บทที่ 2 ผลกรรมตามสนอง
“เมี่ยวหาน อาการป่วยของพ่านเอ๋อร์เป็นอย่างไร จะดีขึ้นไหม?” ซ่านจินจื๋อมองสตรีที่นอนอยู่บนเตียงใบหน้าซีดเซียวแต่กลับยากที่จะปกปิดรูปลักษณ์งามล่มเมืองไว้ได้ ดวงตาเต็มไปด้วยความรักใคร่อย่างสุดซึ้ง ปลายนิ้วเรียวยาวหยิบหวีไม้จันทน์อันประณีตจัดแต่งเรือนผมของคนที่อยู่บนเตียงให้สวยงาม ด้วยวิธีการอันคล่องแคล่วมากพอจะอธิบายได้ว่าท่วงท่าที่เคลื่อนไหวนี้เขากระทำมาแล้วไม่น้อยกว่าร้อยครั้ง
สามวันติดต่อกันที่เขาเฝ้าอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะสามารถเห็นพ่านเอ๋อร์ฟื้นขึ้นมา แต่ว่า!
จนกระทั่งบัดนี้พ่านเอ๋อร์ยังสลบไม่ฟื้น!
ดวงตาของสตรีบนเตียงนั้นปิดสนิท การแต่งหน้าที่ละเอียดอ่อนนั้นยากที่จะปกปิดใบหน้าซีดเซียวที่แทบจะไร้สีเลือด หากไม่ใช่เพราะยังพบว่าบริเวณทรวงอกนั้นขยับขึ้นลง คงจะทำให้ผู้คนเข้าใจผิดไปแล้วว่าสตรีที่บนเตียงได้ไร้ลมหายใจไปแล้ว
เมี่ยวหานที่นั่งปรุงยาอยู่ด้านข้างอย่างตั้งอกตั้งใจได้ยินคำพูดของซ่านจินจื๋อก็เพียงแต่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ชำเลืองมองสตรีที่อยู่บนเตียงแล้วก้มหน้าลงไปหยิบสมุนไพรในมือ
“ท่านอ๋องสมควรเข้าพระทัยว่าอาการป่วยของแม่นางซูติดตัวนับแต่ในครรภ์ของมารดา คิดอยากกำจัดพูดง่ายแต่ทำยาก แม้บนร่างของกู้อ้าวเวยจะไหลเวียนด้วยโลหิตเข้มข้นแห่งหลิ่งหนานตระกูลหยุน แต่โลหิตหัวใจนั้นก็แค่พอที่จะประคองหัวใจคุณหนูซูไว้ไม่ให้รับความเสียหาย เพียงแต่….” การเคลื่อนไหวในมือหยุดลง เดินไปข้างเตียงแล้วใช้มือขวาสำรวจข้อมือของซูพ่านเอ๋อร์ หลังจากที่ตั้งมั่นกลั้นลมหายใจสักครู่และปล่อยออก บังเกิดความสงสัยอีกทั้งขมวดคิ้วผิดรูป “จากทฤษฎีกล่าวได้ว่าโลหิตหัวใจนั่นแม้จะไร้ผลในการกำจัดอาการป่วย ทว่าภายใต้สมุนไพรอื่นๆที่ข้าปรุงให้คุณหนูซูนั้น ตามเวลายามเฉิน (ยามเฉิน 7.00-9.00) คุณหนูซูสมควรจะฟื้นขึ้นมา แต่ว่า….นี่ก็พูดยาก…..”
เมี่ยวหานลุกขึ้นยืนย่ำเท้าเดินไปเดินมาอยู่นาน อีกทั้งยกตำราแพทย์ขึ้นมาเปิดอ่าน ใบหน้ากังวลมองหน้าซีดขาวของซูพ่านเอ๋อร์แล้วกล่าวว่า “หรือว่า ที่ร่ำลือกันมานั่นไม่น่าเชื่อถือ?”
ได้ฟังเมี่ยวหานเล่าถึงอาการป่วยของซูพ่านเอ๋อร์ที่ไม่เพียงไม่ดีขึ้นอีกทั้งยังเกิดเหตุการณ์ร้าย สีหน้าพลันมืดครึ้มน่าหวาดหวั่นในพริบตา มือที่วางอยู่บนเตียงรวบกำหมัด แล้วเหวี่ยงไปยังบนโต๊ะด้านข้าง
“เจ็บเหลือเกิน! พี่จื๋อ…..” ซูพ่านเอ๋อร์ที่อยู่ในห้วงสลบไสลส่งเสียงร้องเจ็บขึ้นมาอย่างกะทันหัน กัดเรียวริมฝีปากอย่างหักห้าม จนริมฝีปากนั้นถูกกัดจนเลือดริน
“พ่านเอ๋อร์!” เมื่อได้ยินเสียงซูพ่านเอ๋อร์ ซ่านจินจื๋อพุ่งเข้าไปคว้ามือของซูพ่านเอ๋อร์ด้วยใบหน้าประหลาดดีใจ เพียงเพราะแค่เห็นหญิงอันเป็นที่รักอดกลั้นฝืนความปวดกัดริมฝีปากจนบาดเจ็บพร้อมกับเหงื่อเย็นๆที่ไหลชุ่มศีรษะ ในดวงตาเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานจึงคว้าร่างซูพ่านเอ๋อร์มาปลอบโยนในอ้อมกอด คิ้วขมวดแน่น แทบอยากจะรับความเจ็บปวดนี้แทนซูพ่านเอ๋อร์
“พี่จื๋อ…พ่านเอ๋อร์ทรมาน….เจ็บเหลือเกิน…” ซูพ่านเอ๋อร์ขยุ้มเสื้อบนหน้าอกของซ่านจินจื๋อไว้แน่น น้ำตาเปียกชุ่มทบเสื้อของซ่านจินจื๋อ “พี่จื๋อ….ข้า….แค่กๆ…..” หลังจากที่ไออย่างรุนแรง ซูพ่านเอ๋อร์หมดสติไปในที่สุด คราบเลือดสีแดงสดวงใหญ่เปื้อนอยู่บนชุดของซ่านจินจื๋อ
“พ่านเอ๋อร์!” เห็นซูพ่านเอ๋อร์หมดสติลงไป ซ่านจินจื๋อเดิมที่นัยน์ตามืดดำเปลี่ยนเป็นแดงเดือด ราวกับจะพ่นไฟออกมา ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยไอพิฆาตอันเย็นยะเยือก “เมี่ยวหาน นี่เกิดอันใดขึ้น?”
“เรียนท่านอ๋อง นี่…..” เมี่ยวหานป้อนเม็ดยาให้ซูพ่านเอ๋อร์ทานลงไป ตรวจชีพจร เรียวคิ้วขมวดแน่นยิ่งขึ้น เอ่ยปากด้วยความลังเล “อาการป่วยของคุณหนูซูสาหัสมากขึ้น….”
“เจ้าว่าอะไรนะ!” ซ่านจินจื๋อคว้าคอเสื้อของเมี่ยวหาน ถ้าหากเมี่ยวหานยังพูดว่าซูพ่านเอ๋อร์ไร้หนทางรักษาอีกสักประโยค ซ่านจินจื๋อกล้ารับประกันเลยว่าจะนำเมี่ยวหานแยกร่างซะเดี๋ยวนั้น แม้เข้าจะเป็นหมอที่ดูแลซูพ่านเอ๋อร์ตั้งแต่เล็ก หากกล้าทำร้ายพ่านเอ๋อร์เขาก็จะไม่ปล่อยไปโดยง่าย
“ท่านอ๋อง โลหิตหัวใจของกู้อ้าวเวยสำหรับคุณหนูซูนั้นไร้ประโยชน์!” เมี่ยวหานชำเลืองตามองซ่านจินจื๋อด้วยความเรียบนิ่ง แล้วหันไปมองซูพ่านเอ๋อร์ที่อยู่บนเตียง ระบุข้อเท็จจริงอย่างสงบ
“อะไรที่เรียกว่าไร้ประโยชน์!” ขณะมองดูซูพ่านเอ๋อร์ที่ใบหน้าไร้สีเลือดแม้แต่น้อย แล้วหันกลับมาดูสีแดงที่เสียดแทงนัยน์ตาบนหน้าอก ซ่านจินจื๋อแค่นเสียงเย็นพลันปล่อยเมี่ยวหาน แทบจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพุ่งออกไป “กู้อ้าวเวย กล้าทำร้ายพ่านเอ๋อร์ ข้าจะให้เจ้าชดใช้ด้วยชีวิต!”
ขณะมองซ่านจินจื๋อที่พุ่งออกไปนั้น เขาได้หันกลับมามองเตียงคนป่วยที่หลับตาแน่นสนิท มุมปากของซูพ่านเอ๋อร์กลับยกยิ้มเยาะเย้ย เมี่ยวหานหันจากไปด้วยความจนใจ!
“ปัง!” ประตูห้องถูกคนเตะเปิดออก กู้อ้าวเวยกำลังนั่งเปลี่ยนยาอยู่ริมเตียงยังไม่ทันจะรู้ตัวก็ถูกคนกระชากแขนลงไปกองบนพื้น “กู้อ้าวเวย เจ้ามันแพศยา!”
“บอกมา เจ้าที่แท้ทำสิ่งใดลงไป เหตุใดพ่านเอ๋อร์ใช้โลหิตหัวใจของเจ้าแล้วอาการป่วยจึงได้หนักขึ้นกว่าเดิม!” ลำแข้งเตะเข้าบนร่างของกู้อ้าวเวย ทั่วทั้งร่างของซ่านจินจื๋อแผ่ไอพิฆาตเป็นที่น่าหวาดกลัว
กู้อ้าวเวยมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยความดูแคลน กล่าววาจาประชดประชัน “ข้าทำอะไรรึ? ในคืนเข้าหอ เพื่อสตรีอื่นจึงแทงร่างข้าแล้วนำโลหิตหัวใจของข้าไป ตอนนี้ยังมีหน้ามาที่นี่เพื่อถามว่าข้าทำอะไร” ขณะที่อาศัยกราบเตียงประคองร่างลุกขึ้นแล้วเช็ดรอยเลือดบนมุมปากออก “ซ่านจินจื๋อ ท่านควรจะรู้จักสิ่งที่เรียกว่าผลกรรมตามสนอง ท่านทำเรื่องบาปหยาบช้าไว้มากมาย บัดนี้ทำให้คนรักของท่านทรมานเพียงเล็กน้อยท่านก็ทนไม่ไหวเสียแล้ว เรื่องที่ทำให้ท่านต้องทุกข์ทรมานยังมีอีกในภายหลัง…”
“กู้อ้าวเวย!” ซ่านจินจื๋อที่อยู่ในห้วงโทสะบีบลำคอของกู้อ้าวเวยไว้แน่น ถ้าไม่ใช่ว่าการปล่อยให้สตรีนางนี้ยังมีประโยชน์อยู่ ยามนี้เขาก็แทบจะบีบสตรีนางนี้ให้ตายเสีย
กู้อ้าวเวยมองไปที่ซ่านจินจื๋อด้วยความเย้ยหยัน ดวงตาเต็มไปด้วยความดูแคลนทั้งรู้สึกโศกเศร้า ที่กู้อ้าวเวยคนเดิมได้ตกหลุมรักบุรุษเลือดเย็นไร้เมตตาเช่นนี้ “ทำไม อับอายจึงพาลโกรธ หรือว่าท่านกลัวเสียแล้ว!” มองซ่านจินจื๋อด้วยรอยยิ้มกริ่ม ทว่ารอยยิ้มนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บ
“กลัวงั้นหรือ?” ซ่านจินจื๋อยิ้มเยาะเหวี่ยงกู้อ้าวเวยกระเด็นออกไป ควักกริชออกมาจากเอว “ในเมื่อโลหิตหัวใจหนึ่งถ้วยไม่เพียงพอจะช่วยชีวิตพ่านเอ๋อร์ เช่นนั้นข้าก็ไม่ถือสาที่จะเอาสักหลายๆถ้วย”
มองกริชที่ส่องประกายเย็นเยียบคืบคลานเข้ามาใกล้ไม่หยุด กู้อ้าวเวยเร่งถอยหนีอย่างต่อเนื่อง ภายในใจบังเกิดความกลัวขึ้นหลายส่วน บุรุษผู้นี้ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะ…….
“พรวด!”