บทที่ 61 เข้าสำนักเยียนหยู่เก๋อ
ราตรีที่สงบ ไร้ความฝันปราศจากความทุกข์
สำหรับกู้อ้าวเวยแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ถึงความสบาย
ตอนเช้าตรูพระอาทิตย์อบอุ่นสาดส่องลงมา พุทราเดินไปข้างหมอนร้องเหมียวๆไม่หยุด กู้อ้าวเวยพลิกตัวไปกอดแมวน้อยเข้ามาในอ้อมกอด จักจี๊ท้องแมวเล่นจนพุทราร้องเหมียวและรีบโดดลงจากเตียงนาง นางถึงลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ
เปิดเสื้อลงดูตรงกระดูกไหปลาร้า ที่มีอักษรหยุนอยู่จะไม่เจ็บอีกแล้ว
เป็นเพราะยาพิษโหวเซ่อที่เตือนนาง ไม่เพียงแต่ทำลายพิษที่ท่านปู่ทิ้งไว้ให้ ยังสามารถล้างพิษโหวเซ่อในตัวทั้งหมดไปอีก และตอนนี้ทุกคนก็คิดว่านางยังมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสองปี
นางยิ้มมุมปาก แต่หน้าต่างใกล้ที่ใกล้เตียงนอนกลับถูกเปิดออก ฉีหรัวอุ้มพุทราไว้และพูดว่า: “ถอนพิษได้แล้วเหรอ?”
“อืม ตอนนี้รู้สึกสบายตัวมาก ข้าก็ควรจะกลับจวนแล้ว”นางยืดเส้นยืดสาย มองไปทางแสงตะวัน ถึงนึกได้ว่าเมื่อวานนางถอนพิษได้กลับนอนหลับไปตั้งหนึ่งวันหนึ่งคืน ตอนนี้นางหิวมาก
“ข้าสั่งคนไปซื้ออาหารเช้าให้แล้ว ช่วงนี้เทียนเหยียนมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเลยล่ะ”ฉีหรัวลูบหัวพุทราเบาๆ เดินไปทางห้องโถงใหญ่
กู้อ้าวเวยรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดและตามไป
เพราะก่อนหน้านี้ฉีหรัวถูกพวกข้ารับใช้นินทาล้อเลียนมากมาย มาวันนี้ฉีหรัวก็ไม่ชอบให้มีคนมาคอยรับใช้ข้างๆ ภายในห้องโถงใหญ่ก็มีแค่พวกนางสองคน พุทราก็นั่งกินอาหารเช้าด้วยกันอยู่ข้างๆ
พอกินถึงครึ่ง ฉีหรัวก็วางตะเกียบในมือลงพูดว่า: “น้องสาวเจ้า กู้จี้เหยาจะแต่งเข้ามาเป็นอนุภรรยา เรื่องนี้เป็นที่เล่าลือกันทั่วเมือง ลือกันว่าเฉิงเสี้ยงอบรมสั่งสอนลูกยังไงให้เป็นแบบนี้ ถึงให้พวกเจ้าพี่น้องสองคนมาใช้สามีร่วมกัน”
“แต่งเข้ามา?ท่านอ๋องตกลงแล้วเหรอ?”กู้อ้าวเวยกินไปเหมือนไม่สนใจ
“ไม่เพียงแต่ตกลงนะยังบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้คนในครอบครัวอีก แต่ได้ยินมาว่ากู้เฉิงเสี้ยง(เฉิงเสี้ยง คือชื่อของตำแหน่ง)ก็โกรธมากเลนะ มาวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อ”ฉีหรัวกวักมือเรียกพุทรา มันเดินมากระโดดขึ้นไปนั่งบนตักนาง
หรือว่าซ่านจินจื๋อจะชอบกู้จี้เหยา? ไม่สิ ไม่น่าจะเป็นไปได้
พอกินอาหารเช้าเสร็จ ฉีหรัวเลยให้เครื่องแต่งหน้านางไปถึงจะให้นางไปได้ กู้อ้าวเวยเดินเข้าไปในตำหนักอ๋องจิ้ง ยังไม่ทันได้เดินเข้าไปก็เห็นรถม้าจากจวนเฉิงเสี้ยงขับมาจอดอยู่หน้าตำหนัก
นางรีบซ่อนตัวทันที นางไม่อยากพูดกับท่านพ่อตัวเอง
และซ่านจินจื๋อก็เดินออกมาพอดี เขาทักทายกู้เฉิงเสี้ยงและพูดว่า: “กู้เฉิงเสี้ยง วันนี้ข้ามีธุระด่วนต้องออกไป ถ้ามีเรื่องอะไร รอข้ากลับมาก็ยังไม่สาย”
กู้เฉิงกำลังจะพูดก็ต้องเงียบลงไป ทำได้แค่มองดูซ่านจินจื๋อขี่ม้าออกไป
ไม่นานหลังจากนั้น กู้เฉิงก็ตัดสินใจกลับจวนตัวเอง กู้อ้าวเวยแอบอยู่หลังต้นไม้ นางเดินออกมาและแอบเข้าไปในตำหนัก ยังอยากถามซ่านเชียนหยวนว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น แต่กลับนึกถึงคำขู่ของซ่านจินจื๋อ ก็เลยต้องไปที่อื่นแทน นั้นก็คือจี้ซื่อถาง
เห้อจิ้นหล่างกำลังตรวจวัดชีพจรให้คนไข้ พอเห็นกู้อ้าวเวยมาก็พูดว่า: “ไม่เจอกันนานเลยนะ”
“อืมนานจริง เจ้าทำธุระตัวเองเถอะ เดี๋ยวข้าเก็บหนังสือไปไว้ที่เดิมเอง”กู้อ้าวเวยถือหนังสือเดินไปข้างใน ยังช่วยเขาจัดโต๊ะไปด้วย
พอเห็นเห้อจิ้นหล่างยุ่งๆอยู่ นางก็นั่งข้างๆห่าวขึ้นมา เห้อจิ้นหล่างเห็นดังนั้นก็ทนดูไม่ได้พูดว่า: “ถ้าไม่มีอะไรสามารถไปที่เยียนหยู่เก๋อข้างๆได้ คุณชายฉีหลินท่านนั้นตอนนี้กำลังปกครองเยียนหยู่เก๋ออยู่ กำลังเป็นที่นิยมมาก”
“จริงเหรอ?”กู้อ้าวเวยได้ยินดังนั้น กำลังอยากฟังข่าวช่วงนี้อยู่เลย
“จริงสิ เจ้าไปดูสิ”เห้อจิ้นหล่างพูดจบ ก็รีบเขียนยาให้คนไข้
ฤดูใบไม้ผลิกำลังผ่านไป ฤดูร้อนใกล้เข้ามา เป็นช่วงเปลี่ยนดูที่มีคนป่วยเยอะมาก ยิ่งเป็นช่วงฤดูร้อนที่มีคนนอกเข้ามาในเมืองเทียนเหยียนทำให้ปรับสภาพตัวไม่ได้ จี้ซื่อถ่างเลยมีคนไข้เต็มไปหมด
กู้อ้าวเวยไม่กล้ารบกวน มาถึงเยียนหยู่เก๋อ
พอเข้าไปข้างใน ก่อนหน้านี้หญิงสาวงดงามที่พอเห็นนางก็เดินเข้ามา วันนี้นางใส่เสื้อสีฟ้าอ่อน หางตาทาด้วยเครื่องสำอางสีแดง จากนั้นก็เคารพนางและพูดว่า: “พระชายามาทางนี้สิเจ้าคะ คุณชายฉีหลินรออยู่นานเลย”
กู้อ้าวเวยเดินตามนางไป กลับเห็นว่าด้านหลังของเยียนหยู่เก๋อนั้นยุ่งวุ่นวายมาก คนทำงานมีมากมาย
และฉีหลินก็อยู่ในห้องในสุด ข้างในมีหนังสือโบราณมากมาย อีกด้านก็คือสมุดบัญชีกองมากมาย หน้าต่างก็ถูกปิดสนิท หายใจได้แค่นิดเดียวแต่ในกลางวันแสกๆก็ยังจุดเทียนอยู่เลย
“นี่แค่ไม่กี่วัน เจ้าก็ได้รับให้ดูแลสมบัติทั้งหมดนี่เลยเหรอ?”กู้อ้าวเวยยิ้มและนั่งลง เห็นเขานั่งอ่านบัญชีด้วยสีหน้าที่ตึงเครียด
“นี่แค่ไม่กี่วัน น้องสาวเจ้าก็ยื่นมือไปถึงสามีเจ้าแล้วเหรอ”ฉีหลินพูดล้อและยิ้มมุมปาก
“ทำไม เจ้ารู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ?”กู้อ้าวเวยลูบคางตัวเองเบาๆ
เขาวางบัญชีในมือลง ฉีหลินลูบคางตัวเองเบาๆและพูดว่า: “เรื่องนี้ใครบ้างที่ไม่รู้ เจ้าที่เป็นพระชายาจิ้งกลายเป็นที่นินทาของคนทั่วเมืองแล้ว เมื่อวานข้ายังให้หลิ่วเอ๋อช่วยไปสืบดูหน่อย ต่อมาถึงรู้ว่าเรื่องนี้คนที่อยู่เบื้องหลังคือซูพ่านเอ๋อ ท่านอ๋องจิ้งต้องไปอำเภออื่นทำงานราชการ เกรงว่าจะไม่อยู่ในเมืองเทียนเยียนไปอีกหลายวัน”
พอได้ยินฉีหลินพูด ครั้งนี้นางไม่รู้จริงว่าซูพ่านเอ๋อคิดจะทำอะไรกันแน่
“ช่างเถอะ ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่า ภายในตำหนักแม้จะมีอนุภรรยามากเพียงใดก็ไม่เกี่ยวกับข้าหรอก แล้วเจ้าล่ะ กล่อมพ่อเจ้าได้ยังไง?”กู้อ้าวเวยมองหน้าเขาและยิ้ม
ฉีหลินถอนหายใจและพูดว่า:“ข้าต้องคุกเข่าอยู่หน้าศาลเจ้าของตระกูลสามวัน ตอนนี้ขนาดยืนยังขาสั่นเลย”
กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพี่สาว ฉีหลินกลับตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด แต่ฉีหลินกลับทำเป็นเฉยๆไม่สะทกสะท้านอะไร และพูดว่า: “พอข้ามาร้านนี้แล้ว แต่ข้าดูบัญชีไม่เป็นน่ะสิ”
“เช่นนั้นก็ไปหาฉีหรัวสิ นางแย่งแมวในร้านยาเหย้ากับข้าตลอดเลย”กู้อ้าวเวยยืนขึ้นมา ยังอยากจะพูดกับฉีหลินต่อ หญิงสาวที่พานางเข้ามาเมื่อกี้กลับวิ่งมาด้วยหน้าตาที่แตกตื่น
“พระชายาจิ้ง คนของท่านอ๋องจิ้งรอท่านอยู่หน้าประตูแล้วเจ้าค่ะ”
“รอข้า?”กู้อ้าวเวยชี้ไปที่ตัวเอง ฉีหลินเห็นแล้วก็ดึงเสื้อนางและพูดว่า: “รีบเอายารักษาเข่าออกมาสิ จากนั้นเจ้าก็รีบไปเจอท่านอ๋องจิ้ง”
เฮ้อ!
นางมองบนและเขียนยารักษาลงไป จากนั้นก็รีบตามหญิงคนนั้นออกไปทันที
เซียวไห่นั่งอยู่บนม้า ด้านหลังยังมีม้าสีแดงตัวหนึ่งตามมา: “พระชายาจิ้ง ครั้งนี้ท่านอ๋องไปงานราชการจะพาท่านไปด้วย ม้าตัวนี้ท่านอ๋องก็เลือกให้ท่านเองเลยล่ะ”