บุบผาร้อยเสน่ห์ – ตอนที่ 45

ตอนที่ 45

ตอนที่ 45 นายหญิงที่สองของจวนฉี

ซูพ่านเอ๋อหลับไปอย่างสงบ ซ่านจินจื๋อก็ดับเทียนอย่างเงียบเชียบ และจากมาอย่างสงบ เมื่อมาถึงห้องหนังสือ เฉิงชานก็รออยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน

“กู้อ้าวเวยก่อเรื่องอันใดอีก?” ซ่านจินจื๋อนั่งลงตามใจชอบ บนโต๊ะมีกระดาษม้วนและจดหมายจำนวนมากถูกวางไว้

“พระชายาลอบเข้าไปในจวนฉีในเวลากลางคืน เพื่อช่วยท่านชายฉีรักสาพี่สาวที่สอง เมื่อครู่นี้ถึงเชิงกำแพงของจวนฉีแล้วขอรับ” เฉิงยีเฉิงเอ้อไม่รู้ว่าควรจะขัดขวางเช่นไร เขาจึงตั้งใจมารายงานแก่ท่านอ๋อง เฉิงชานแสดงความเคารพ ใบหน้าของเขาลำบากใจ

“ช่างกล้าหาญเสียจริง” ซ่านจินจื๋อตบลงบนม้วนกระดาษและยืนขึ้นเต็มความสูง “นางควรจะรู้ฐานะของตนเอง ฉีหมิงก็ส่งข่าวมาบอกข้าเช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าให้ฉีหมิงรู้ว่านางเข้าไปในจวนฉีในเวลากลางคืน ภายหลังฉีหมิงก็คงจะมิเชื่อใจข้า!”

“แต่ทว่าพระราชายาไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องและท่านฉีเย่นะขอรับ” เฉิงชานมิค่อยเห็นเจ้านายของตนโกรธเกรี้ยวถึงเพียงนี้

“ข้าเห็นนางทุ่มทุนทุ่มแรงเพื่อให้ได้มาซึ่งฐานะพระชายานี้ แต่ก็เป็นเพียงการสร้างปัญหาให้ข้า เตรียมม้า ข้าจะไปพานางกลับมาจากจวนฉีด้วยตนเอง” ซ่านจินจื๋อสะบัดแขนเสื้อและเดินออกไปด้านนอก

เฉิงชานจนปัญญา เขารู้ว่ากู้อ้าวเวยดำรงตำแหน่งพระชายา มิว่านางจะทำเรื่องราวอันใดท่านอ๋องก็มิเห็นความดีของนาง ถ้าหากว่าเปลี่ยนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ท่านอ๋องก็เพียงแค่จะตำหนิ เขาไม่มีทางที่จะไปจับมาเองเช่นนี้เป็นแน่

แต่ทว่าสองคนที่เข้าไปยังจวนฉีล้วนไม่รู้เรื่องราวนี้เลยแม้แต่น้อย ฉีหลินลูบเอวของเขาไปมา “ต่อไปนี้ถ้าหากข้าจะกลับมา ข้าจะพังกำแพงเสีย เหตุใดจึงก่อสร้างสูงถึงเพียงนี้!”

“ชู่วว เบาเสียงลงหน่อย ข้าก็ล้มลงเช่นเดียวกัน” กู้อ้าวเวยลูบคลำหัวไหล่ที่เจ็บปวดของตน ทั้งสองหลบอยู่ที่เชิงกำแพง มองสบตากันและล้วนพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบ

โชคดีที่ฉีหลินรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับที่นี่ กู้อ้าวเวยถือกล่องยาเล็กๆและเดินตามเขาอย่างระมัดระวัง มิง่ายเลยที่จะหลบหนีจากเหล่าองครักษ์ที่เดินตรวจตราในจวนแห่งนี้ ฉีหลินเพิ่งจะพานางหลบอยู่ที่ด้านข้างของห้องหนังสือที่ยังสว่างอยู่ เพลานั้นกู้อ้าวเวยก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา “ที่นี่มีคน มาที่นี่ทำอันใด!”

“มิมีวิธี ห้องนอนพี่สาวที่สองของข้าอยู่ด้านข้างห้องหนังสือของท่านพ่อ ที่นี่มิมีคนเฝ้ายามกล้ามา พวกเรารอก่อนเถิด รอให้ท่านพ่อของข้าไปนอนแล้วค่อยเข้าไป” ฉีหลินก็เหงื่อออกท่วมตัว การที่ลักลอบเข้ามาเช่นนี้ช่างน่าตื่นเต้นเสียจริง

กู้อ้าวเวยถือกล่องยาของนางไว้แน่นพลางกลั้นหายใจ แต่ทว่ามีเสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังออกมาจากในห้องหนังสือ ทั้งสองคนสะดุ้งตกใจจนแทบสิ้นสติ

“มิง่ายเลยที่ข้าจะทำสัญญาการแต่งงานกับเขา จนถึงเพลานี้เอ่ยว่าอยากจะยกเลิกก็ยกเลิกหรือ? นี่มันหมายความว่าอย่างไร?” เสียงของฉีหมิงบิดาของฉีหลินดังเข้ามา ราวกับว่ากำลังโกรธเป็นอย่างมาก

“ท่านฉีเย่นี่ก็มิใช่ความตั้งใจของนายท่านตระกูลพวกข้าเพียงอย่างเดียว จนกระทั่งเพลานี้ท่านชายฉีหนีออกจากบ้านและหายไปอย่างไร้ร่องรอย นายหญิงจี้เหยาที่จวนของพวกข้าก็มีชอบนิสัยความเอาแต่ใจของท่านชายฉี การยกเลิกการแต่งงานก็นับว่าเหมาะสม” บุคคลหนึ่งเอ่ยออกมา

ยกเลิกการแต่งงานหรือ?

กู้อ้าวเวยมิกล้าเอ่ยอันใดออกมา นางเพียงแค่จ้องมองฉีหลินอย่างตื่นตระหนก แต่ฉีหลินกลับยิ้มอย่างสดใส ถ้าหากว่าสามารถยกเลิกการแต่งงาน ถ้าเช่นนั้นก็เป็นเรื่องราวที่ดีเป็นอย่างมาก!

“ พวกเจ้าทำเช่นนี้ เจ้าเอาหน้าของข้าไปไว้ที่ใด! คนอื่น ๆ จะคิดว่าครอบครัวของข้าพัวพันกับจวนเฉิงเสี้ยงของพวกเจ้า!” ฉีหมิงกระแทกลงบนโต๊ะอย่างหนัก พลางตะโกนออกมาเสียงดัง ดูเหมือนว่ากำลังโกรธอย่างมาก

“แล้วถ้าหากเอ่ยว่าพวกเจ้ายกเลิกการแต่งงาน ต่อไปนายหญิงจี้เหยาของพวกข้าจะมีชายใดต้องการในอนาคตหรือ?” มีเสียงดังก้องกังวานของเก้าอี้ออกมาจากด้านใน ราวกับว่าบุคคลนั้นยืนขึ้น “ความหมายของท่านกุ้เย่ของบ้านพวกข้ามิสู้เอ่ยว่าเด็กทั้งสองมีบุคคลในใจอยู่แล้ว มิสามารถเป็นทองแผ่นเดียวกันได้ ถ้าอย่างนี้เป็นเช่นไร? ”

“พวกเจ้าอย่ารังแกผู้อื่น!”

“ข้าขอให้ท่านฉีเย่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เถิด เวลานี้ก็ดึกมากแล้ว ข้าทูลลาก่อน” ชายผู้นี้มีทัศนคติที่แข็งแกร่ง เขาเปิดประตูออกไปโดยตรง

กู้อ้าวเวยและฉีหลินหลบมุมอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงสั่นสะเทือนของสิ่งของหลายอย่างที่ตกลงบนพื้นจากในห้อง จากนั้นเทียนก็ดับลง เพลานั้นผู้ที่ซึ่งมีอายุมากกว่าครึ่งเช่นฉีหมิงก็จากไป

รอจนกระทั่งทุกอย่างเงียบงันแล้ว กู้อ้าวเวยตบหน้าอกของนางและหายใจออกอย่างโล่งอก “ข้าตกใจแทบสิ้นสติ มิได้คาดหวังว่าเราจะมาถึงเวลานี้”

“แน่นอนว่า ท่านพ่อของเจ้าเสียใจกับการยกเลิกการแต่งงานหรือ?” ฉีหลินพยักหน้าและพานางไปที่ลานบ้านอีกแห่ง

“ข้ามิรู้ มิรู้ว่าท่านพ่อคิดเช่นไร” กู้อ้าวเวยติดตามเขาอย่างใกล้ชิด พวกเขาทั้งสองมิเอ่ยอันใด พลางเดินไปรอบ ๆ ลานเล็ก ฉีหลินพยุงกับกำแพงช่วยให้กู้อ้าวเวยลุกขึ้นจากรั้วแล้วเอ่ยกับนาง “ที่ใต้ฝ่าเท้าของเจ้ามีชั้นหรือไม่”

“มี” กู้อ้าวเวยเหยียบบนชั้นอย่างระมัดระวัง บนชั้นนี้ไม่มีสิ่งใดวางอยู่ นางเหยียบลงไปด้วยเสียงเบา ๆ และก้าวลงที่พื้นอย่างเงียบเชียบ นางผูกเชือกที่ถูกนำมาด้วย ไปผูกไว้ที่ขาของชั้นวางของแล้วขว้างออกไปอีกด้านหนึ่ง

ทันทีที่โยนมันออกไป แสงไฟสว่างในลานก็ถูกเปิดขึ้นทันที กู้อ้าวเวยรีบดึงเชือกกลับมา และกอดมันไว้ในอ้อมแขนพลางซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าข้างๆ นางเอ่ยกระซิบ “ไฟสว่างแล้ว”

ฉีหลินพิงติดกับผนังไม่กล้าเคลื่อนไหว

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หญิงสาวใช้ที่ประตูลานก็เห็นแสงจากเทียนข้างใน นางถือโคมไฟขนาดเล็กและเดินเข้ามา ในปากของนางบ่นไปมา “นายหญิงเอ้อช่างเรื่องเยอะเสียจริง”

“จริง อายุขนาดนี้แล้วยังมิได้แต่งงานอีก รู้ว่าอยู่ในบ้านแล้วจะทรมานพวกเรา” หญิงสาวใช้คนหนึ่งขยี้ตาไปมา ราวกับว่านางเพิ่งตื่น

“ผู้ใดเรียกนางว่าต้นกล้าที่ป่วยกัน?” หญิงสาวใช้อีกคนหนึ่งลดเสียงของนางลง ทั้งสองบ่นอุบพลางเดินเข้าไปในห้อง ได้ยินเสียงไอดังออกมาจากด้านใน และเสียงตำหนิของแม่บ้านทั้งหลายก็ดังขึ้นเล็กน้อย

ฉีหลินที่อยู่ข้างกำแพงได้ฟังก็โกรธเกรี้ยว เดิมที่หญิงรับใช้ในบ้านล้วนดูหมิ่นพี่สาวของเขา

กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว สาวใช้ทั้งสองคนนั้นเดินสำรวจเป็นเวลานานก่อนที่แสงเทียนในห้องจะดับลง สาวใช้สองคนก้าวออกมาอย่างรำคาญใจ ก่อนจะก้าวออกจากห้องและปิดประตู

ฉีหลินรีบปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็วพลางเหยียบลงบนชั้น

“ เหตุใดแม่บ้านเหล่านี้จึงมิเฝ้าอยู่ในเรือน?” กู้อ้าวเวยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม เมื่อครู่นี้ได้ยินเสียงไอของนาง ราวกับว่าป่วยหนักมาก เช่นนี้มิควรมีคนคอนเฝ้าอยู่ใกล้ๆหรือ?

“กลัวที่จะติดโรค ท่านพ่อของข้าก็เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับบุตรชายและละเลยบุตรสาว ก่อนหน้านี้พี่สาวที่สองของข้ายังคงมีประโยชน์บ้าง แต่ตอนนี้พี่สาวที่สองเป็นเช่นนี้ ท่านพ่อของข้าจึงมิสนใจชีวิตหรือความตายของนาง และมิต้องการให้อาการป่วยของนางเป็นความอับอายขายหน้าเขา “เมื่อเอ่ยเช่นนั้น สีหน้าของฉีหลินก็ดูไม่ค่อยดีนัก กู้อ้าวเวยจึงหยุดพูดและติดตามฉีหลินไป ก่อนจะลอบเปิดหน้าต่างอย่างเงียบเชียบ

หญิงสาวบนเตียงลุกขึ้นนั่งในทันที แต่นางมิได้ส่งเสียง เพียงแค่จ้องมองที่หน้าต่าง ฉีหลินรีบโผล่หัวออกมาแล้วยิ้ม “ท่านพี่สอง นี่ข้าเอง!”

เมื่อเห็นเขา ผู้หญิงบนเตียงก็ยิ้มแย้มออกมา “มิใช่ว่าเจ้าหนีออกจากบ้านแล้วหรือ เหตุใดตอนนี้เจ้ากลับมาแล้ว?”

“เขาพาข้ามาช่วยรักษาท่าน” กู้อ้าวเวยก็พยายามที่จะเปิดผ่านหน้าต่างนี้เข้ามา นางปิดหน้าต่างอย่างระมัดระวัง

บุบผาร้อยเสน่ห์

บุบผาร้อยเสน่ห์

Status: Ongoing

ฟิ้ววว นางข้ามพภแล้ว!!!แพทย์โดดเด่นทันสมัยกู้อ้าวเวยข้ามภพกลายเป็นลูกสาวคนโตของเฉิงเสี้ยง อยากฆ่าข้าหรือ?มีดผ่าตัดของข้าสามารถทำให้เจ้าพิการทั้งตัวเลยนะ เปิดร้านยา ช่วยชาวบ้าน ถึงจะเป็นฮ่องเต้ก็อยากมาคบหาข้า นี่ท่านอ๋องชายเลว เจ้ากำลังแกล้งข้าอยู่รึ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท