บทที่ 3 ซูพ่านเอ๋อร์อยู่ที่ไหน
“ท่าน!” มองกริชที่แทงเข้าบนทรวงอกนางอย่างไร้ความปราณี กู้อ้าวเวยมองซ่านจินจื๋อด้วยใบหน้าโกรธแค้น เพื่อนังซูพ่านเอ๋อร์นั่น เขากลับทำร้ายนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในอากาศกลิ่นสาบเลือดคละคลุ้ง เสือดสีแดงสดไหลรินออกจากโพรงอกหยดเข้าสู่ขวดหยกสีขาวในมือของซ่านจินจื๋อ
ฝืนทรมาณความเจ็บปวด กู้อ้าวเวยพิงกราบเตียงมองซ่านจินจื๋อด้วยใบหน้าซีดขาว “ซ่านจินจื๋อ แม้ว่าโลหิตหัวใจข้าจะไหลจนแห้งเหือด ซูพ่านเอ๋อร์ก็ไม่ดีขึ้นมาหรอก รู้ไหมว่าเพราะเหตุใด?” พลางถอนกริชบนโพรงออกโยนทิ้งลงพื้น “เพราะว่าบาปที่ท่านสร้างไว้นั้นมากมายเกินไป สตรีที่สมควรจะมีชีวิตของเจ้าจึงต้องรับผลบาปชั่วร้ายนั้น….”
กล่าวจบ กู้อ้าวเวยก็สลบลงไปเพราะฝืนความเจ็บปวดไม่ไหวอีกต่อไป
มองรอยเลือดบนหน้าอกของกู้อ้าวเวย แล้วมามองใบหน้าซีดเซียวของนางที่เป็นเพราะเสียเลือดมากเกินไป ภายในใจของซ่านจินจื๋อตกตื่น สตรีหยิ่งยโสโอหังกับกู้อ้าวเวยแสนอ่อนแอขี้ขลาดที่เข้าจวนอ๋องเป็นครั้งแรกในวันนั้น ทั้งสองแบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง?
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เห็นกู้อ้าวเวยที่อยู่ตรงหน้าที่ฝืนความเจ็บปวดทรมานบวกกับท่าทีที่ต่อต้านตน ภายในใจซ่านจินจื๋อเกิดมีอะไรบางอย่างที่แทบทนไม่ได้ แต่เมื่อมองขวดหยกในมือ สีหน้าพลันมืดครึ้มลงในพริบตา
หึ! ฝีมืออันน้อยนิด คิดใช้กลยุทธ์เพื่อที่จะได้รับความเห็นใจจากตน ฝันไปเถอะ
หลังจากเก็บขวดหยกในมืออย่างระมัดระวัง ก็เปิดประตูห้องเดินออกไป
“ดูนางให้ดี….”
“พะยะค่ะ!” บ่าวหญิงเฝ้าหน้าห้องตอบรับอย่างระแวดระวัง รอจนกระทั่งซ่านจินจื๋อเดินจากไป จึงค่อยๆมองเข้าไปภายในห้อง เห็นกู้อ้าวเวยที่ล้มอยู่บนพื้น เสื้อบริเวณหน้าอกถูกย้อมด้วยเลือดสีแดงสดใหม่
เกิดเห็นใจพระชายาคนใหม่ผู้นี้อยู่บ้าง รู้ทั้งรู้ว่าในใจท่านอ๋องมีเพียงคุณหนูซูพ่านเอ๋อร์ เหตุใดต้องมาเกลื้อกกลั้วกับน้ำโคลนปลักนี้ด้วย
“ฮือๆ คุณหนู ล้วนเป็นเป็นเพราะหยินเชี่ยวไม่ดี หยินเชี่ยวไม่ได้ปกป้องคุณหนู ฮือๆ คุณหนูเจ้าคะ ท่านอย่าตายนะเจ้าคะ” กู้อ้าวเวยที่สลบไสลได้ยินเสียงคนร่ำร้องไม่หยุดอยู่ที่ข้างหู บนใบหน้ามีสิ่งเย็นๆบางอย่างร่วงหล่นใส่ จึงพยายามเปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งก็พบหญิงในชุดประโปรงสีเขียวนั่งปาดน้ำตาอยู่ด้านข้างตน ต้องบอกว่าเมื่อเห็นหญิงงามร้องไห้แล้วช่างมีบางอย่างแตกต่างออกไปจริงๆ
“ซี้ด!” กู้อ้าวเวยประคองร่างตนเองลุกขึ้นนั่ง ผลจากการขยับทำให้กระทบบาดแผลบนร่าง นางเจ็บจนต้องสูดลมหายใจ เมื่อนึกออกว่านางถูกซ่านจินจื๋อผู้ชายเลวทรามนั่นปล่อยให้เลือดไหลจนสลบแล้วก็จากไป
“คุณหนู…คุณหนู ท่าน ท่านฟื้นแล้ว” เมื่อได้ยินเสียงของกู้อ้าวเวย หญิงรับใช้เดิมที่กำลังร้องไห้ก็รีบหยุดน้ำตาลงในทันที รีบประคองกู้อ้าวเวยลุกขึ้นนั่งด้วยใบหน้าอันตกตื่น ยังใส่ใจยกน้ำมาป้อนกู้อ้าวเวยให้ดื่มลงไป
กู้อ้าวเวยพยักศีรษะ มองบาดแผลบนร่างที่ใส่ยาและพันแผลจนเรียบร้อยดีแล้ว คิดว่าต้องเป็นหญิงรับใช้คนนี้แน่ที่ทำให้ พลันมองเสื้อผ้าบนร่างตนด้วยความขยะแขยงที่ถูกเลือดย้อมเป็นวงใหญ่ เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดที่ทำให้คนได้กลิ่นนั้นต้องปวดเศียรเวียนเกล้า “หยินเชี่ยว!” เมื่อเอ่ยปาก กู้อ้าวเวยพบว่าลำคอของตนนั้นแหบแห้งและไอออกมาอย่างหนัก เมื่อไอจนสุดจึงค่อยเอ่ยปากอีกครั้ง “หาชุดสะอาดมาให้ข้าสักชุด อีกอย่างช่วยเตรียมน้ำร้อนให้ที ข้าต้องการอาบน้ำ”
เดิมทีหยินเชี่ยวที่กำลังจะไปหาชุดเสื้อผ้าให้กู้อ้าวเวยเมื่อได้ยินว่ากู้อ้าวเวยต้องการอาบน้ำ พลันรีบโบกมือปฏิเสธ “คุณหนูบนร่างท่านยังมีบาดแผลนะเจ้าคะ ยามนี้ไม่อาจชำระล้างร่างกาย ถ้าหากบาดแผลโดนน้ำขึ้นมาจะ….”
“เจ้าไปเตรียมมาก็พอ”
นางขัดจังหวะหยินเชี่ยว กู้อ้าวเวยมองหยินเชี่ยวที่ใบหน้ายุ่งยากด้วยความหน่ายใจ สาวใช้คนนี้ทำไมโง่นักนะ ตนบอกว่าต้องการอาบน้ำไม่ได้หมายความว่าแช่ทั้งร่างลงไปในน้ำเสียหน่อย ก็แค่ใช้ผ้าขนหนูเช็ดหมาดๆเท่านั้น แต่เมื่อหวนกลับไปนึกถึงผู้เป็นนายที่โง่เง่าเช่นเจ้าของร่างเดิม สาวใช้ผู้นี้ก็คงจะฉลาดได้ไม่ถึงไหน
เมื่อได้ฟังคำของกู้อ้าวเวย หยินเชี่ยวพลันตกตะลึง แต่เมื่อมองเห็นความไม่สบอารมณ์ในดวงตาของกู้อ้าวเวย หยินเชียวจึงทำได้เพียงกดคำพูดนั้นเอาไว้แล้วหันร่างออกไปเตรียมของ
เพียงแต่ภายในใจมีความสงสัยเพิ่มขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด รู้สึกว่าหลังจากที่คุณหนูฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนกับแต่ก่อน
ซึ่งแต่ก่อนยามคุณหนูพูดคุยกับนางล้วนอบอุ่นอ่อนโยน ไม่เคยเป็นเช่นวันนี้ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกกดดันยิ่ง
นางไม่อยู่ข้างกายคุณหนูแค่สามวัน เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เมื่อนึกถึงวันที่นางกลับมาพบคุณหนูในสภาพนอนเลือดท่วมอยู่บนพื้น หยินเชี่ยวยังรู้สึกหวาดผวา กลัวว่าคุณหนูจะมาตกตายเยี่ยงนี้ เช่นนั้นนางจะกลับไปรายงานนายท่านผู้เฒ่าอย่างไร
กู้อ้าวเวยเช็ดตัวด้วยผ้าชุบน้ำร้อนอย่างระมัดระวัง เห็นรอบแผลเป็นที่ฟกช้ำและบาดแผลที่ตกสะเก็ดบนร่าง คิ้วพลันขมวดในทันที
ผู้ชายเศษสวะเหี้ยมโหดเหลือประมาณ คิดจะลงมือถึงตาย!
“คุณหนูเจ้าคะ…” หยินเชี่ยวที่กำลังถือเสื้อผ้าเดินเข้ามาเห็นรอยแผลเป็นบนร่างของกู้อ้าวเวย น้ำตาก็ร่วงลอยลงมา
ในอดีตยามคุณหนูอยู่ที่ตระกูลมีแต่จะถูกนายท่านพะเน้าพะนอเป็นที่สมบัติล้ำค่าก็มิปาน แค่แผลบาดเล็กๆนายท่านก็ปวดใจเจียนตาย ถ้าหากในนายท่านรู้ว่ายามนี้คุณหนูได้รับความอยุติธรรมใหญ่หลวงถึงเพียงนี้ คงต้องปวดใจตายแน่นอน
“ข้าไม่เป็นไร!” นางใส่ยาใหม่และพันแผลอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก พลางส่งสัญญาณหยินเชี่ยวให้นำเสื้อผ้าเข้ามาให้นางเปลี่ยน มองหยินเชี่ยวที่ดวงตาแดงก่ำตรงหน้า กู้อ้าวเวยพลันถอนหายใจพลางกล่าวปลอบ “บาดแผลเล็กน้อยไม่เป็นอุปสรรคอันใด อย่าให้พวกท่านตารู้ จะได้ไม่เป็นกังวล”
“รับทราบเจ้าค่ะ” หยินเชี่ยวเอ่ยปากอย่างไม่เต็มใจนัก เมื่อช่วยกู้อ้าวเวยแต่งตัวจนแล้วเสร็จ หยินเชี่ยวมองกู้อ้าวเวยด้วยความไม่แน่ใจบางอย่าง
รู้สึกได้ว่าเจ้านายที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม แต่เห็นได้ชัดว่ายังเป็นคนๆเดิม เพียงแต่คุณหนูในยามนี้คล้ายกับเข้มแข็งขึ้นกว่าแต่ก่อน
““หยินเชี่ยว เจ้ารู้หรือไม่ซูพ่านเอ๋อร์อยู่ที่เรือนหลังใด?”