บทที่26 สูตรยาถอนพิษ
กุ้อ้าวเวยกลับไปนอนในร้านยาเหย้าของนาง จนกระทั่งฟ้ามืด ดาวเต็มห้องฟ้า นางถึงตื่นขึ้นมาสะลืมสะลือ คิดถึงคำพูดที่ซ่านจินจื๋อพูด เพราะอำนาจของราชวงศ์และนางก็เป็นแค่หุ่นเชิด ใครก็อยากได้ประโยชน์จากนางทั้งนั้น
ฮองเฮาซู๋เซ่อนางก็จำไม่ได้เสียที แต่นางกลับรู้สึกว่าฮองเฮาซู๋เซ่อแปลกๆ
นางกุมขยับและนวดเบาๆ นางพึงตื่นขึ้นมา หยินเชี่ยวก็เปิดประตูเข้ามา: “คุณหนูตื่นแล้วเหรอเจ้าคะ ชิงต้ายไปทำอาหารให้คุณหนูทานเร็ว”
“พรุ่งนี้พวกเจ้าสั่งคนมาซ่อมบ้านนี้หน่อยและจัดการหลังบ้านด้วย ข้าจะไปพักที่จี้ซื่อถาง”หยินเชี่ยวพยุงกุ้อ้าวเวยมานั่งที่เก้าอี้ ยกมือนางขึ้นมาและวัดชีพจร
พิษนั้นซ่อนตัวไปอีกแล้ว
และนางกลับไม่รู้ว่าอาการก่อนจะกำเริบของยาพิษคืออะไร ถ้าต่อไปอาการกำเริบตอนเวลาสำคัญขึ้นมา เช่นนั้นก็ยากแล้ว และจี้ซื่อถางชายชุดดำท่านนั้นก็เหมือนมีประสบการณ์มาก อาจจะช่วยนางได้
“คุณหนูไม่เคยได้พักผ่อนดีๆเลย ไม่คิดเพื่อตัวเองก็เพื่อร่างกายเถอะเจ้าค่ะ”หยินเชี่ยวพูดอย่างเป็นห่วงจากนั้นก็เทน้ำอุ่นให้นางดื่ม
“คนอยู่บนโลกนี้ ถ้าพักผ่อนทุกวันก็น่าเบื่อเกินไปแล้ว”กุ้อ้าวเวยยิ้ม เชยคางหยินเชี่ยวเล่น หยินเชี่ยวรีบจับคางตัวเองวิ่งออกไป ไปฟ้องชิงต้าย ทำเอากุ้อ้าวเวยหัวเราะใหญ่
พอกินอิ่มแล้ว ตอนกลางคืนนางก็นอนไม่หลับ นางเดินไปห้องยากลับเห็นเฉิงยีเฉิงเอ้อเฝ้าอยู่หน้าประตู พอเห็นนางก็รีบคุกเข่าลงพื้น: “ท่านอ๋องบอกให้พระชายารักษาตัวดีๆ อย่าเข้าไปลองยาแล้วครับ”
“ข้าไม่ได้มาทดลองยา แต่พวกเจ้าอยู่ที่นี้ก็เข้ามาช่วยข้าจัดการยาสมุนไพรเถอะ และจัดยาตามใบสั่งยา วางไว้ข้างข้า”กุ้อ้าวเวยเปิดประตูห้องยาไป ต้องได้กลิ่นยาเช่นนี้สินางถึงจะรู้สึกสบายใจ
ตลอดทั้งคืนไม่ได้นอนเลย พอเช้ามา นางก็ออกมาจากห้องยาด้วยความสดชื่น
เฉิงยีกับเฉิงเอ้อกลับรู้สึกว่าต่อสู้ยังไม่เหนื่อยเท่านี้เลย พวกเขาดูชื่อยาแต่ล่ะตัวจนตาลายไปหมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต้องแบ่งชนิดยาและต้องส่งไปในมือของกุ้อ้าวเวยอีก
“เดี๋ยวข้าจะไปจี้ซื่อถางต่อนะ”กุ้อ้าวเวยพูดจบ ก็เข้าไปในห้องครัวหยิบหมั่นโถวมาสองลูกและออกไปเลย เฉิงยีเฉิงเอ้อก็เลยต้องตามไป แต่ไม่รู้ว่ากุ้อ้าวเวยเอาแรงมาจากไหนกัน
พอมาถึงจี้ซื่อถาง กุ้อ้าวเวยก็ไปหาชายชุดดำเลย ชายชุดดำเห็นนางก็ลากไปลานหลังบ้านเลย เคารพนางเสร็จก็พูดว่า: “ต้อนรับพระชายาจิ้ง……”
“ท่านไม่ต้องพูดเช่นนี้ก็ได้ ก็คิดเสียว่าข้าเป็นหญิงธรรมดา”กุ้อ้าวเวยรีบพยุงเขาขึ้นมา ขมวดคิ้วถามว่า: “ท่านได้ยินมาจากไหนกัน?”
“ก่อนหน้านี้ฟางหวามาหาข้า บอกว่าท่านอ๋องจิ้งพาเจ้าไป ทหารก็เรียกเจ้าว่าพระชายา”ชายชุดดำก็รีบยืนขึ้น ไม่คิดว่าพระชายาจะรู้เรื่องแพทย์และยามากขนาดนี้ ยังไม่คิดว่าจะมาที่นี้บ่อยๆอีก
“ท่านคงยังไม่ได้บอกกับคนอื่นนะ”กุ้อ้าวเวยมองดูเขา
“ไม่ได้บอกอยู่แล้ว ยังไงพระชายาจิ้งก็มีคนเคยเจอไม่มาก”ชายชุดดำส่ายหน้า เขารู้เรื่องของราชวงศ์ดี เรื่องที่พูดได้ก็พูด อะไรที่พูดไม่ได้ก็เงียบปากไว้จะดีกว่า
“ถ้าเช่นนี้ก็ดี ข้าชื่อกุ้อ้าวเวย ท่านเป็นผู้อาวุโส เรียกข้าว่าเวยเอ๋อก็ได้ ถ้าท่านรังเกียจที่ข้าเรียนรู้มาน้อย ขอท่านช่วยข้าหายาที่จะชะลออาการยาพิษของข้าให้ด้วย”กุ้อ้าวเวยพูดไปตามตรงเลย
“ข้าชื่อเห้อจิ้น คนรอบข้างก็เรียกข้าว่านายท่านเห้อ แต่ก่อนหน้านี้ข้าตรวจวัดชีพจรให้เจ้าก็หาพวกหนังสือที่บันทึกเกี่ยวกับพิษชนิดนี้ไว้ แต่พิษนี้แพร่กระจายช้าแต่กลับวางพิษได้อย่างรวดเร็ว ไม่สมเหตุสมผลเลย น่าจะใช้พิษที่พิเศษ”นายท่านเห้ออธิบายให้ฟัง
ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องยาไม่จบ แต่ต่อมา ทั้งสองก็เข้ามานั่งในที่ร่มเพราะฝนตก เปิดอ่านในหนังสือ เขียนสูตรยาไว้ กุ้อ้าวเวยรู้สึกว่ามาครั้งนี้ไม่เสียเปล่า นายท่านเห้อก็รู้สึกว่ากุ้อ้าวเวยเข้าใจได้ง่าย ทั้งสองเลยคุยกันได้ถูกคอ
ทั้งสองจดจ่ออยู่กับกองหนังสือและยาสมุนไพร พอมีคนมาส่งกับข้าวที่ใส่ในกล่อง แต่ทั้งสองก็ไม่รู้ตัวว่ามีคนเข้ามา ทั้งสองเอาแต่พูดคุยกันไม่หยุด ไม่รอทั้งสองหยุด คนที่มาส่งกับข้าวก็วางกับข้าวในกล่องลงบนโต๊ะอย่างแรงพูดว่า: “นายท่านเก้อ คุณหนูเวยเอ๋อ นี่ก็สี่โมงเย็นกว่าแล้ว พวกเจ้ายังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”
“เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้วเหรอเนี้ย?”นายท่านเห้อเงยหน้าขึ้นมา
กุ้อ้าวเวยก็ก้มหน้าเปิดอ่านหนังสือต่อ ดูในหนังสือโบราณที่บันทึกเกี่ยวกับสมุนไพรชนิดหนึงของเมืองเทียนเหยียนไว้ ชื่อว่ายิงห่อเชา ใบหญ้าแหลมคมมีสีแดงอ่อนๆ รากมีคุณสมบัติชะลอพิษในร่างกายได้ แต่เสียดายที่ไม่มีแล้วกว่าหลายร้อยปี นางส่ายหัวและปิดหนังสือไป: “ถ้ายิงห่อเชามีอยู่ตอนนี้ อาจจะมีประโยชน์กับข้าก็ได้”
คนมาส่งข้าวพูดกับกุ้อ้าวเวยว่า: “คุณหนูเวยเอ๋อ กินข้าว”
“ตอนนี้สี่โมงกว่าแล้ว”นายท่านเห้อถอนหายใจ กุ้อ้าวเวยถึงรู้สึกว่าตอนนี้ท้องว่างมาก พอทั้งสองกินอิ่มแล้วก็ดูหนังสือต่อ คนมาส่งข้าวก็ไม่รู้จะเอายังไงกับพวกเขาดี ก็เลยช่วยปิดหน้าต่าง จุดเทียน และวางชาไว้
พอผ่านไปหนึ่งชั่วยาม กุ้อ้าวเวยถึงหาสูตรยาในหนังสือโบราณได้ ยามีสรรพคุณอ่อนโยน แต่ต้องการตัวสมุนไพรหลายชนิดและปริมาณของยาก็ดูไม่ออกเพราะด้วยเวลาของหนังสือที่เก่ามากจนตัวหนังสือเลือนราง
“สูตรนี้ก็น่าจะได้นะ”เห้อจิ้นก็เห็นด้วยกับสูตรนี้
“ใช่สิ ขอแค่ต้องตรวจสอบดูปริมาณยา แม้ยาจะมีสรรพคุณอ่อนโยน แต่ถ้าใช้ผิดก็อาจจะอันตรายได้ โดยเฉพาะจินกางเถิงจะใช้เยอะไม่ได้ ไม่เช่นนั้นยาตัวอื่นก็อาจจะปะทะกัน”กุ้อ้าวเวยพยักหน้า บันทึกหน้านี้ลงไปและเอายาของจี้ซื่อถางไปด้วยเลย
“เช่นนี้ก็ดี วันนี้ก็พอแค่นี้ก่อน วันหน้าถ้าเห็นอะไรที่ใช้ประโยชน์ได้ ก็อาจจะช่วยเจ้าได้มาก”เห้อจิ้นหลางลุกขึ้นมาและยิ้มให้กุ้อ้าวเวยอย่างพึงพอใจ
“ไม่มีปัญหาเลย ยังไงวันนี้ก็ขอบคุณนายท่านเห้อที่ช่วยข้า ครั้งหน้าข้าก็ทำเองได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะดูเองนะ”กุ้อ้าวเวยก็รีบโกยผลประโยชน์เข้าตัว หนังสือในจี้ซื่อถางเยอะมากและมีประโยชน์มากด้วย ถ้านางได้อ่านทั้งหมด ก็เป็นผลดีกับนางเหมือนกัน
เห้อจิ้นเห็นว่านางพูดเช่นนี้ก็ยิ้มด้วยความเอ็นดู
มาถึงหน้าห้องโถงในบ้าน ก็มีคนเดินมาทางกุ้อ้าวเวยและชนเข้ากับนางเต็มๆ กุ้อ้าวเวยรีบพยุงเขาขึ้นมา เงยหน้าเห็นหน้าเต็มไปด้วยรอยผกช้ำ ท่านชายที่ตัวเปียกนั่งบนเก้าอี้ มองเขาตาขวางพูดว่า: “อย่ามาทำให้ข้าโมโหนะ!รักษาข้าด้วยยาที่ดีที่สุดก็พอ!”
กุ้อ้าวเวยมองไป เป็นคนที่จ่ายเงินให้นางครั้งก่อนนี่เอง ท่านชายฉีหลิน?
“นายท่านเห้อ เขาไม่มีเงินเสียหน่อย!”คนๆนั้นรีบไปฟ้องและยืนข้างเห้อจิ้น
“ข้าออกมาลืมเอาเงินมาด้วย!ข้ามาเอายาที่เจ้า เจ้าก็ไปเอาเงินที่พ่อข้าได้ที่วิหารหยินหยูเก๋อ!”ฉีหลินลุกขึ้นมา