ตอนที่ 44 วันคัดเลือกมิสู้วันปะทะ
ถนนช่างคับแคบ กู้อ้าวเวยตัวแข็งทื่อครู่หนึ่ง แต่กลับคลี่ยิ้มออกมา
ฉีหลินยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม กู้อ้าวเวยช่วยเขาดึงม่านที่หน้าต่างลงมา ฉีหลินจึงถอนหายใจออกมายาวเหยียด
เมื่อวานนี้ ซ่านเชียนหยวนได้ยินเรื่องราวที่พวกเขาเอ่ยถึงกุ้จี้เหยา แม้แต่ฉีหลินก็รู้ว่าเฉิงเสี้ยงรักใคร่หลานสาวผู้นี้มากเพียงใด เดิมทีมิอยากจะยั่วยุทำให้นางลุกเป็นไฟ
“ท่านนี้มิใช่ชายาอ๋องจิ้งหรือ? เหตุใดจึงมาล่องเรือกับชายอื่น ช่างมิรู้ถึงจริยธรรมและความอับอาย” หญิงที่ข้างกายของกุ้จี้เหยาเอ่ยออกมา คนเรือก้มหัวลงและพายเรือลำนั้นเข้ามา
“อย่าเอ่ยเช่นนี้ อย่างไรเสียนางก็คือชายาอ๋องจิ้ง มิสู้เชิญชายามานั่งด้วยมิดีกว่าหรือ?”
“ชายาท่านอ๋องจิ้งชอบพูดคุยกับผู้ชาย จะมาคุยกับพวกเราได้อย่างไร” เหตุใดจึงเอ่ยว่าจาที่น่าเกลียดเช่นนั้นออกมาได้
“ท่านพี่ ขึ้นมานั่งด้วยกันเถิด พวกเราอาจจะไม่ได้คุยกันมาเป็นเวลานาน” กุ้จี้เหยาโบกมือไปมาเพื่อหยุดวาจาของพวกนาง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“มิจำเป็นดอก ข้ามิสามารถอยู่บนเรือลำเดียวกับพวกเจ้าได้ และตัวข้าเองก็มิสามารถจะทำเป็นไม่รู้ฐานะของตนเอง” กู้อ้าวเวยมิได้หมุนศีรษะกลับไป นางเพียงแค่ยกมือของนางขึ้นและรินน้ำชาลงในแก้วที่นางนำมาด้วยให้แก่ซ่านเชียนหยวน
รสชาติหอมหวานน้ำชาคอมเล็กน้อยแต่ทว่ากลับเป็นยาดีที่ทำให้จิตใจสงบ
“ท่านพี่ดูถูกหญิงของตระกูลเราหรือ?” กุ้จี้เหยาเอ่ยเยาะเย้ยออกมา ครั้งที่แล้วอยู่ในจวน ถ้ามิใช่เพราะเห็นแก่หน้าท่านอ๋องนาง จะต้องทำให้กู้อ้าวเวยอับอายอย่างแน่นอน เพลานี้ข้างกายของนางมีเพียงแค่ชายสองสามคน ตนเองมิเชื่อว่าจะไม่สามารถทำให้นางขายหน้าได้ ดังนั้นจึงเอ่ยออกมา “มิเช่นนั้นพวกเรามาต่อบทกวีกันเถิด ลองเปรียบเทียบว่าผู้ใดเหนือกว่า?”
“บทกวีนั้นพูดถึงสิ่งที่สง่างาม เมื่อเอ่ยถึงการเปรียบเทียบ ดูเหมือนว่าท่านพ่อและท่านป้าคงจะไม่ได้สอนวิธีเล่นเครื่องดนตรีของปัญญาชนให้แก่เจ้า อีกทั้งวันต่อไปเจ้าควรเรียกเขาว่าพระชายา เดี๋ยวคนมิรู้คิดว่าท่านพี่ของหญิงเช่นเจ้าเป็นน้อยของท่านอ๋อง” กู้อ้าวเวยกวาดสายตามองนางหนึ่งครั้ง
“เจ้า! กุ้จี้เหยายืนขึ้นอย่างเกลียดชัง กู้อ้าวเวยทำเพียงแค่สะบัดแก้วชาในมือไปมา ก่อนจะยิ้มออกมา นอกจากนี้ฮ่องเต้ที่สี่ไม่ได้กลับเทียนเหยียนมานานแล้ว ท่านอ๋องของของข้าเป็นตัวแทนพาฮ่องเต้ที่สามออกไปด้านนอก แต่กลับมิคิดว่าเจ้าจะเอ่ยออกมาเช่นนี้ ถ้าหากว่าท่านพ่อรู้เข้า เกรงว่าจะหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษไม่ได้”
สายตาของนางมักจะตกลงบนร่างกายของซ่านเชียนหยวน เขานั่งบนรถเข็นด้วยใบหน้าที่เงียบขรึม
เมื่อครู่นี้กุ้จี้เหยาเพียงแค่จ้องมองคิดมิถึงว่าคนที่ข้างกายของนางจะเป็นฮ่องเต้ที่สี่ หญิงสาวขุนนางทั้งเรือก็พลันตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก
กู้อ้าวเวยเท้าคางพลางจ้องมองไปยังซ่านเชียนหยวน “ถวายบังคมฮ่องเต้ที่สาม พระองค์คิดว่าพวกนางคือชายชู้ของหม่อมฉัน นี่นับว่าเป็นการดูถูกและสมควรจะได้รับโทษหรือไม่เพคะ?”
“ควรจะถูกลงโทษ” ซ่านเชียนหยวนโบกมือไปมาอย่างเย็นชา องครักษ์ที่ด้านหลังก็เข้าใจในทันที
“ฮ่องเต้ที่สี่ เป็นเพราะหม่อมฉันมีตาหามีแววไม่ ควรจะได้รับโทษ แต่ขอฮ่องเต้ที่มีใจกว้างดั่งมหาสมุทร ขอจงมิถือโทษโกรธพวกหม่อม” กุ้จี้เหยารีบร้อนเสนอตน หากว่าให้กุ้เฉิงรู้ว่านางเคยว่าฮ่องเต้ที่สี่คือชายที่เล่นชู้ด้วย เกรงว่าความรักใครที่มีให้หนังในทุกวันจากกลายเป็นตัดขาของนางแทน!
ขุนนางหญิงสาวทั้งหลายก็ล้วนอกสั่นขวัญแขวน
ซ่านเชียนหยวนมิได้เอ่ยอันใดออกมา เขาเพียงแค่รอจนกระทั่งเรือเข้าไปถึงกลางทะเลสาบ ทุกคนมองหน้ากันและหัวเราะขึ้นมา หญิงในชุดขาวผิวปากหัวเราะ “เมื่อครู่นี้หลิ่วเอ๋อทำเกินไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะไม่รู้จักพระชายาและฮ่องเต้ที่สี่ อีกทั้งยังขอให้พระชายาและฝ่าบาทยกโทษให้นาง”
“อย่างไรก็ตามมาถึงที่นี่ก็เพียงเพื่อผ่อนคลาย เมื่อครู่นี้เพียงแค่ถูกรบกวนโดยหญิงสาวที่ปากเสียเท่านั้น” กู้อ้าวเวยกรอกตาไปมาให้นาง นางเพียงแค่หยิบกล่องอาหารทั้งหมดออกมา
“พระชายาชอบติ่มซำหรือ?” หลิ่วเอ๋อจ้องมองดูโต๊ะที่เต็มไปด้วยติ่มซำด้วยความประหลาดใจ
“ใช่แล้ว ข้าชอบ ปกติข้ามักจะใช้เวลาอยู่กับยาสมุนไพร มันมักจะเต็มไปด้วยรสขม ดังนั้นข้าจึงชอบของหวาน” กู้อ้าวเวยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเช่นนั้นในทุกวันพระชายาสามารถส่งคนมาฟังเฟิงโหลว ติ่มซำของพวกข้าน้อยยอดเยี่ยมมาก” หลิ่วเอ๋อรีบร้อนเอ่ยออกมา นางหันไปโบกมือให้กับหญิงสาวในชุดสีฟ้า และหญิงสาวที่มีหน้าตาน่ารักและเฉลียวฉลาดสองสามคนก็พยักหน้าพลางเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
เมื่อได้ฟังทำเอากู้อ้าวเวยเก้ๆกังๆ ฉีหลินต้องการที่จะเอ่ยแทรก แต่กลับเห็นหญิงบนเรือพูดคุยกันอย่างเข้าน้ำเข้าเนื้อ เขาจึงทำได้เพียงมองสบตากับซ่านเชียนหยวนและดื่มเครื่องดื่มกันอย่างจนปัญญา เห็นกู้อ้าวเวยเข้ากับกลุ่มผู้หญิงพวกนั้นเป็นอย่างดีและทำให้นางหัวเราะได้ เขาถึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “ในวันธรรมดาท่านลุงก็มิมาหานางหรือ?”
“มิเคยมาแม้แต่ครั้งเดียว” ฉีหลินโบกมือไปมา “อย่างไรเสียผู้คนในเมื่องเทียนเหยียนล้วนรู้ว่าท่านอ๋องมีอันใดซ่อนไว้ภายใน ในใจของเขามีคนอยู่ก่อนแล้ว ในวันปกติเขาก็เห็นพระชายาเป็นเพียงหัวข้อสนทนา ท่านอ๋องมิเคยเข้ามาจัดการอันใด”
ซ่านเชียนหยวนเลิกคิ้วขึ้นและจ้องมองไปยังฉีหลินก่อนจะเอ่ยถาม “ที่สำนักเยียนหยู่เก๋อของเจ้าก็มีพี่น้องใช่หรือไม่? เจ้าเคยเชื่อหรือไม่ว่าญาติสนิทของเจ้าสามารถทำร้ายเจ้าได้เพราะธุรกิจ?”
เอ่ยมาถึงตรงนี้ ฉีหลินก็ขมวดคิ้วพลางพยักหน้า “ข้าคือผู้ที่มีอายุน้อยที่สุดในครอบครัว และเป็นคนไร้ฝีมือ พวกเขาล้วนปฏิบัติต่อใครอย่างสุภาพ เพียงแต่ว่าพี่สาวคนที่สองของข้าป่วยหนัก และมีความสามารถความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับสำนักเยียนหยู่เก๋อ ทำให้ถูกพี่สาวใหญ่ผลักลงไปในทะเลสาบเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลายวันมานี้นางค่อยๆซูบผอมลงเรื่อยๆ และไม่มีกระจิตกระใจที่จะดูแลสำนักเยียนหยู่เก๋อ ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ของพี่ชายน้องชายยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“จริงด้วย นายหญิงฉีเอ้อเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ ก่อนหน้านี้นางเคยมาหาพวกเราเพื่อฟังดนตรีเฟิงโหลว แต่ภายหลังกลับมิเคยออกมาด้านนอกอีกเลย ก่อนหน้านี้ท่านชายฉีแอบพาข้าไปที่จวนและแก้ความตะกรุดกลุ้มให้นาง ผู้ใดจะรู้ว่าจะถูกนายหญิงฉีรายงานและไล่พวกข้าออกมา เพลานั้นท่านชายฉีก็ถูกท่านพ่อทุบตี” หลิ่วเอ๋อเอ่ยแทรกขึ้นมา
ฉีหลินยิ้มอย่างขมขื่น เชาเพียงแค่ยกแก้วชาขึ้นดื่ม “พี่สาวคนที่สองของท่านก็ร่างกายอ่อนแอ วันนั้นก็เข้าไปในสถานที่เหน็บหนาว เกรงว่าอาจเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วย นายหญิงฉีก็กลับร้ายกาจ คิดไม่ถึงว่าจะไม่ยอมให้หมอหลวงรักษาพี่สาวของท่าน” เจ้ามีวิธีที่จะพาข้าเข้าไปในจวนหรือไม่?” กู้อ้าวเวยก็ปีนขึ้นมาจากเบาะรอง มือข้างหนึ่งของนางจับอยู่บนไหล่ของหลิ่วเอ๋อ
สายตาของนางเป็นประกาย นี่ทำให้ฉีหลินเพิ่งคิดได้ว่าข้างกายของเขามีแพทย์ที่ชำนาญด้านการรักษา “ได้จริงหรือ?” “จริงสิ!” กู้อ้าวเวยจับที่ปลายคางของหลิ่วเอ๋อเบาๆ หลิ่วเอ๋อส่งเสียงแปลกๆออกมา และเตรียมพร้อมหลบหนีจากปลายนิ้วของกู้อ้าวเวย ใบหน้าของนางมีความเขินอายเล็กน้อย
นางไอออกมาสองสามครั้ง ซ่านเชียนหยวนเอ่ยออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าหากเจ้ายื่นมือเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้ หากท่านลุงรู้ก็คงมิปล่อยเจ้าไป ก่อนหน้านี้ที่เจ้าต้องเจ็บข้อมือก็เพราะว่ามีเพื่อนชายมากมายอยู่ล้อมรอบตัวเจ้า ถ้าหากเจ้ายังไปที่จวนของฉีหลินและช่วยรักษาอาการป่วย เขาจะคิดว่าเจ้าทำให้ชื่อเสียงของตำหนักอ๋องเสื่อมเสียอย่างแน่นอน”
“ถ้าเช่นนั้นข้าแค่ต้องนำผ้าพันศีรษะเข้าไป ไม่เปิดเผยตัวตน” กู้อ้าวเวยแทรกขึ้นมาและตบมือกันกับฉีหลิน “เพียงแต่ว่าข้าก็มีสัญญาการแต่งงาน ไม่กล้ากลับไปอย่างเปิดเผยเช่นกัน มิสู้พวกเราแอบลอบเข้าไปดีหรือไม่?” ฉีหลินเสนอความคิดเห็น กู้อ้าวเวยพยักหน้าไปมา “วันคัดเลือกมิสู้วันปะทะ คืนนี้เป็นคืนที่ดี!”
ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้วไปมา สงสัยว่าสองคนที่มิเก่งด้านศิลปะการต่อสู้ จากแอบเข้าไปในจวนฉีได้อย่างไร