แต่บางเรื่องเราก็ไม่มีไฟล์แล้วเหมือนกัน
ตอนที่ 54 อับอายอยู่เสมอ
เมื่อกลับมายังจวนฉี ฉีหลินก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเฆี่ยนตีอย่างโหดเหี้ยมและคุกเข่าอยู่หน้าหอบรรพบุรุษ
ยามเย็นมาถึงเขากลับมายังห้องของตนเองอยากอย่างลำบากค่อยๆเปิดหน้าต่างเบาๆ เฉิงยี เฉิงเอ้อตามกู้อ้าวเวยมายังจวนฉีในค่ำคืนนี้อีกครั้ง ครั้งนี้ส่งกู้อ้าวเวยตรงดิ่งเข้าไปห้องของฉีหลิน
กู้อ้าวเวยรีบปิดหน้างต่างและส่งยาจินชวงให้แก่เขา “พี่สาวของเจ้าไม่สบายใจเลยให้ข้านำยามาให้เจ้าที่นี่”
ฉีหลินลูบบั้นท้ายตัวเองมันเจ็บจนต้องกัดฟัน “อย่าได้พูดเรื่องนี้ ท่านพี่รับปากข้าได้หรือไม่?”
“ได้รับกำไลหยกเมื่อไรข้าถึงจะตกลง แต่ว่านางบอกว่าในวันข้างหน้าสำนักเยียนหยู่เก๋อยังไงก็เป็นของเจ้า นางจะช่วยเจ้าเอง” กู้อ้าวเวยหยิบเข็มและขวดหยกออกมาจากอ้อมแขนยื่นให้แก่เขา “วันนี้ตอนมาถึงจวนฉีข้าเห็นพี่สาวคนโตของเจ้าเหมือนจะโดนพิษ เจ้าต้องระวังให้มากกว่านี้”
“อะไรนะ!” ฉีหลินลุกพรวดขมวดคิ้วจนเจ็บปวดไปทั้งใบหน้า
“เรื่องนี้เจ้าต้องเป็นคนแก้ไขเอง ซ่านจินจื๋อไม่ให้ข้าดูแลเรื่องนี้ต่อไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยู่ในจวนแล้วเกิดเรื่องขึ้นก็ไปหาพี่สาวเจ้าที่ร้านยาเหย้าก็ได้ ข้าขอตัวกลับก่อน” กู้อ้าวเวยเปิดหน้าต่างออกไปอย่างระมัดระวังท่าทางน่าตลก โชคดีที่เฉิงยี เฉิงเอ้อมีวิทยายุทธพวกเขาจึงสามารถออกไปได้โดยไร้เสียง
นางไม่ได้กลับไปยังร้านยาเหย้าแต่ตรงไปยังตำหนักอ๋อง
เมื่อมาถึงวิหารเฟิ่งหมิง เฉิงยีก็รีบนำเหตุกาณ์ที่เกิดขึ้นที่จวนฉีกราบทูลแก่ซ่านจินจื๋อได้ทราบ ส่วนกู้อ้าวเวยก็รีบขังตัวเองไว้ในห้องและไล่ทุกคนออกไป
“เฉิงยี เจ้าแน่ใจใช่หรือไม่ว่าพระชายานั้นช่วยเหลือพี่น้องตระกูลฉีเพราะต้องการที่จะร่วมมือกับสำนักเยียนหยู่เก๋อในภายภาคหน้าอยู่?” ซ่านจินจื๋อวางถ้วยชาลง
“มั่นใจขอรับ พระชายาพูดถึงเรื่องอยู่หลายครั้งและพี่น้องตระกูลฉีก็ตอบตกลงแล้วด้วยขอรับ”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วตอนนี้เขานั้นมีความคิดอยู่ในใจ ตอนนี้สำนักเยียนหยู่เก๋อยังมีประโยชน์ต่อเขาอยู่ แต่ว่าพวกเขานั้นติดต่อกันนับครั้งได้ ถ้าหากว่าจะใกล้ชิดมากกว่านี้โดยใช้ชื่อของกู้อ้าวเวย ไม่เพียงแต่จะได้แลกเปลี่ยนข่าวสารเป็นที่แรกยังสามารถให้ผลประโยชน์กับสำนักเยียนหยู่เก๋ออีกและยังทำให้นายท่านฉีหมิงเชื่อใจเขาได้อีกด้วย”
เพียงแต่…เขานั้นยังไม่เชื่อในกู้อ้าวเวย ถ้าหากว่านางตั้งใจแพร่งพรายข่าวที่ส่งต่อมาตากสำนักเยียนหยู่เก๋อนั้นจะทำอย่างไรดี?
เขาคิดไตร่ตรองอยู่สักพัก และตัดสินใจที่จะค้นลึกเข้าไปยังก้นบึ้งของกู้อ้าวเวยอยากจะรู้ว่านางนั้นตกลงแล้วคุ้มค่าแก่การใช้งานหรือไม่
ค่ำคืนมาถึงวิหารเฟิ่งหมิงก็เงียบเหงาวังเวง
ซ่านจินจื๋อเดินมายังประตูห้องยังไม่ทันได้เคาะประตูก็ได้ยินเสียงของจำนวนมากหล่นลงพื้นทะลุออกมา ตามมาด้วยเสียงหอบหายใจหนัก
“ท่านอ๋อง….” เฉิงซานมองไปที่ซ่านจินจื๋อ
“เจ้าถอยออกไปก่อน!” ซ่านจินจื๋อหน้านิ่วคิ้วขมวด ไม่รู้ว่ากู้อ้าวเวยทำอะไรในห้องอีกแล้ว!
เฉิงซานรีบถอยลงมายืนข้างๆ ซ่านจินจื๋อถีบประตูตรงหน้าอย่างแรง เสียงที่ออกมาแน่ชัดว่าเป็นเสียงกรีดร้องตกใจของกู้อ้าวเวย ซ่านจินจื๋อเดินเข้าไปมองไปยังเงาที่ซ่อนอยู่ในความมืดเงียบนิ่ง
กู้อ้าวเวยนั่งขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ผลข้างเคียงของต้นหญ้าเหินทำให้นางจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสายตาพร่ามัวจนมองไม่ออกว่าใครเป็นใครนางทำได้แค่ถือมีดเล่มเล็กในมือขึ้นมาใช้มือที่สั่นเทาหยิบขวดหยกยกดื่มยาผ่านลำคลองไป
ไม่มีใครเข้าใจเหตุการณ์จุดนี้
“เจ้ากล้าใช้มีดกับข้างั้นหรือ?” ซ่านจินจื๋อเดินไปทางนาง
เสียงของซ่านจินจื๋อเลื่อนลอยผ่านหูของนางไป นางใช้มือข้างที่ว่างกุมขมับพลางถามหยั่งเชิงออกไป “ซ่านจินจื๋อ…ท่านมาได้อย่างไร?”
จะบ้าตาย ทำไมซ่านจินจื๋อถึงต้องมาเห็นนางในสภาพน่าอับอายเช่นนี้ตลอดเวลาด้วย!
ตอนนี้นางเหมือนกับมีไฟเร่าร้อนสุมอยู่ที่ทรวงอกของนางทำให้นางไม่สามารถคุมใบหน้าเย็นชาต่อหน้าซ่านจินจื๋อได้ ถึงแม้ว่าซ่านจินจื๋อกำลังบีบคางของนางอยู่มืออีกข้างก็ดึงฉุดกระชากนางให้ลุกขึ้นมา ความเจ็บปวดทำให้นางไม่สามารถประคองสติได้
นางสาบานว่าจะไปถอนพิษที่ตำหนักอ๋องอีกเป็นอันขาด!
ผลข้างเคียงของต้นหญ้าเหินถูกกลั้นเอาไว้ทำให้ใจนางร้อนรนกระวนกระวายไม่สามารถตอบอะไรยาวๆได้
ผ่านไปสักครู่ กู้อ้าวเวยก็เริ่มรู้สึกตัวชัดเจนว่าโดนเขวี้ยงลงบนเตียง ทว่าซ่านจินจื๋อไม่ปล่อยนางไปแถมยังจับไหล่นางไว้แน่นไม่ยอมให้นางนอนลงไปพลางจ้องเขม็งไปที่นาง “เจ้าลองยาหรือ? ยาพิษ? เจ้าอยากตายหรืออย่างไร”
“พิษถอนพิษ” นางใจร้อนไม่เป็นสุขใช้สองมือผลักเขาออกอย่างสุดแรง
เพียงหนึ่งมือของซ่านจินจื๋อก็สามารถพันธนการมือทั้งสองข้างของนางได้อย่างง่ายดายและยังบังคับนางให้มองมาทางเขาได้ “มองข้านี่”
“หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว ข้ามองยังไงก็…โป้ปด” กู้อ้าวเวยกัดฟันพูดออกมา พิษของต้นหญ้าเหินกำเริบขึ้นอีกครั้งทำให้นางรู้สึกเหมือนกระดูกจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆศีรษะเหมือนโดนไฟเผา “เจ้านะ…อยากจะเห็นสภาพน่าอับอายของข้า! ใช่หรือไม่!”
นางกัดปากพลางกรีดร้องออกมา ไม่รู้ว่านางเอาแรงมาจากไหนมาดิ้นจนหลุดจากซ่านจินจื๋อทิ้งบาดแผลได้เลือดไว้ที่หลังมือของซ่านจินจื๋อ
ซ่านจินจื๋อนั้นไม่อยากจะทะเลาะกับคนป่วยจึงทำได้แค่ทนฤทธิ์ของนางปละจับนางกดไว้บนเตียง กู้อ้าวเวยต่อสู้ดิ้นรนโดยไม่สนสิ่งใด จนกระทั่งคำพูดสักประโยคก็พูดไม่ออกและร้องไห้ออกมา
กู้อ้าวเวยเกือบหายใจไม่ออกจากการควบคุมร่างกายไม่ได้
ทว่านางตอนนี้นั้นมีภาพปรากฏอยู่ในสมองอยากให้คนตรงหน้าหายไปแต่ตอนที่นางหล่นลงบนเตียงมีดเล่มเล็กในมือก็บาดหลังมือของนาง
ซ่านจินจื๋อนั้นตาไวนำมือของนางไพล่หลังและหยิบมีดโยนทิ้งไป
“ถ้าเจ้าตายก็ไม่มีใครรักษาพ่านเอ๋อ” เขาพูดออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำเหมือนกับพูดกับตัวเอง
ซ่านจินจื๋อนั้นอยากที่จับผู้หญิงวุ่นวายคนนั้นมัดไว้กับเตียงแต่ก็นึกได้ถึงคำเตือนของเซียวไห่ จึงทำได้แค่ข่มอารมณ์ร้อนในใจแล้วกดนางไว้บนเตียง
จนกู้อ้าวเวยหมดแรงนางถึงจะได้สติกลับคืนมา ร่างกายราวกับเพิ่งขึ้นมาจากน้ำแข้งขาอ่อนปวกเปียกนอนอยู่บนเตียงมองไปซ่านจินจื๋อและหัวเราะออกมาราวคนไร้หัวใจ “รู้สึกว่าข้าในสภาพน่าสมเพชแบบนี้ก็ถูกท่านจับจนได้ ท่านอ๋องท่านช่างเป็นความเคราะห์ร้ายของข้าเสียงจริง”
ซ่านจินจื๋อไม่รู้ว่าทำไมนางยังสามารถหัวเราะได้ทั้ง ๆที่ผ่านความเจ็บปวดทรมานขนาดนั้นมา ทว่าจุดประสงค์ของเขาจริง ๆไม่ใช่มาดูเบาดูแคลนหญิงตรงหน้าเขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เจ้าควรอยู่กับเมี่ยวหาร เขาช่วยเจ้าถอนพิษได้”
“แต่เขาเป็นคนของท่าน” กู้อ้าวเวยสบตากับซ่านจินจื๋อด้วยความเย็นชา รอยยิ้มไร้หัวใจของนางก็เปลี่ยนไป นางพยุงตัวลุกขึ้นยืน ผมเผ้ายุ่งเหยิงติดเต็มใบหน้าทำให้ซ่านจินจื๋อนั้นไม่กล้าลืมตามอง
ซ่านจินจื๋อเห็นรอยแผลที่เขาทิ้งไว้บนตัวของนางชัดเจน
กู้อ้าวเวยเอนตัวมาข้างหน้าและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่ก็ดึกมากแล้วสรุปท่านอ๋องมาหาข้ามีเรื่องอันใด?”