ตอนที่ 48 นำคนตายมา
หลังจากฟังคำพูดของเซียวไห่แล้ว ซ่านจินจื๋อก็ครุ่นคิด เขาเกลียดกู้อ้าวเวยเสมอ และเขาไม่ชอบให้นางหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ แต่ทว่าพอคิดดู นางถูกวางยาพิษก็คงล้างพิษได้ นางสามารถฆ่าและช่วยชีวิตผู้คนได้ พฤติกรรมของนางไม่ได้อยู่เพียงน้อยนิด นางสามารถรับมือกับราชินีได้อย่างง่ายดาย
หากไม่เห็นนางเป็นชายา นี่ล้วนเป็นตัวหมากรุกที่มิเลว “ท่านลุง ท่านเอาเลือดของนางไปหรือไม่?” ซ่านเชียนหยวนเอ่ยขึ้นมา
“ใช่ เพลานั้นซูพ่านเอ๋อกำลังจะตายและนางก็มีเลือดของหลิ่งหนานตระกูลหยุน เลือดบนร่างกายของนางล้วนเป็นยาที่ยอดเยี่ยม” เสียงของซ่านจินจื๋อไม่ได้ผันผวน ฟังดูแล้วราวกับว่าเรื่องราวนี้นั้นเป็นเรื่องปกติ
ซานเชียนหยวนสูดลมหายใจ และเซียวไห่ที่อยู่ข้างเขาก็ทำอันใดไม่ถูก
ดูเหมือนว่าจะจำได้ว่าผู้ดูแลบอกว่าทุกสิ่งเหล่านี้ล้วนออกมาจากประตูของซ่านจินจื๋อ ซ่านเชียนหยวนตัวสั่นเทาอย่างช่วยมิได้ ซ่านจินจื๋ออาจโหดร้ายต่อพระชายาของเขา และเขาก็ยังเป็นองค์รัชทายาทที่สามารถสืบทอดบัลลังก์
ถ้าวันหนึ่งซ่านจินจื๋อต้องการบัลลังก์ และเขากลายเป็นอุปสรรค …
ซ่านเชียนหยวนไม่กล้าคิดเรื่องนี้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงทำเพียงหาเหตุผลที่จะจากไป แต่ในใจเขารู้สึกถึงความไม่ยุติธรรมแทนกู้อ้าวเวย
“ท่านอ๋อง แม้แต่ยามที่ปกป้องรอบ ๆ ตัวของท่านก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านจึงมีความเห็นกับพระชายาเช่นนั้น แต่ข้าก็ยังอยากจะเอ่ยในฐานะเพื่อน ในชีวิตของท่าน ท่านกล้าหาญและดุร้าย แต่ปฏิบัติต่อคนสนิทอย่างใจดี แล้วเหตุใดท่านมิปฏิบัติต่อชายาด้วยความสุภาพบ้างเล่า เหตุใดจึงปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นหมากรุก” เซียวไห่เอ่ยเบา ๆ
เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของซ่านจินจื๋อเสมอ เขาสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสม
“ไม่มีทาง พวกเจ้าทุกคนถูกนางหลอกแล้ว เหตุใดพวกเจ้าจึงต้องเอ่ยแทนนางกันทีละคน?” ซ่านจินจื๋อเอ่ยอย่างแปลกใจ
เพียงไม่กี่วัน เหตุใดทุกคนจึงต้องเอ่ยแทนนาง?
“ข้าไม่ค่อยมีการสื่อสารกับพระชายาเท่าใดนัก เพียงแต่คิดแทนท่านอ๋อง ท่านสามารถรักแม่นางพ่านเอ๋อได้ แต่ทว่าในโลกใบนี้ ไม่มีสิทธิ์ใดยิ่งใหญ่ไปกว่าบัลลังก์อีกแล้ว เพียงแค่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ ท่านก็สามารถให้แม่นางพ่านเอ๋ออยู่กับท่านได้ และพระชายาอาจกลายเป็นอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของท่านได้ “คำพูดของเซียวไห่เบาลง และเขาก็ออกจากห้องไป
ซ่านจินจื๋อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขารู้สึกหมดหนทาง เซียวไห่เคยโน้มน้าวใจเขามาก่อน และเขาก็เคยมีเมตตาต่อกู้อ้าวเวย แต่เพียงคำพูดของพ่านเอ๋อเพียงคำเดียว หลังจากกลับจวน เขาก็ไม่ชอบความไร้ยางอายของอีกอย่างสมบูรณ์ และด้วยอคติ มันจึงไม่สามารถถูกกำจัดได้ บางทีเขาควรใจเย็น ๆ และคุยกับนาง
จนกระทั่งเวลาเย็นของวันรุ่งขึ้น เมี่ยวหารก็ออกมาจากห้องและส่ายหัวของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า “พิษทั้งสองบนร่างกายของพระชายานั้นปะปนกัน ข้าน้อยไม่มีทางที่จะล้างพิษได้ ทำได้เพียงลดพิษชั่วคราว เพียงแต่….ถ้าพระชายาไม่มียาแก้พิษภายในสองปี ข้าน้อยเกรงว่า… ”
ทันทีที่คำพูดนี้ถูกเอ่ยขึ้น หยินเชี่ยวก็หายใจไม่ออก
มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังออกมาจากห้อง กู้อ้าวเวยสวมเพียงอาภรณ์บาง ๆ เดินออกมา แม้ว่าแผลที่คอของนางจะไม่มีเลือดออก แต่มันกลายเป็นสีม่วงอมเขียวเพราะยา
“ถ้ามีดไม่ได้แทงลงบนคอของข้า คาดว่าก็ยังคงปลอดภัย” นางเงยหน้าขึ้นมองซ่านจินจื๋อพลางหัวเราะเบา ๆ “อย่างไรเสียข้าก็จะตายในเร็ว ๆ นี้ แล้วเหตุใดจึงไม่ปล่อยข้าไป?
สายตาของซ่านจินจื๋อดูเหมือนจะมองนางออก “มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่สามารถได้รับถุงน้ำดีหงส์และเลือดมังกร มีเพียงแค่เจ้าที่มินำของต่างๆมา ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป”
“การที่ข้าอยู่ข้างกายของท่านก็มิเคยได้พบกับเรื่องราวที่ดี” กู้อ้าวเวยประคองไปกับขอบประตู และกอบกุมลำคอของตนเอง นางขมวดคิ้วอย่างมิมีร่องรอยรอย รอให้ดึงสติกลับมาได้ ที่รอบคอบนางก็เต็มไปด้วยรอยเลือด เมี่ยวหารวิ่งเข้าไปช่วยเหลือนาง
กู้อ้าวเวยเพียงแค่โบกมือไปมาและหยุดการกระทำของเขา “คิดเสียว่าเลือดไหลจะขจัดหายนะ”
นางกระแทกประตูปิดเสียงดัง สองมือสองขาล้วนสั่นเทาขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม นางยังไม่อยากตาย
แต่ทว่านางเคยล้างพิษน้อยครั้งมาก วันเวลาก็มีมากแล้ว
พลันหัวสมองนางก็สั่นไหวไปมา นางหายใจเข้าลึกลึกก่อนจะเดินไปที่ด้านหน้าของโต๊ะและเปิดหน้าต่างทุกบานออก ก่อนจะกำชับที่ด้านนอกด้วยรอยยิ้ม “หยินเชี่ยว จำไว้ว่านำของกินมาให้ข้า”
หยินเชี่ยวรีบร้อนไปจัดเตรียมด้วยดวงตาที่แดงก่ำ ทุกคนในลานบ้านมองหน้ากันไปมาเพียงครู่หนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยเช่นไรดี ซ่านจินจื๋อกำกำปั้นของเขาแน่น จ้องมองไปยังผู้ที่เขียนใบสั่งยาและจัดการยาสมุนไพรต่างๆอยู่ในห้องยาเช่นกู้อ้าวเวย ก่อนที่จะผ่อนคลายกำปั้นของเขาออก และลูบไปที่หน้าผาก ส่งตัวพระชายากลับตำหนักอ๋อง เมี่ยวหาร เจ้ารักษานางให้หายดีภายในหนึ่งปี”
“ขอรับท่านอ๋อง” เมี่ยวหารรีบร้อนผงกศีรษะ ดวงตาของเขาดำขลับ
“ไม่ต้องแล้ว เมี่ยวหารคือคนของท่านอ๋อง ข้ามิกล้าเชื่อเขาแม้แต่นิดเดียว” กู้อ้าวเวยเอ่ยออกมาโดยที่มิเงยศีรษะขึ้น นางจะต้องอยู่ให้ห่างจากซ่านจินจื๋อ ต่อไปก็จะไม่ช่วยเหลือใดๆเขา
ใบหน้าของซ่านจินจื๋อเคร่งเครียด เซียวไห่ดึงเขาไว้ก่อนจะส่ายหัวให้แก่เขาอย่างจนปัญญา
“ท่านอ๋อง สถานที่นี้มีข้ามองอยู่ ไม่ได้เป็นอันขาด ข้าจะรายงานต่อท่านพ่อโดยตรง ให้ส่งแพทย์ประจำราชสำนักมา มิต้องเป็นห่วง” ซ่านเชียนหยวนก็รีบร้อนเข้ามาห้ามทับ เพียงแค่หวังว่าทั้งสองคนจะมิทะเลาะเบาะแว้งกันต่อไป
เขาจนปัญญาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เดิมทีซ่านจินจื๋อยังอยากจะเอ่ยกับกู้อ้าวเวย ดูแล้วในเวลานี้กลับใช้ไม่ได้ เขาจึงทำได้เพียงนำเซียวไห่กลับจวน เขานั่งลงบนรถม้า เซียวไห่มองเขา “ดูเหมือนว่าท่านทำลายจิตใจของนางโดยสิ้นเชิง”
“นำคนตายมาที่นี่ก็พอแล้ววาจาที่ผลออกมาล้วนเย็นชาเสมอ
“เรื่องราวเพียงแค่สาม แต่พระชายากลับมีผลที่ลึกซึ้ง ต่อไปถ้าท่านมิใช้นาง ก็มิสามารถมองนางเป็นดังศัตรูได้” ในใจของเขาล้วนมีความรู้สึกมิดีอยู่ เซียวไห่อดไม่ได้ที่จะหมุนศีรษะกลับไปมองร้านยาเหย้านั้นอีกครั้ง”
“ทุกที่เต็มไปด้วยหญิง ก็สามารถมีพายุขนาดใหญ่ที่ถูกก่อให้เกิดขึ้น นางมีความสามารถในการเอาชนะใจผู้อื่น” ซ่านจินจื๋อเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา ในใจของเขากลับมีอาการคันเล็กน้อย ราวกับว่ามีสิ่งของอันใดหยั่งรากอยู่ภายใน
เมื่อกลับมายังจวนอ๋องจิ้ง ซูพ่านเอ๋อก็เฝ้ารออยู่ก่อนแล้ว ในกลางคืนที่เงียบสงบและหนาวเย็นเช่นนี้ นางสวมใส่เพียงแค่ผ้าบางๆและยืนอยู่ใต้ต้นไม้ เมื่อเห็นซ่านจินจื๋อก็พรวดพราดเข้ามาพลางเอ่ยถามเสียงเบา “ท่านพี่จื๋อ เหตุใดจึงเพิ่งกลับมาเอาป่านนี้เพคะ ดอกไม้ในสวนแห่งนี้เกือบจะบอกลาแล้ว”
“ถึงฤดูร้อนมาถึง เจ้าก็มิสามารถสวมใส่เพียงแค่อาภรณ์บางๆเช่นนี้ได้ ซ่านจินจื๋อก้าวขึ้นไปด้านหน้าและดึงคนตรงหน้าเข้าสู่อ้อมกอด
ใบหน้าของซูพ่านเอ๋อเปลี่ยนเป็นสีแดง นางเอ่ยปากออกมา “ท่านพี่จื๋อ” น้ำเสียงนี้มักจะทำให้เขาเลือดในกายสูบฉีด แต่ทว่าเพลานี้กลับไม่รู้สึกอันใดกับสิ่งนี้” บาดแผลนั้นที่ลำคอของกู้อ้าวเวยยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเขา ซ่านจินจื๋อก็ทำเพียงโอบกอดบุคคลในอ้อมแขนและบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้นางฟัง
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ซูพ่านเอ๋อตื่นตระหนก แต่อีกใจหนึ่งนางก็อดคิดถึงสิ่งที่กังวลเกี่ยวกับมิได้ พลันนางก็ร้องไห้ออกมา ช่างน่าสงสารเป็นอย่างมาก “ท่านพี่จื๋อรู้สึกชอบท่านพี่กุ้อ้าวเวยแล้วหรือ? เหตุใดจึงสนใจความเป็นตายของนางเช่นนี้?”
“แม้ว่าข้าจะเกลียดชังนาง นางก็ช่วยเหลือข้า” ซ่านจินจื๋อเอ่ยอย่างจนปัญญา