ตอนที่ 95 หลอกลวงตนเองและผู้อื่น
“ถ้าเจ้าฉลาดจริง ก็น่าจะรู้ความจริง” ซ่านจินจื๋อค่อยปล่อยตัวนางออก แต่ยังไม่ปล่อยมือที่จับข้อมือนางอยู่ สายตาที่เริ่มเย็นชาขึ้น แล้วมองไปยังกู้จี้เหยาที่กำลังเดินเข้ามา “มีเรื่องอะไร”
กู้จี้เหยาหยุดฝีเท้าลง อิจฉาริษยากู้อ้าวเวยเสียจนผักซ่านจินจื๋อออก อย่างไม่สนใจใคร แล้วถอยหลังเดินจากไป ส่วนซ่านจินจื๋อไม่โกรธอะไร แถมมุมปากยังมีรอยยิ้ม ความอิจฉาภายในใจลุกลามไปทั่ว
“หม่อมฉันเห็นว่าวันนี้อากาศดี เลยอยากเชิญท่านอ๋องไป…..”
“ไม่สู้ไปอยู่เป็นเพื่อนพ่านเอ๋อร์ดีกว่า” ซ่านจินจื๋อทิ้งคำพูดไว้แล้วเดินตามกู้อ้าวเวยออกไป
หลานเอ๋อร์รีบรั้งตัวกู้จี้เหยาที่กำลังโกรธไว้ แล้วพูดว่า “คุณหนู!นายท่านและฮูหยินกำลังรอท่านไปส่งอยู่นะ”
“ได้” กู้จี้เหยาพูดนี้ออกมาแบบกัดฟัน แล้วก็สะบัดแขนเสื้อเดินกลับไป
กู้อ้าวเวย หลังจากนี้อย่าให้ข้าเจอเรื่องที่ไม่ควรของเจ้าอีกก็แล้วกัน!
……….
ขณะที่กู้อ้าวเวยเดินกลับไป นางไม่เคยโกรธเช่นนี้มานานแล้ว
ถึงแม้คำพูดของซ่านจินจื๋อเมื่อครู่จะค่อนข้างคลุมเครือ แต่ครั้งนี้เขาทำเพื่อองค์ชายสี่จริงๆ แต่ที่นางโกรธทีสุดคือซ่านจินจื๋อสามารถแสดงท่าทางรักนางได้อยู่แล้ว แต่ครั้งจะกลับมาทำต่อหน้าบิดาของตน
ส่วนองค์ชายสี่แทบจะไม่เชื่อตัวเอง
ทันใดนั้น นางก็หยุดฝีเท้าลงแล้วมองไปยังข้างหน้า
เหตุใดนางจะต้องโกรธที่ซ่านจินจื๋อไม่เชื่อนางขนาดนี้ด้วย
“เป็นเพราะไอ้ไข้หวัดบ้านี่” นางตัดสินใจยกความผิดทั้งหมดไปลงที่อาการป่วย แต่ตอนที่นางกำลังจะก้าวเท้าเดินนั้น ข้อมือของนางก็ถูกจับไว้
รุนแรง และฉับไวมาก ตอนที่นางรู้สึกตัวอีกที ก็ยืนอยู่ตรงหน้าซ่านจินจื๋อเสียแล้ว ทั้งสองยืนห่างกันเพียงแค่ช่วงกำปั้นเดียว สีหน้าของซ่านจินจื๋อนั้น นางมองเห็นได้อย่างชัดเจน “เจ้าตามมาทำไมอีก? ยังไม่ให้ข้าได้สงบจิตสงบใจหน่อยหรอ?”
“ข้าก็แค่สงสัยว่าทำไมเจ้าถึงโกรธ เป็นเพราะที่ข้าหลอกใช้เฉิงเสี้ยง หรือว่าเพราะที่ข้าเอาเจ้ามาเป็นหมากในเกมส์?” ซ่านจินจื๋อก็ดูเหมือนว่าจะพูดไม่ออก
หลังจากที่ได้เห็นสีหน้าที่กำลังโกรธของฝ่ายตรงข้าม ก็เลยอยากตามมาถามให้แน่ใจ
“ทั้งสองนั่นแหละ ท่านอ๋องไม่ใช่ครั้งแรกทดสอบข้าแบบนี้ แต่ทุกครั้งข้าก็ไม่อะไร แต่ครั้งนี้ เจ้าเอาพ่อข้าเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่เจ้าทำ ไม่ใช่เพราะว่าอยากจะทำลายความสัมพันธ์ของข้ากับพ่อข้าหรอกหรือ และให้ข้ารับใช้เจ้าอย่างเต็มที่ ใช่มั้ย?” กู้อ้าวเวยยิ้มเย็น และดิ้นอยากจะเอาแขนออกมา แต่ก็ไม่สำเร็จด้วยแรงอันมหาศาลของฝ่ายตรงข้าม
“ถือว่าเจ้าฉลาดอยู่ อีกไม่กี่วันข้าจะไปค่ายน่านน้ำกับหยวนเอ๋อสักเที่ยวนึง หลบๆองค์ชายหก ส่วนเรื่องในตำหนักอ๋อง ก็จะให้จัดการ ข้าจำเป็นต้องแน่ใจว่าเจ้าจะไม่เข้าข้างเฉิงเสี้ยง” ซ่านจินจื๋อพอใจในสีหน้าที่นางแสดงออกมา
“ที่แท้ เจ้าก็จัดการทุกอย่างก็อยู่ในแผนของเจ้า” เมื่อรู้จุดประสงค์ของฝ่ายตรงข้าม กู้อ้าวเวยก็นิ่ง “เจ้าอยากให้ข้าช่วยอะไรเจ้าอีก?”
“ดูลูกบุญธรรมของพ่อเจ้าให้ดี เขาจะถูกส่งตัวมาตำหนักอ๋องตอนที่ข้าไม่อยู่ เจ้ารู้ว่าต้องทำอย่างไรมั้ย?” ซ่านจินจื๋อค่อยๆปล่อยมือของนางทั้งสองลงอย่างช้าๆ
“พูดจริงๆนะ ข้าไม่เข้าใจ นั่นก็เป็นเพียงแค่ลูกบุญธรรม ” กู้อ้าวเวยเกิดสงสัยขึ้น
“แต่นั่นก็เป็นน้องชายเจ้า ให้เขามารับใช้เจ้า”
“มารับใช้ข้า ? ไม่ได้ให้เขาจงรักภักดี……เอ่อ” กู้อ้าวเวยยังไม่ทันพูดจบ ซ่านจินจื๋อก็จับไปที่คางของนาง และจูบลงไปที่มุมปากของนาง สายตาดังเช่นสัตว์ป่าจะกินเหยื่อ “ข้าอยากเรียกใช้งานเจ้ามาก แต่เจ้าก็ต้องมีคนคอยอารักขาตัวเจ้าเองด้วย”
กู้อ้าวเวยมองไปที่คนที่กำลังบ้าอย่างเหลือเชื่อ เหมือนว่านางจะเข้าใจอะไรบางอย่าง เลยยกมือขึ้นตบของไหล่ฝ่ายตรงข้าม
กู้อ้าวเวยใช้ดวงตาใหญ่ๆของนางมองไปยังเขา ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มคงจะมีรสชาติที่หวานหอมดังผลไม้
ซ่านจินจื๋อจำเป็นต้องยอมรับว่า ต้นอ่อนที่งอกขึ้นภายในหัวใจได้เต็มไปด้วยกลิ่นยาจีน เทียบกับความหอมอ่อนๆของซูพ่านเอ๋อแล้ว กลิ่นยานี้เข้มข้นถึงใจเสียมากกว่า
“ข้าชักถูกใจเจ้าเข้าแล้วสิ” ซ่านจินจื๋อพูดออกมาตามตรง
นี่มัน……….
สายตาทั้งสองของกู้อ้าวเวยเปิดกว้างอย่างที่สุด จากนั้นก็ทนกับการที่หัวใจเต้นรัว แต่เมื่อนึกถึงตอนที่ซ่านจินจื๋อเย็นชากับนางทั้งการกระทำและคำพูดแล้ว นางก็ไม่เชื่อ “เจ้าอยากจะใช้โอกาสนี้มาใช้งานข้า อย่าหลอกตัวเองเลยท่านอ๋อง เจ้าไม่เคยรักข้าหลอก หรือแม้แต่ชอบสักนิดก็ไม่มี”
“ข้ารู้ดีว่าตนเองต้องการอะไร?”
“ถ้าเจ้ารู้ละก็ ตอนนี้ก็รีบไปหาแม่นางพ่านเถอะ ไม่ใช่มัวแต่มาพรอดรักกับข้า” กู้อ้าวเวยจับคอเสื้อท่านอ๋องแล้วผลักออก ใช้จังหวะนี้หนีจากความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ถูกเมื่อครู่ แล้วกลับยืนด้านข้างเช่นเดิม
ดูเหมือนว่าทั้งสองขอแค่ได้ทะเลาะกัน สิ่งที่ถูกฝังไว้ในใจลึกๆก็ค่อยๆผุดออกมา ติดต่อกันอย่างแนบแน่น แยกไม่ออก
ส่วนซ่านจินจื๋อก็รู้สึกได้เช่นเดียวกัน ได้แต่หักห้ามตัวให้ใจเย็นลง แล้วก็จุดระเบียบเสื้อผ้าตนเอง เขาไม่ควรไปตกหลุมรักผู้หญิงคนใด ตอนนี้พ่านเอ๋อรอเขาอยู่นานแล้ว
กู้อ้าวเวยก็รู้ว่า ตัวเองกับซ่านจินจื๋อมันเป็นไปไม่ได้
“ท่านอ๋อง ข้าคิดว่าพวกเราต่างคนต่างใช้งานซึ่งกันและกันก็พอแล้ว ” สุดท้าย กลับเป็นกู้อ้าวเวยมองสถานการณ์ออกก่อนเป็นคนแรก นางมีวิธีที่จะเอาผนึกพลังความรักบ้านี่ลงไปได้
“เจ้าจะได้อย่างที่หวัง” ความรู้สึกที่ไม่โอเคของซ่านจินจื๋อเริ่มกลับมาอีกครั้ง
ทั้งสองเดินหันหลังแยกกัน เดิมทีก็ไม่ควรได้เจอกันและรู้จักกัน ยิ่งกว่านั้นยิ่งไม่ควรมาเข้าใจกัน
ซ่านจินจื๋อรีบเดินจนมาถึงเขตที่พักของซูพ่านเอ๋อ เอานางมากอดที่อก ได้สัมผัสกับกลิ่นหอมสมุนไพรอ่อนๆบนเรื่องร่างของนาง แล้วก็ค่อยๆนิ่งไป
ต้องอย่างนี้ คนที่เขารักมีแต่ซูพ่านเอ๋อ
แต่ซูพ่านเอ๋อกลับได้กลิ่นเครื่องหอมที่หอมกว่าของตนขณะอยู่ในอ้อมอกของท่านอ๋อง มันเป็นกลิ่นเครื่องหอมของกู้อ้าวเวย นางตัวแข็งทื่อ แต่ก็ยังกอดกลับไป “ท่านพี่เจ๋อ……..วันนี้………”
“พ่านเอ๋อ ข้ารักเจ้า ” ซ่านจินจื๋อหอมไปคอของนาง แล้วอุ้มนางแนวนอนอย่างกับของล้ำค่า ไปยังเตียงนอนอันนุ่มนวล หญิงสาวในอ้อมกอดรูปร่างผอม ผิวพรรณขาว แล้วกำลังไต่ขึ้นไปถึงส่วนคอของนาง
ซ่านจินจื๋อเริ่มใจเต้น แล้วดึงม่านลง
นี่สิถึงเรียกว่าคนที่รัก
อีกด้าน กู้อ้าวกลับไปยังวิหารเฟิ่งหมิงตั้งนานแล้ว ใบไม้ร่วงหล่นจากต้น ชิงต้ายก็ไม่รู้ว่าไปไหนเสีย วิหารตั้งกว้างใหญ่ มีเพียงนางอยู่ผู้เดียว มีเงาเป็นเพื่อน
นางนั่งลงบนม้าหิน หยิบใบไม้ที่ร่วงหล่นมาดูเล่น เปิดหนังสืออ่าน อย่างเรียบง่าย
ใครบอกว่าคนบนโลกนี้จำเป็นต้องมีคู่ครอง เพราะถึงแม้นางอยู่คนเดียวก็อิสระสุขสบายดี ทำไมจะต้องไปหาซ่านจินจื๋อ ซ่านจินจื๋อในสายตานาง ศัตรูก็ไม่ใช่เป็นมิตรก็ไม่เชิง เช่นนี้ก็พอแล้ว