บทที่ 72 ข้อถกเถียงของพันธมิตร
บนไหล่เขา กู้อ้าวเวยนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง
“พวกเขากำหนดไว้แล้วว่าทางด้านนู้นท่านยังต้องรับอนุ จึงจงใจมาเร่งรัดเวลา” กู้อ้าวเวยปรายตามองเขาแวบหนึ่ง นึกอยากใช้ต้นไม้ใบหน้าบนพื้นดินมาถักทำเป็นพวงหรีดอย่างไร้ชีวิตชีวายิ่งนัก
“เป็นตัวข้าเองที่ลืมเลือนไปสิ้น” ก่อนจะมา ซ่านจินจื๋อคิดไม่ถึงถึงต้นตอข้อนี้เลย
“อย่างไรเสียเมื่อครู่หลังจากพวกเราทำการแสดงไปแล้ว พวกเขาเพียงแต่คิดว่าท่านกำลังประจบข้า คงไม่งี่เง่าพอที่จะพูดถึงเรื่องการรับอนุอีกแน่นอน เพียงแต่ต่อไป พวกเราจะสืบหาเทพเจ้าภูเขา หรือว่าเลือกสืบเรื่องช่องทางลับก่อนกันแน่” กู้อ้าวเวยก้มหน้างุดจัดแจงดอกหญ้าในมือ และพยายามสานให้เป็นพวงหรีดหนึ่งอันให้สำเร็จจงได้
ซ่านจินจื๋อยืนอยู่ใต้ร่มไม้ มองยังกู้อ้าวเวย “เจ้ามีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องเทพเจ้าภูเขาอย่างไร”
“ข้าไม่เชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์ที่โหวเซ่อมีส่วนเกี่ยวข้อง บางทีเทพเจ้าภูเขานั่นอาจจะเป็นความเชื่อประเภทหนึ่ง หรือไม่ก็วิธีการที่พวกเขาโหวเซ่อใช้สื่อสารภายในแคว้นชางหลาน ส่วนวัตถุประสงค์ในการมีส่วนร่วมเรื่องนี้ของโหวเซื่อยังไม่เป็นที่รู้ชัด แต่เป็นอันแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องทำข้อตกลงที่ไม่เลวกับทหารน้ำโล่เสียอย่างแน่นอน” กู้อ้าวเวยวางผลิตภัณฑ์ที่ล้มเหลวในมือเอาไว้ด้านข้าง ปีนลงจากก้อนหินและตัดสินใจจะเริ่มต้นอย่างที่สอง นางมักไม่ชอบให้มือของตนเองว่างงานเอาเสียเลย
“มีความเป็นไปได้” ซ่านจินจื๋อพยักหน้าเห็นด้วย แม่ทัพเฉิงอาจจะประจวบกับนำเรื่องนี้ไปเจรจามาต่อหน้าพวกเขาแล้วก็เป็นได้
“แต่แม่ทัพเซียวคิดว่าการค้าขายยาพิษไม่ได้ทำเงินเท่าใดนัก และยังคงตรวจสอบสาเหตุที่ลูกหลานเหล่านั้นเข้ามาเพื่อเป็นแม่ทัพเป็นแพทย์ทหารโดยไม่เปิดเผยตัวตนอยู่” กู้อ้าวเวยกล่าวต่อ
แม่ทัพเฉิงพยายามอย่างหนักเพื่อโยนสิ่งที่เกิดขึ้นในค่ายทหารไปให้เทพเจ้าภูเขาที่ไม่มีอยู่จริง ในขณะที่ทหารคนอื่นๆ มีความอดทนกล้ำกลืนปากเสียงไม่กล้าบอกความจริง แต่เจ้าหน้าที่อาวุโสและลูกหลานเหล่านั้นเสี่ยงอันตรายเพื่อผลิตยาพิษอยู่ที่นี่ จะต้องยังมีสาเหตุอื่นๆ อีกอย่างแน่นอน
ผ่านไปสักพัก ราวกับซ่านจินจื๋อฉุกคิดอะไรขึ้นได้ ก่อนมองทางกู้อ้าวเวย “คืนวานเจ้าวางยาพิษให้เจ้าอ้วนกลมหวางฮุยคนนั้น?”
“ใช่แล้ว ทำไรหรือ” ในที่สุดกู้อ้าวเวยก็เงยหน้ามองเขาด้วยความฉงน
“ทำเพิ่มอีกนิด แล้วทำให้พวกเขาคิดว่ามีคนวางยาพิษ อย่างไรเสียหมอของที่นี่ก็อาจจะเป็นเพียงหมอต้มตุ๋นหรือไม่ก็หมอทำพิษก็เป็นได้ เจ้าสามารถให้ยาพิษที่ใช้กับกว่างเสียนก่อนหน้านี้แก่พวกเขาก็ได้” ซ่านจินจื๋อเดินไปยังข้างกายของนาง
“เข้าใจแล้ว ถึงเวลานั้น พวกเขาจะตรงดิ่งเข้ามาหาพวกเราและบอกความจริงเอง หากรู้ว่าง่ายขนาดนี้ตั้งแต่แรก คืนวานข้าคงช่วยคนออกมาแล้ว” กู้อ้าวเวยกำหมัดแน่นอย่างช่วยไม่ได้
“ถ้าหากคืนวานเจ้าช่วยคนออกมา บรรดาคนที่รู้ความจริงจะต้องหนีออกไปตลอดทั้งคืน ลอยตามกระแสน้ำไปยังปลายน้ำ ซึ่งไม่ใช่ผลดีอะไรเลยกับพวกเรา” ซ่านจินจื๋อปริปากเอ่ยเสียงทุ้ม แต่เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทางแล้วดูเหมือนกับกำลังออกคำสั่งกับเหล่าทหารอารักขาที่ซุกซ่อนอยู่รอบๆ ข้างกาย
กู้อ้าวเวยปีนขึ้นไปบนหยินเอ่อ ลากสายบังเหียนและเดินตามหลังซ่านจินจื๋อด้วยความเร็วไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป
เมื่อครู่ เขากำลังปลอบใจตนเองอยู่หรอ
การเคลื่อนไหวของหยินเอ่อแพร่กระจายตามกีบม้าที่วิ่งลาดเขาลงไปขจัดความคิดของนาง ซ่านจินจื๋อควบม้าตามมาจนถึงข้างกายนางอย่างไม่รีบไม่ร้อน เห็นว่าคางของนางแนบอกแน่นมองลงยังพื้นดิน จึงเอ่ยคำต่อ “ต้องการวัสดุยาอะไร”
“ส่งข้ากลับไปยังเทียนเหยียน รอหลังจากข้าทำเสร็จแล้วจะส่งยากลับมา ให้เวลาข้าสามวัน” กู้อ้าวเวยยังคงจ้องยังปลายเท้าอย่างเอาเป็นเอาตาย กลัวสุดขีดว่าหยินเอ่อที่ไม่ค่อยมั่นคงจะโยนนางเทลงไป
ไปกลับสองวันสองคืนเต็มๆ มีเพียงวันเดียวที่ทำยา อย่างไรเสียที่นี่ยังคงขาดแคลนวัชพืชพิษอยู่เล็กน้อย
แต่ว่าสามวันมานี้ เป็นเรื่องยากสำหรับซ่านจินจื๋อ เขาต้องการให้แน่ใจว่าภายในสามวันคนเหล่านี้จะไม่หนีเพราะมีการเปิดโปงเรื่องนี้ และยังหมายความว่าคนเหล่านั้นที่อยู่ในช่องทางลับยังต้องถูกจองจำไปอีกสามวัน
สิ่งนี้ทำให้ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วมุ่น ก็แม้แต่กู้อ้าวเวยเองยังหน้านิ่ว แม้นเป็นเวลาสามวัน เช่นนั้นชะตาชีวิตของทุ้งโจวคงเสมือนแขวนบนเส้นด้ายแล้ว เรื่องดังกล่าวจัดการค่อนข้างยากไม่น้อย
“รอประเดี๋ยวข้าจะไปทำยาสมุนไพรสักหน่อย ท่านคิดหาวิธีที่จะส่งเซียวไห่ไปยังอุโมงค์ช่องทางลับ พักนี้พวกท่านอยู่บริเวณใกล้เคียง พวกเขาจะต้องไม่ทรมานต่อไปอีกแน่นอน เพียงแต่ทางฝั่งแม่ทัพทุ้งนั้น คงทำได้เพียงพวกท่านต้องดูเอาเองแล้ว ยาข้าจะเหลือทิ้งไว้ให้ จากนั้นท่านให้เฉิงยี เฉิงเอ้อส่งข้ากลับไปก็ได้แล้ว” กู้อ้าวเวยโยนกระเป๋าของตนเองส่งให้ซ่านจินจื๋อไปตรงๆ
ดูเหมือนจะนึกถึงคำเตือนที่เซียวไห่เคยพูดกับเขา บรรดาคนของโหวเซ่อจับจ้องนางตามันอยู่
“ข้าจะส่งคนตามเจ้าไปอีกแน่” ซ่านจินจื๋อมองไปที่ป่าใหญ่ คนที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้นพยักหน้า เข้าใจถึงความหมายของซ่านจินจื๋อ
“เช่นนั้นพวกเราควรต้องทำทีเป็นทะเลาะกันสักหน่อย จะได้ถือโอกาสกลับจวน” กู้อ้าวเวยเร่งรัดความเร็ว ซ่านจินจื๋อไล่ตามไปหลังจากยื้อระยะห่างเอาไว้เกน้อยแล้ว มองยังม้าแดงที่โรยกีบวิ่งออกไปไม่ไกลนัก บัดนั้นสีหน้าของซ่านจินจื๋อก็ขรึมลง
กู้อ้าวเวยไม่ได้เห็นชีวิตตัวเองเป็นสำคัญอะไรเลยสักนิด!
ในความเป็นจริง หลังจากที่ทำให้หยินเอ่อใต้ร่างตื่นตัวเต็มที่แล้ว กู้อ้าวเวยค่อนข้างนึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย นางแทบจะไม่มีวิธีทำให้หยินเอ่อหยุดลงเลย เสียงของลมโกรกเข้าไปในหูยิ่งทบทวีความของนางให้รุนแรงขึ้น นางกัดริมฝีปากอย่างหนักไม่ให้เสียงที่หวาดกลัวลอยเข้ามาได้ ทำได้เพียงจ้องพื้นดินอย่างเอาตาย
หยินเอ่อพุ่งกระแทกเข้าไปท่ามกลางค่ายธารทหาร แม่ทัพเฉิงที่ยืนรออยู่หน้าประตูเห็นซ่านจินจื๋อกำลังไล่ตามอยู่เบื้องหลัง จึงลนลานร้องตะโกนเสียงสนั่น “ยังไม่รีบช่วนพระชายาหยุดม้าตัวนี้อีก!”
“สมควรตายนัก!” ซ่านจินจื๋อต้องเร่งความเร็ว และไล่ตามหยินเอ่อไปยังโรงฝึกอีกฝั่งหนึ่ง จึงมีคนขัดขวางหยินเอ่อลงได้อย่างยากแร้น ซ่านจินจื๋อควบม้าเข้าไป และคว้าหมับเอาคนที่อยู่บนหลังม้าลงมาโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใด ฉุดกระชากข้อมือของนางไว้ “อยากตายแล้วหรือไร!”
ขาทั้งคู่ของกู้อ้าวเวยยังค่อนข้างโรยแรง แต่นางได้ฟังน้ำคำของซ่านจินจื๋อ ก็สะบัดมือของเขาออกเต็มเหนี่ยว พลางกล่าวอย่างโกรธจัด “ข้าอยากตาย! อย่างไรเสียท่านก็ชอบน้องสาวข้ามากกว่า ท่านกลับสู่ขอนางตรงๆ ก็สิ้นเรื่องแล้ว!”
“นี่คือค่ายทหาร ไม่อนุญาตให้สร้างปัญหาอย่างไร้เหตุผล” ซ่านจินจื๋อดึงนางเข้าไปใกล้ ก่อนหน้าที่กู้อ้าวเวยจะปริปากเอ่ยต่อ เขาก็มองตรงไปทางนายทหารที่อยู่ด้านข้าง “เอาม้าของพระชายาไปผูกไว้ในคอกใกล้ๆ ปิดให้สนิท”
“กล้าดีอย่างไร!” กู้อ้าวเวยสะบัดมือของเขาออกสุดแรงเกิด “นี่คือม้าของข้า ตอนนี้ข้าจะขี่หยินเอ่อกลับจวน!”
สีหน้าของซ่านจินจื๋อเดี๋ยวซีดเดี๋ยวเขียว นายทหารข้างกายถอยห่างสามโยชน์ มีเพียงเซียวไห่ที่มาส่งข่าวและชายฉกรรจ์ที่มีเคราเดินเข้ามาเบื้องหน้า ยังคงห้ามปรามอย่างหัวเด็ดตีนขาด
ใครจะรู้ว่าสองคนนี้ยิ่งมีปากเสียงยิ่งโครมคราม ฟังดูแล้วเหมือนกับกำลังทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ผ่านไปสักพัก ซ่านจินจื๋อก็จับข้อมือของนางเอาไว้แน่นอย่างจนปัญญา กล่าวเสียงต่ำ “ข้าให้คนไปส่งเจ้าที่จวน เรื่องของกู้จี้เหยาวันหน้าพวกเราค่อยพูด ดีหรือไม่”
บัดนั้นกู้อ้าวเวยตาแดงก่ำ ควบม้าวิ่งไปด้านนอกย่างโกรธขึ้งไม่พึงใจ
เซียวไห่มองทางซ่านจินจื๋อแวบหนึ่งอย่างสนเท้ห์ ราวกับอยากพูดอะไร ซ่านจินจื๋อกลับทำเพียงขยิบตาให้เขาครั้งเดียว เขาก็รีบปิดปากทันควัน ดูท่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นสิ่งที่พวกเขาวางแผนกันมา
“ท่านอ๋อง พระชายาทำเยี่ยงนี้…” แม่ทัพเฉิงรีบร้อนก้าวมาต้อนรับ
“ข้าจัดกำลังคนให้ไปส่งนางกลับไปแล้ว พักนี้ยังต้องตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี” ซ่านจินจื๋อ นวดหว่างคิ้วอย่างจนปัญญา มองส่งเงาร่างของกู้อ้าวเวยจนลับสายตา
ดวงตาของแม่ทัพเฉิงวาววับขึ้นมา ทักษะการแพทย์ของพระชายา ช่างข่มขวัญพวกเขาได้มากเสียจริงๆ