ตอนที่ 17 ได้รับสารพิษของตระกูลหยุน
10 นิ้วของกุ้อ้าวเวยมิได้สัมผัสกับน้ำในฤดูใบไม้ผลิ นิ้วก้อยกลับหันหน้าเข้าด้านใน แต่ทว่าเมื่อหยิบเข็มเงินขึ้นมา ข้อมือของนางก็มันคง เข็มที่ถูกแทงลงไปนั้นล้วนจับจุดได้พอดีมิ ฉุกละหุกเลยแม้แต่น้อย
“ใช้ชีวิตในจวนหวังเป็นเช่นไรบ้าง?” ท่านปู่เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะเหยียดร่างกายขึ้นเต็มความสูง ดวงตาสองข้างปิดลง
“ดีแน่นอนเพคะ เป็นเรื่องสนุกที่จะเอ่ยถึง หม่อมฉันอยู่ในจวนมิมีผู้ใดกล้าที่จะปฏิบัติต่อฉันมิดีเช่นท่านป้า ผู้คนล้วนเคารพยำเกรง” นางซ่อนข่าวร้ายไว้ในใจ เพราะมิอยากให้ท่านปู่เป็นกังวล
“เช่นนั้นก็ดี”ท่านปู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะหัวเราะขึ้นมาอย่างเบิกบาน
รอจนการฝังเข็มเสร็จสิ้น ท่านปู่รู้สึกว่าทั้งร่างกายสบายขึ้นมาก ถึงแม้ว่ากุ้อ้าวเวยมิมีฝีมือ แต่การฝังเข็มของนางก็เป็นไปตามปกติมิได้มีความอ่อนเพลียแม้แต่อย่างใด ในเวลาที่กำลังจะรินชาให้กับท่านปู่ นางก็เห็นท่านปู่ชี้ไปยังชั้นหนังสือที่ด้านข้างของท่าน “เวยเอ๋อ หยิบหนังสือเล่มนั้นมาให้ข้าหน่อย”
“เพคะ นางรีบเดินไปหยิบหนังสือเล่มนั้นออกมา
“ใช้คำที่ก้าวของบรรทัดที่แปดของทุกๆสองหน้า” ท่านปู่เอ่ยเสียงเบา
กุ้อ้าวเวยตะลึงงัน นางรีบพลิกไปมาสองสามหน้า สองสามคำแรกคือจากหลิ่งหนานตระกูลหยุน นางจ้องมองท่านปู่อย่างตกตะลึง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “นี่คือ…สูตรลับ….”
“ห้ามพูดอย่างเด็ดขาด” ท่านปู่ยิ้มพลางโบกมือไปมาก่อนจะเอ่ยต่อ “ถุงน้ำดีหงส์และเลือดมังกร บวกกับหญ้าไป่หยาอีกหนึ่งอย่าง แต่ทว่าสามารถทำให้คนฟื้นจากความตายและกลับมามีชีวิตอีกครั้ง”
น้ำเสียงเขาเอ่ยมิดังมาก กุ้อ้าวเวยกลับรู้สึกราวกับว่าในใจของนางถูกกระแทกด้วยกลอง นางรีบมายังข้างกายเขา “ท่านปู่ ถ้าหากสามารถหาสมุนไพรเหล่านี้ครบ ท่านปู่ก็จะ….”
“หมีจำเป็นผ่านโปรยืนขึ้นด้วยการพยุงของไม้เท้าดวงตาอืมครึ้มทั้งสองคู่ของเค้าจงมองออกไปนอกหน้าต่างพังเลยผมพร้อมกับตนเป็นผู้อาศัยอยู่นานพอในทุกสิ่งในโลกใบนี้แล้วต่อไปก็รอให้ยมบาลมารับปูกลับไปอีกภพชาติหนึ่ง!”
เอ่ยไปพรางท่านทูตก็เดินออกไปด้านนอกโดยการถือไม้เท้าสายตาของเค้ากวาดตามองไปยังค่ารับใช้ที่มาใหม่เรานั้นจงมองเบื้องหลังของท่านปู่นางจึงนำตำราเล่มนั้นใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อแอบเขียนมันลงไป
ข้ารับใช้ในลานส่วนใหญ่ล้วนเป็นบุคคลที่ท่านปู่หยุนชิงหยางนำมาจากหลิ่งหนานตระกูลหยุน พวกเขาล้วนฉลาดเฉลียวและมีไหวพริบ มีเพียงแค่ข้ารับใช้ผู้ที่มาใหม่เท่านั้นที่โง่เขลา ท่านปู่เผยใบหน้าที่สงบลง พวกเจ้ามิต้องอยู่ที่นี่แล้ว ผู้ใดให้พวกเจ้ามา ก็กลับไปที่นั่น มิต้องเข้าไปทำลายสมุนไพรในสวนของข้า!”
“แต่ทว่านายหญิงบอกให้พวกข้าน้อย….” ข้ารับใช้ใช้สองสามคนเดินเข้ามาอย่างอึดอัด
“ไม่ว่าจะเป็นนายหญิงหรือนายท่าน ก็มิเกี่ยวอันใดกับข้า รีบไปให้พ้นหน้าข้า” หยุนชิงหยางอาละวาดใหญ่ ข้ารับใช้เหล่านั้นกลับยืนยันว่าจะมิจากไป
กุ้อ้าวเวยนึกได้ทันทีว่านางอยู่ในจวนเฉิงเจี้ยง ผู้คนในตระกูลกุ้ล้วนชอบมาที่รอย่างเพื่อจัดการมอบยาหรือส่งคน เพลานี้เมื่อมองไป โทษทีส่งมาเหล่านี้ล้วนมีใส่ใจ นางรีบร้อนก้าวไปด้านหน้าและประคองท่านปู่ ก่อนจะจ้องมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นอย่างเย็นชา ยังมิรีบไปอีก ต่อไปถ้าหากข้าเห็นกลุ่มคนเช่นพวกเจ้ามาขอความช่วยเหลือจากท่านผู้ของข้าอีก ก็อย่าโทษว่าชายาท่านอ๋องไร้ความเมตตา!”
ข้ารับใช้สองสามคนตื่นตระหนก รีบร้อนวิ่งตะบึงหนีไป
ในทิศทางตรงกันข้ามของหยุนชิงหยาง ความโกรธเกรี้ยวเพิ่งจะถูกกำจัดออกไป ผู้ที่ยืนอยู่อย่างสงบเช่นหยุนฟู่จ้องมองที่กุ้อ้าวเวย ก่อนจะวิ่งมายังใจกลางห้อง พร้อมกล่องไม้ปาล์มขนาดใหญ่สองกล่อง นอกจากในกล่องไม้สิ่งที่แนบมาชั้นหนึ่งนั้นคืออันใด มันเหลือเพียงแค่สิ่งที่บริสุทธิ์ มิได้สะดุดตาแม้แต่น้อย
“นายหญิง เก็บสิ่งนี้ไว้ให้ดีเพคะ” หยุนฟู่เอ่ยเตือนด้วยความเคารพ อีกทั้งหันไปจัดวางชั้นยาอีกครั้งหนึ่ง
หยุนชิงหยางนิ่งเงียบมิพูดจา มีเพียงแค่กุ้อ้าวเวยเท่านั้นที่เปิดกล่องไม้นั้นขึ้น กล่องที่หนึ่งมีเมล็ดวางอยู่หนึ่งเมล็ด มันถูกผ้าใหม่บางๆห่อหุ้มอยู่ แต่มันกลับมีความซับซ้อนอยู่ในนั้น ไม่ต้องเอ่ยถึงกลิ่นหอมที่ปรากฏขึ้นมา
“ถุงน้ำดีหงส์” หยุนชิงหยางเอ่ยเสียงเบา กุ้อ้าวเวยปิดกล่องเบาๆและจ้องมองไปยังเขาอย่างมิรู้ตัว “สิ่งของล้ำค่าเช่นนี้….”
“มาดูเลือดมังกรต่อเถิด” หยุนชิงหยางยื่นมือไปหยิบอีกกล่องนึงมาเปิดออก
เลือดมังกรชนิดนี้นั้น เป็นเหมือนเหง้าของโสมขาว ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือเลือดมังกรนี้มีขนที่ละเอียดอ่อนเหมือนเกล็ดหิมะ และมีรากที่ยาว
กุ้อ้าวเวยจ้องมองไปยังยาที่แปลกประหลาดเช่นนั้น เพียงแต่ว่ายาชนิดนี้แตกต่างจากสถานที่ที่นางอยู่ ทำให้ดวงใจของนางนั้นกระตือรือร้นและนางก็คิดถึงในตำราโบราณที่ปรากฏพืชที่นางเห็น แต่กลับไม่เห็น ได้กลิ่นแต่กลับมิได้กลิ่น ในใจของนางก็มีระลอกคลื่นขึ้นมา
“ เพียงแต่ว่าสิ่งของสองสิ่งนี้สามารถช่วยชีวิตคนได้ และสามารถฆ่าคนได้ ถ้าหากวิธีการใช้มิถูกต้องก็จะสามารถทำให้คนไปเฝ้าประตูนรกได้” เฉิงเสี้ยงเอ่ยเสียงเบาราวกับปุยเมฆ เขาเด็ดใบไม้จากต้นไม้วางไว้ในมือของกุ้อ้าวเวย หลายปีมานี้ ข้าได้รับการรักษาพยาบาลของเจ้ามามากมาย แต่กลับมิเคยสอนเจ้าว่าจะใช้ยาพิษอย่างไร”
ถ้าหากว่าเอ่ยถึงยาพิษ นางไม่รู้อันใดเลยจริงๆ อย่างไรเสียนางก็สนใจเพียงแค่การช่วยชีวิตคน เหตุใดจำเป็นจะต้องรู้จักยาพิษอันใดด้วย
“ยาพิษสามารถฆ่าคนได้ และสามารถช่วยคนได้เช่นกัน เลือดมังกรมีพิษสูงแต่เกิดในน้ำตื้น เลือดมังกรสามารถรักษาโรคได้ถึง 100 ชนิด นี่ความสัมพันธ์ทางชีวภาพ ถ้าหากว่าเจ้าได้เห็นพระวิญญาณบริสุทธิ์ในแผ่นดินใหญ่นี้ จำไว้ว่าให้เก็บไว้ในใจ” ใบไม้ในมือของหยุนชิงหยางเปื้อนไปด้วยน้ำใสๆ เขาเขียนตัวอักษรทางการแพทย์บนฝ่ามือของกุ้อ้าวเวย
“เวยเอ๋อจำไว้ให้ดี” กุ้อ้าวเวยขมวดคิ้ว
“เช่นนี้ก็ดี” หยุนชิงหยางหัวเราะขึ้นมาสองสามครั้ง ก่อนจะพานางไปที่ด้านข้างของห้องสี่เหลี่ยม เขานำของมามิน้อยเพื่อให้นางนำกลับไป แต่กลับนำตำรายาพิษทางการแพทย์พื้นฐานยัดใส่ในเมืองของนาง ตระกูลหยุนช่วยโลกใบนี้ได้ ครอบครัวเชื่อในดาบบรรพบุรุษว่าสามารถฆ่าคนและช่วยชีวิตคน เจ้าเป็นผู้สืบทอดเสื้อคลุมของตระกูล เจ้าจะต้องจำไว้ใช้ในอนาคต”
เชื่อในดาบอสูรงั้นหรือ?
กุ้อ้าวเวยมิมีเงื่อนงำเกี่ยวกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย แต่นางรู้สึกว่ามันค่อนข้างลึกลับเป็นอย่างมาก ในเพลาที่นางต้องการเข้าไป หยุนชิงหยางก็หาคนมาช่วยนางจึงฝังเข็ม และก็พานางกลับไปยังอาคารแปดเหลี่ยมก่อนจะเงยศีรษะขึ้นมองระฆังเล็กทั้งสอง และเอ่ยว่า “เจ้าไปนำระฆังเล็กทั้งสองนั้นลงมา”
“เพคะ” กุ้อ้าวเวยรู้สึกงุนงงมากยิ่งขึ้น
หยุนฟู่ยิ้มและเลื่อนบันไดให้นาง นางยื่นมือไปหยิบระฆังเหล็กทั้งสอง ก่อนจะร่วงลงที่พื้น ฝ่ามือของนางก็รู้สึกถึงจิตใต้สำนึกที่เจ็บปวด อีกนิดเดียวก็จะทำระฆังเหล็กสองอันนั้นร่วงลงมา
เมื่อนางดึงสติกลับมานางก็รู้สึกเพียงว่ามือทั้งสองข้างนั้นร้อนรุ่มและปวดเล็กน้อย นางทำได้เพียงรีบห่อกระดิ่งเหล็กอย่างรวดเร็ว ก่อนจะวินิจฉัยตัวเอง ดวงตาของนางทั้งสองจ้องมองหยุนชิงหยางอย่างงุนงง “ท่านปู่ ระฆังเล็กสองอันนี้มียาพิษ”
“มีพิษก็ถูกแล้ว มันคือพิษเสื้อคลุมของตระกูลหยุนแต่มิง่ายนักที่จะได้รับ” ชิงหยางหัวเราะอย่างไม่แยแส หยุนฟู่นำน้ำสะอาดมาเรียบร้อยแล้ว และนำผ้ามาเช่นกัน
ในใจของกุ้อ้าวเวยค่อนข้างงุนงง สิ่งของโบราณนี้ล้วนสลับซับซ้อน
“ระฆังเหล็กสองอันนี้เจ้าสามารถเก็บไว้ได้ วันหนึ่งเจ้าจะกลับไปที่ตระกูลหยุนและเจ้าจะต้องใช้ระฆังนี้เป็นหลักฐาน” ดวงตาชิงหยางของหรี่ลงเล็กน้อย