอนอยู่ในโรงพยาบาลเกือบเดือน ดังนั้น ยกโทษให้ฉันเถอะ ฉันรู้ตัวว่าผิดไปแล้ว!”
ธามนิธิได้ยินได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น และมองไปยังปาณี ใช้สายตาถามว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ปาณีนึกถึงท่าทางโหดเหี้ยมของเมธชนัน จึงเอ่ยเสียงเบา “ครั้งที่แล้วเธอใส่ร้ายว่าฉันตบเธอ! ผลลัพธ์คือเมธชนันไปหาคุณป้าคนหนึ่งมาตบเธอเข้าจริงๆ ไปถึงโรพยาบาลแล้วสั่งสอนเธอไปยกหนึ่ง
ธามนิธิตลึงไป ก่อนจะนิ่งเงียบอย่างใช้ความคิด และเอ่ยเสียงเบา “นี่เป็นนิสัยของชนันอย่างแน่นอน!”
หลังจากนั้นจึงเอ่ยกับชมนาดเสียงเย็น “หลังจากนี้ถ้าฉันเห็นพวกเธอรังแกภรรยาฉันอีก! ฉันจะทำลายกฎไม่ตีผู้หญิงลงไปซะ!”
พูดจบเขาก็เห็บสายตาเย็นชากลับมา จากนั้นจึงหันไปมองปาณีที่อยู่ด้านข้างอย่างร้อนลนและเอ่ยตะโกนเสียงเบา “เธอกล้ามาก! กล้ายอมให้ถูกคนตบตี แต่ไม่ร้องขอความช่วยเหลือ!”
ปาณีเอ่ยต่อเถียงอย่างไม่เชื่อฟังขึ้นมาชั่วขณะ “ร้องขอความช่วยเหลือน่าอายจะตายไป! ยิ่งกว่านั้น ยังไงซะฉันก็คือผู้หญิงของคุณ ธามนิธิ! ยังไงคุณก็ควรห้ามโมโหขนาดนี้?”
ธามนิธิที่เดิมโกรธจัด ถูกคำพูดของเธอทำให้อ่อนลงมา เขามองรอยฟกช้ำที่ชัดเจนบนใบหน้าเธอด้วยความเจ็บปวด และพูดเอ่ยอย่างเกลียดชังว่า “จริงๆเลย เมื่อกี้ฉันควรตบเธอกลับไปสักที”
ปาณีหัวเราะพรูดออกมา แต่ไม่ทันระวังจึงกระทบไปถูกมุมปากจนความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมา แต่ก็ยังคงยิ้มไปเอ่ยไป “พอเถอะค่ะ! อย่าเป็นแบบนี้เลย! เธอไม่คู่ควรให้คุณลงมือหรอก! ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากคุณลงมือฉันคงถูกนายพลนรเทพตำหนิ! นายพลนรเทพจะต้องคิดว่าฉันเป็นคนสอนให้คุณทำเรื่องแย่ๆแน่”
พูดถึงจอมพลนรเทพ ธามนิธิก็นิ่งคิด ก่อนจะพยักหน้า “พรุ่งนี้เธอหยุดเรียน ไปปักกิ่งกับฉันดีกว่า”
เธอตามเขาไม่ทัน ผ่านไปชั่วครู่ถึงค่อยมีท่าทีตอบสนองขึ้นมา “อะไรนะคะ?”
ธามนิธิหัวเราะและพูดย้ำใหม่อีกครั้ง “ฉันบอกว่าพรุ่งนี้ให้เธอไปปักกิ่งเป็นเพื่อนฉัน!”
ปาณีนิ่งคิดและพยักหน้า “ก็ได้ค่ะ ฉันก็อยากไปหาพลอยเหมือนกัน!”
ธามนิธิหัวเราะก่อนจะกุมมือเธอไว้และเข้าไปดูหนังด้วยกัน
หนังฉายเสร็จสิ้น ธามนิธิมองดูถึงน้ำตาข้างๆที่กำลังสูดน้ำมูกอยู่ แอบสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าหนังที่ตนเองเลือก ที่แท้เป็นหนังรักจริงหรือไม่
ปาณีกลับประทับใจจนนั่งอยู่ตรงนั้นและเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาไม่อยู่ “นางเองน่าสงสา! พระเอกสุดท้ายแล้วลิมเธอจนหมด สูญเสียความทรงจำ มันน่าเศร้าที่สุดท้ายแล้วคนที่จดจำเรื่องทั้งหมดได้มีแค่นางเอกคนเดียว!”
ธามนิธิ “……”
ก่อนจะใช้แรงบังคับให้เธอที่กำลังปวดใจอยู่เดินออกจากโรงไปพร้อมๆกัน
มองดูขนมที่คนถือผ่านไปมา ไม่รอให้ปาณีอยากได้ เขาตรงไปซื้อมาและยื่นไปให้เธอ ก่อนจะเห็นว่าคนที่เมื่อกี้เพิ่งจะเศร้าเสียใจอย่างยิ่ง จู่ๆก็ลืมตอนจบของหนังไปเสียหมดและรีบกินขนมอย่างรวดเร็ว “พลังของอาหารช่างแกร่งกล้าจริงๆ”
ปาณียังไม่ทันได้ฟังชัดเจน “คุณอา พูดว่าอะไรนะคะ? ฉันได้ยินไม่ชัด”
ธามนิธิหัวเราะและช่วยเธอเช็ดซอสที่เลอะมุมปากออก และเอ่ยกับเธออย่างยิ้มๆ “ฉันบอกว่า อาหารมีผลต่อเธอมากเสียยิ่งกว่าฉันอีก”
ได้ฟังดังนั้น ปาณีจึงยื่นขนมที่เหลือไปให้เขา ก่อนจะเดินนำหน้าเขาไปทันที ธามนิธิรีบเดินตามเธอไป เขามองดูเธอที่กำลังงอน และเอ่ยขึ้นมาอย่างเกินจริง “กลิ่นหอมจัง เธออยากดื่มชานมไหม?”
ปาณีได้กลิ่นชานมอันหอมหวนด้วยเช่นกัน แต่เมื่อกี้คุณอาเพิ่งจะทำลายความมั่นใจของเธอลง เธอจึงเอ่ยปฏิเสธอย่างหนักแน่น “ไม่เอา แล้วก็อย่ามาคุยกับฉันด้วย ฉันไม่สนใจคุณหรอก? ในเมื่อคุณเพิ่งจะทุบทำลายฉัน หึ!”
มองดูปาณีที่กำลังมีอารมณ์ ธามนิธิยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ จากนั้นก็เดินตรงไปยังร้านชานมและซื้อมาหนึ่งแก้วก่อนจะยัดเข้าไปในมือของเธอ ก่อนจะเอ่ยอธิบายเสียงต่ำ “เมื่อกี้กลัวว่าเธอจะทานเยอะไป ไม่ดีต่อกระเพาะ”
สีหน้าของปาณีแปรเปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะและเอ่ยต่อว่า “จะเป็นไปได้ยังไงคะฦ”
ได้ยินเช่นนี้ ธามนิธิเลยเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ใครกันที่ครั้งก่อนที่ต้องเข้าโรงพยาบาล? ฉันหรือเปล่า?”
เธอโมโหขึ้นมาทันที “คุณอา คุณเลิกเติมเกลือลงบาดแผลสักทีได้ไหมคะ! ฉันไม่เป็นที่นิยมในสายตาคุณขนาดนั้นเลยหรือไง? จริงๆเลย!”
มองดูเธอที่ถูกตนเองแหย่จนโมโห ธามนิธิหัวเราะอย่างอบอุ่นอย่างยิ่ง ก่อจะกุมมือที่ว่างเปล่าของเธอเอาไว้และเอ่ยขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “ฉันแค่อยากใช้ชีวิตที่เหลือเดินไปกับเธอตลอดไป…”
ดวงตาสองข้างของปาณีเป็นประกายขึ้นมา “คุณอา คุณ….”
ธามนิธิไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ และกุมมือเธอเดินไปอย่างเงียบๆ และคอยกันเธอเอาไว้จากคนที่เดินผ่านไปมา
เผชิญกับท่าทีปกป้องใส่ใจจากเขาเช่นนี้ ปาณีรู้สึกซาบซึ้งจนอดเงยหน้าขึ้นไปแอบมองเขาอยู่บ่อยๆไม่ได้ ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาหล่ออย่างยิ่ง “คุณอา ทำไมคุณถึงหล่อจนาดนี้คะ? ฉันรู้สึกมองคุณยังไงก็มองไม่พอ!”
ธามนิธิกลับถลึงตาใส่เธอรอบหนึ่ง “ฉันยังจำได้ถึงสามีของคนอื่นอีกมากมายๆ คล้ายๆกับดาวตก ฉันเทียบกับพวกเขาแล้วอยู่ตรงไหนในใจเธอ?”
เธอเงยหน้าขึ้น มองดูคนที่คิ้วกำลังขมวดน้อยๆด้วยความหึง จากนั้นเธอก็เขย่งเท้าขึ้นและจูบเขาไปฟอดหนึ่ง ก่อนจะกอดชานมและวิ่งออกไป!
ธามนิธิชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเตือนเสียงดัง “ปาณี! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! ช้าๆหน่อย!”
แต่เธอก็ยังคงมุ่งหน้าวิ่งต่อไปไม่หยุด ช่วยไม่ได้ เขาจึงจำเป็นต้องวิ่งจาม ทั้งสองดูราวกับเด็กนักเรียบที่กำลังเล่นไล่จับ
เสียงยั่วยุของปาณีต่อธามนิธิสามารถได้ยินได้เป็นครั้งคราว แน่นอนว่ามันตามมาด้วยเสียงคำรามต่ำของธามนิธิอย่างขาดไม่ได้ ดูยุ่งเหยิ่งแต่ก็ดูกลมกลืนอย่างยิ่ง
ยามดึกสี่ทุ่ม ทั้งคู่ถึงค่อยกลับมาถึงบ้าน มองดูในบ้านที่มืดสนิท ทั้งคู่จึงจูงมือกับเดินขึ้นไปชั้นบนอย่างเงียบๆ
ธามนิธิไม่ทันระวังจึงเตะเข้าถูกโต๊ะน้ำชาเข้าให้ และถูกปาณีดุเข้ารอบหนึ่ง “คุณอา เบาหน่อยค่ะ แม่กำลังนอนอยู่”
พูดจบ ก็ทำตัวราวกับหัวขโมยและเดินย่องขึ้นไปชั้นบนอย่างช้าๆ
เดิมธามนิธิไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ แต่ก็ทนความดื้อดึงของปาณีไม่ไหวและยิ่งไปกว่านั้นเขาจะต้องทำตัวเป็นสุภาพบุรุษ จนกระทั่งทั้งคู่เกินเข้าไปในห้องนอน ทันใดนั้นเสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น พร้อมๆกับไฟในห้องที่สว่างขึ้นมา
ฐิติพรเดินตรงมาหาพวกเขา “ทำไมกลับมาดึกขนาดนี้?”
ปาณีอธิบายอย่างรู้สึกผิด “จ้องโทษหนูค่ะ อยากจะไปเดินดูของในห้างสักหน่อย สุดท้ายคือมืดอีกแล้ว! แม่คะ หนูปลุกแม่ตื่นรึเปล่า?”
ฐิติพรส่ายหน้า ก่อนจะกวักมือเรียกเธออย่างตื่นเต้น “ปาณี มานี่…”
ตอนที่865 ผลรายงานผิดพลาด
พูดจบ ฐิติพรก็หยิบรูปภาพสวยงามขึ้นมา ทั้งหมดล้วนเป็นข้าวของเครื่องใช้สำหรับทารก “ปาณี รีบมาดูเร็ว บนนี้มีของที่ชอบไหม!พวกเราซื้อมาให้หมด! แบบนี้ถึงจะได้เตรียมตัวให้พร้อม สำหรับสมาชิกใหม่ที่กำลังจะมา….”
จู่ๆปาณีก็รู้สึกว่าหน้าผากของตนดำมืดขึ้นมา เธอเงยหน้ามาขอความช่วยเหลือจากคุณอาอย่างเสียไม่ได้
แต่ยังไม่ทันที่ธามนิธิจะได้เอ่ยปากกลับถูกฐิติพรห้ามไว้เสียก่อน “พวกผู้ชายอย่างลูก ไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้ อย่ามาเกะกะวุ่นวายแถวนี้ ไป แม่จะคุยกับปาณี!”
เจอเข้าแบบนี้ เขาจึงทำได้แค่สงสายตาให้กำลังใจไปยังปาณี ก่อนจะหมุนตัวและเดินเข้าห้องนอนไป
ปาณีได้แต่บ่นเขาในใจ “คุณอา ทำไมเลือดเย็นแบบนี้ ปล่อยให้ฉันอยู่คนเดียว?”
ฐิติพรเอ่ยเรียกเธออยู่หลายครั้ง “ปาณี ชุดนี้เป็นยังไง? พวกนี้เป็นร้านที่ลำมุงซื้อให้หลานของเธอ ของพวกนี้รับประกันคุณภาพ …..หรือว่า พวกเราจะลองดูร้านอื่นด้วยดี ในเมื่อเป็นรุ่นสามของตระกูลเรา จะใช้ของไม่ดีไม่ได้!”
มองดูแม่ที่พูดเองตอบเอง ปาณีเอ่ยขึ้นมาอย่างระมัดระวัง “แม่คะ ตอนนี้พูดถึงเรื่องพวกนี้จะไม่เร็วไปหน่อยหรือคะ? พูดไปแล้ว ตอนนี้เรื่องที่หนูท้องยังไม่ได้ยืนยันแน่ชัด พวกเรารอจนผลทดสอบออกมาแล้วค่อยมาคุยกันก็ยังไม่สายนะคะ?”
ฐิติพรกลับตบที่หน้าอกตัวเองและเอ่ยอย่างมั่นใจ “ไม่ผิดพรากแน่ ประจำเดือนเดือนที่แล้วของหนูยังไม่มา ฉันเดาว่าต้องแน่นอนแล้วแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แน่!”
จากนั้นจึงดึงมือของปาณีเอาไว้และเอ่ยอย่างตื้นตัน “หนูรู้ไหมว่าแม่ไม่ได้อุ้มเด็กเล็กๆมานานแค่ไหนแล้ว? เกือบยี่สิบปีก่อน ตอนที่ธามนิธิยังเด็ก ตอนนี้มานั่งคิด ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว แม่คิดถึงตอนที่พวกเขาพี่น้องยังเล็กๆอยู่จริงๆ ”
ปาณีเงยหน้าขึ้น และมองดูฐิติพรที่ดวงตาฉาบไปด้วยน้ำใสๆ ทันใดนั้นเธอจึงเอ่ยเสียงเบา “แม่….”
ฐิติพรหัวเราะและปาดน้ำตา ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “จริงๆเลยน้า พอคิดถึงเด็กเล็กๆนุ่มนิ่มขึ้นมาก็…..ปาณี หนูอย่าหัวเราะเยาะแม่นะ..”
ปาณีหัวเราะและเอ่ย “จะเป็นไปได้ยังไงคะ? ที่แม่เป็นแบบนี้ก็เพราะชอบเด็กๆ! พูดไปแล้ว หนูชอบคนที่มีความรู้สึกแบบแม่มากจริงๆนะคะ”
ฐิติพรหัวเราะเสียงชอบใจก่อนจะดึงมือเธอเข้ามาและจับไว้ไม่ปล่อย “ปาณี แม่ชอบหนูมากจริงๆ รักหนูเหมือนลูกคนหนึ่ง! ตอนนี้สิ่งที่แม่หวังไว้มากที่สุด ก็คือการที่ได้อุ้มลูกของหนูกับธามนิธิ แค่นี้แม่ก็รู้สึกไม่เสียดายอะไรแล้ว!”
ปาณีรีบเอ่ย “แม่ อย่าพูดแบบนี้เลยค่ะ หนูกับธามนิธิตัดสินใจแล้วว่าจะมีลูก เพราะฉะนั้นแม่ต้องดูแลตัวเองดีๆ ลูกของเรากำลังรอให้คุณย่ามาป้อนขนมอยู่นะคะ”
คำพูดนี้ทำให้ฐิติพรที่ยังคงมีความเศร้าใจอยู่บ้างกลับมาอารมณ์ดีได้สำเร็จ “แน่นอน แน่นอน ย่าคนนี้จะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับหลานของย่าแน่นอน…”
รอจนกระทั่งปาณีขึ้นไปชั่นบนก็เป็นเวลาเกือบสองทุ่มแล้ว มองดูคุณอาที่เปลี่ยนเป็นชุดนอนแล้วเรียบร้อยกำลังนอนเล่นไอแพดอยู่บนเตียง เธอเอ่ยอย่างอารมณ์เสียและคาดโทษเขา “คุณอา คุณมันคนไร้น้ำใจ ทิ้งให้ฉันอยู่คนเดียว รู้ไว้ด้วยว่าหลานที่แม่อยากอุ้ม ฉันใช่ว่าจะทำออกมาได้คนเดียวสักหน่อย!”
ธามนิธิกวาดตามองเธอและไม่ได้ส่งเสียงแย้ง
ปาณีจึงบ่นต่อไป บ่นจบก็เข้าไปอาบน้ำ จากนั้นจึงเดินไปยังเตียงพร้อมๆกับเช็ดผมที่ยังไม่แห้งบนศรีษะไปด้วย
ในขณะนั้นเอง พอเห็นปาณีขึ้นมาบนเตียง ธามนิธิก็วางคอมพิวเตอร์ลง ก่อนจะมุดเข้าไปในเตียงด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องของปาณีดังขึ้น “คุณอา ทำอะไรคะเนี่ย? มือ มือ….”
“คุณอา เท้ากำลังทำอะไรหน่ะ?”
“คุณอา จักจี้….จักจี้จริงๆนะคะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! พอเถอะค่ะ?”
……..
สุดท้าย ปาณีถูกจบพลิกตัวไปมาจนจวนจะรุ่งสาง เธอที่หมดเรี้ยวหมดแรง จำแทบไม่ว่าตนเองคุยอะไรกับคุณอาไปก่อนที่จะหลับ
“คุณอา ทำไมอยู่ดีๆถึงได้กระตือรือร้นขึ้นมาขนาดนี้คะ?”ปาณีกลั้นลมหายใจไว้ และเอ่ยถามเสียงเบาหวิว
ธามนิธิค่อยๆลูบผมที่ยังชื้นของเธอและเอ่ยเสียงทุ้ม “ฉันพยายามทำตามความปรารถนาของแม่เป็นจริง ปาณี เรามามีลูกกันเถอะ!”
หลังจากนั้นปาณีก็จำได้ไม่แน่ชัดว่าตนตอบรับไปหรือไม่ และถูกเขาโอบอุ้มเข้าสู่คลื่นแห่งความรักอีกรอบ อย่างไม่สามารถหลุดพ้นออกไปได้
ดังนั้นในเช้าวันถัดมา บ้านวิสิทธิ์เวชจึงเห็นภาพปาณีกำลังวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรีบร้อนเพราะใกล้จะสายแล้ววนมาอีกครั้ง
ครั้งนี้ ปาณีรู้สึกได้ว่าอาจาร์ยฝ้ายนั้นมีความผิดปกติออกไปจากเดิม หากเป็นเมื่อก่อนเวลาเธอมาเรียนสาย เธอมักจะต้องถูกเขาสั่งสอนอย่างโหดร้ายอยู่สักรอบ
แต่วันนี้เธอมาเข้าห้องเรียนพร้อมๆกับเสียงระฆังที่ดังขึ้น แต่อาจาร์ยฝ้ายกลับทำเพียงแค่เหลือบมองเธอก่อนจะเอ่ยกับเธออย่างยิ้มๆ “ปาณี มาแล้วหรือ? รีบเข้ามา!มัวแต่ยืนตะลึงทำไม?”
ฟังอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปหาหลินเหว่ยผู้ฟังอย่างถี่ถ้วนแล้วถามว่า “คุณหลินมีอะไรผิดปกติในวันนี้ฉันจะคิดว่าเธอมองมาที่ฉันแปลก ๆ ได้อย่างไร?
หลังจากนั้นเธอจึงเดินไปหาโมรีที่กำลังโบกมือให้อยู่อย่างมึนงงและนั่งลงไป อาจาร์ยฝ้ายยังหันมามองเธออย่างเป็นพิเศษอีกรอบหนึ่ง มองเห็นว่าเธอพร้อมแล้วจึงเอ่ย “นักเรียน วันนี้หัวข้อที่เราจะเรียนคือ……”
ปาณีฟังไปสักพัก ก่อนจะไปด้านข้างและหันไปถามโมรีที่กำลังนั่งฟังอย่างจริงจัง “วันนี้อาจารย์อาจาร์ยฝ้ายเป็นอะไร? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอมองฉันอย่างแปลกๆ”
โมรีแสดงสีหน้าแปลกใจออกมาและเอ่ยถามเสียงเบา “นี่เธอไม่รู้หรอกหรือ ว่าเธอดังทั่วมหาลัยอีกแล้ว!”
พูดจบก็เปิดมือถือและเปิดหน้าเพจให้ปาณีดู “เธอดูเอาเอง! ยินดีด้วย เพื่อนปาณี เธอกลายเป็นดาวเด่นของมหาลัยชยุตไปแล้ว!”
ปาณีรับมือถือมาด้วยความสงสัยและพูดพึมพำ “เรื่องมันใหญ่โตขนาดนั้นเลยหรือ? ก็แค่คุณอากับแม่มาที่มหาลัยก็เท่านั้น? ไม่เห็นจะต้องตื่นเต้นสักหน่อย”
แต่พอเปิดดูหัวข้อข่าว ปาณีก็อยู่ไม่สุขอีกต่อไป “อะไร ‘’แม่สามีโกรธแทนเธอ! สามีประธานบริษัท คอยไปรับไปส่ง! ทำเอาพวกเราได้แต่คิด! ว่าที่แท้ฉันทำอะไรลงไป พวกเขาถึงได้ใจร้ายต่อฉันนักฦ”
ยิ่งดูก็ยิ่งโมโห โมรีที่นั่งอยู่ด้านข้างมองเธออย่างเห็นอกเห็นใจ “ปาณี เธอไม่เป็นไรใช่ไหม?”
จู่ๆปาณีก็เอ่ยขึ้นมาเสียงดัง “จะไม่เป็นไรได้ยังไง? พวกเขาใจร้ายไปแล้ว ที่ผ่านมาฉันไม่เคยแม้แต่จะซื้อเสื้อผ้าแบรนด์เนมสักกะตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงกระเป๋าแพงๆเลยด้วยซ้ำ!”
ทันใดนั้น ห้องเรียนทั้งชั้นรวมถึงอาจาร์ยฝ้าย ก็หันมามองดูเธอเป็นสายตาเดียวกัน
โมรีรีบดึงเธอเอาไว้ และเอ่ยเตือนเสียงเบา “ปาณี ตอนนี้ยังอยู่ในห้องเรียนนะ!”
ปาณีหัวเราะอย่างเก้อเขิน และนั่งลงมาอย่างซื่อสัตย์ แม้ว่าเธอจะไม่พอใจที่เธอขัดจังหวะการเรียน แต่เธอก็พูดว่า “โอเคมาเรียนต่อ…”
ปาณีระงับความรู้สึกลงและนั่งคิดไปถึงข่าวที่ไม่เป็นความจริงเหล่านั้น ในใจรู้สึกร้อนรนดั่งไฟลุก โดยเฉพาะหัวข้อข่าวที่เขียนราวกับเธอเป็นพวกผู้หญิงบูชาเงิน ทำให้เธอรู้สึกเสียใจอย่างมาก
ทุกอย่างที่เธอมีล้วนเป็นสิ่งที่เธอหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ยอกจากชุดราตรีที่คุณอามอบให้เธอ เธอไม่เคยขอร้องของแบรนด์เนมอย่างอื่นจากคุณอาเลยสักชุด
แต่ในรายงานข่าว กลับใส่ตัวแบรนด์เนมตัวPลงบนเสื้อของเธอ รวมถึงกระเป๋าที่เธอใช้ก็ถูกเปลี่ยนเป็นกระเป๋าตัวPที่ราคาเป็นหมื่นเป็นแสนเข้ามาแทน แถมยังบอกอีกว่าทุกสิ่งที่เธอได้มาล้วนเป็นเพราะบ้านวิสิทธิ์เวช!
โมรีมองดูปาณีอย่างเห็นใจ นึกถึงตนเองที่ครอบครัวของชยรพก็ไม่ยอมรับเช่นกันแล้วรู้สึกเข้าอกเข้าใจความรู้สึกเสียใจของปาณี
เธอยื่นมือออกไปและกุมมือของปาณีไว้อย่างให้กำลังใจ
ปาณีนิ่งไป ก่อนจะพยายามหัวเราะออกมาและเอ่ยเสียงเบา “ฉันไม่เป็นไร”