ตอนที่ 96 หน้าต่างมีหู ประตูมีช่อง
สองวันผ่าน กู้อ้าวเวยกับซ่านจินจื๋อเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น เป็นเช่นเดิมเหมือนทุกๆวัน
แต่มีสิ่งหนึ่งแตกต่างออกไป ก็คือ กู้เฉิงเสี้ยงเริ่มหาพรรคพวกในราชสำนักมาช่วยเหลือองค์ชายสี่ และในเช้าตรู่วันนั้นเอง กู้อ้าวเวยเพิ่งตื่นขึ้นมา ชิงต้ายก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา “คุณหนู! ท่านชายฉีหลินกลิ้งตกหน้าผาขณะขนสินค้า ขาหัก เมื่อครู่ถูกส่งตัวไปยังร้านขายยาจี้ชื่อถางแล้ว”
“อะไรนะ?” กู้อ้าวเวยตกใจจนรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าตามชิงต้ายไปทางร้านขายยาจี้ชื่อถาง
ผู้อาวุโสเห้อจิ้นหล่างจัดการบาดแผลเรียบร้อยแล้ว แต่ฉีหลินน่าซีดเซียวนั่งพิงขอบเตียงอยู่ ฉีหรัวนั่งอยู่ด้านข้าง ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ “ก็บอกแล้วว่าให้เจ้าระวังตัวให้มาก ทำไมถึงไม่ฟังคำพี่”
ฉีหลินยิ้มอย่างทำอะไรไม่ได้ “ท่านพ่อให้ข้าไป ข้าก็ต้องไป แต่คิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่จะกล้าขนาดนี้”
ได้ฟังดังนั้น กู้อ้าวเวยก็รู้ความนัย เลยเดินไปข้างนายท่านเห้อจิ้นหล่าง “นายท่านเห้อ ขาของฉีหลินไม่เป็นอะไรมากใช่มั้ย”
“ไม่ได้หนักหนาอะไร แต่จะให้ไปขนของเช่นเดิมเกรงว่าจะไม่ได้” เห้อจิ้นหล่างส่ายหัวอย่างไม่มีทางออก แล้วก็รีบสั่งคนในร้านให้ไปต้มยาบำรุงร่างกายมา
กู้อ้าวเวยเดินเข้าไปแล้วปิดประตู ฉีหรัวเช็ดน้ำตาที่หลงเหลือบนขอบตา พูดด้วยเสี่ยงต่ำว่า “พี่ใหญ่เป็นคนกล่อมให้ท่านพ่อสั่งเสี่ยวหลินให้ไปช่วยขนสินค้า พอออกจากเมืองได้ไม่นาน ก็เสแสร้งแสดงละคร ในช่วงที่วุ่นวายก็ผลักเสี่ยวหลินลงไป”
ได้แต่เดินเข้าไปข้างหน้า ปลอบอย่างเบาๆ นอกจากนี้แล้ว กู้อ้าวเวยก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว
วันนี้นางนึกถึงวันที่ฉีเฟยมาข่มขู่ไว้ได้ แต่นางไม่ได้เอาเรื่องนี้ไปบอกซ่านจินจื๋อ กุ่ยเม่ยก็บอกแล้วว่าจะทำเป็นไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น แต่นางยังมีแผนอื่นอยู่ในใจ
“ฉีหรัว เจ้าช่วยข้าหน่อย” นางยิ้มขึ้น “ไปตำหนักองค์ชายสาม เอาจดหมายไปส่งแทนข้าหน่อย ”
ฉีหรัวไม่เข้าใจ นางได้แต่มองท่าทางที่มั่นใจของกู้อ้าวเวย ก็เลยตอบตกลงไป
ตอนที่ซ่านเซิ่งหานรู้ว่าฉีหรัวมาที่ตำหนักก็ยังคง งง อยู่ แต่เห็นจดหมายที่กู้อ้าวเวยเชิญไปกินข้าวแล้ว ก็เลยตอบตกลงไป
เมื่อมาถึงห้องหรูของร้านอาหารป่ายเว่ย นอกจากกู้อ้าวเวยแล้ว อีกสองคนดูแปลกๆ
ฉีเฟยรีบลุกขึ้นทำความเคารพซ่านเซิ่งหาน ซ่านเซิ่งหานมองไปที่กู้อ้าวเวย ก็เลยทำตัวไม่ถูกแล้วนั่งลง ไม่รู้ว่านางจะหมายความว่าเช่นไร
“พระชายาเรียกองค์ชายสามมา ไม่ทราบว่ามีอะไรกัน?”ฉีเฟยแฝงด้วยรอยยิ้ม แต่ในใจยังคงเดาความคิดของกู้อ้าวเวยไม่ออก
“ครั้งก่อนที่เราคุยกัน องค์ชายสามได้ยินทั้งหมด วันนี้ก็เลยเรียกมาพร้อมกัน” กู้อ้าวเวยยิ้มให้คนรับใช้เสี่ยวเอ้อปิดประตูห้อง แล้วรอยยิ้มนั้นก็หายไป
ซ่านเซิ่งหานก็มองมาที่กู้อ้าวเวยแบบแปลกๆ พูดเสียงต่ำๆว่า “เรียกข้ามา มีอะไรกันแน่?”
“เรียกเจ้ามากินข้าวน่ะสิ วันนี้ข้าเพียงแค่จะคุยเรื่องฉีหลินกับคุณหนูใหญ่ฉี” กู้อ้าวเวยก็หยิบผักใส่ถ้วยตน
“พระชายาล้อเล่นหรือเปล่า เรื่องของฉีหลินเกี่ยวอะไรกับข้า? ” ฉีเฟยหันมามองแปลกๆ “อีกอย่าง ครั้งก่อนข้าถามเรื่องพระชายา ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบข้าเลย”
“คงจะไม่รับปากแล้วล่ะ ถ้าเจ้าคิดว่าจะข่มขู่ข้าได้ละก็ ก็เอาเรื่องของข้าไปพูดให้คนอื่นฟังเสียเถอะ ข้าเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า ว่าจะเป็นคนของตำหนักอ๋องที่ฆ่าคนเร็วกว่า หรือว่าจะเป็นขาของเจ้าที่วิ่งเร็วกว่า ” กู้อ้าวเวยได้ใจจนเชิดหน้าขึ้น
“พระชายานี่ช่างน่าสนใจเสียจริง แต่อ๋องจิ้งไม่ชอบท่าน คนในตำหนักอ๋องจะยอมรับใช้เจ้าหรือ” ฉีเฟยหัวเราะขึ้น เมื่อพูดจบก็เหมือนว่าจะนึกอะไรได้ แล้วจ้องเขม็งไปที่องค์ชายสาม
กู้อ้าวเวยจับไปที่มือองค์ชายสาม แล้วพูดว่า “องค์ชายสามจะช่วยข้าฆ่าปิดปากคนเอง ใช่มั้ย?”
สายตากู้อ้าวเวยจ้องไปที่ซ่านเซิ่งหาน ราวกับกำลังถามคำถาม
ซ่านเซิ่งหานขมวดคิ้ว เขาแค่เคยได้ยินคุณหนูใหญ่ฉีคนนี้ และคงจะไม่ช่วยกู้อ้าวเวยฆ่านาง
“ไม่หรอก” ซ่านเซิ่งหานเอามือกู้อ้าวเวยออก
ได้เห็นท่าทางได้ใจของกู้อ้าวเวยอยู่ตรงหน้า เขาชักจะเริ่มแยกไม่ออกแล้วว่าพระชายาจิ้งเป็นคนอย่างไรกันแน่
“ดูเหมือนว่าองค์ชายสามก็ไม่น่าจะเป็นหุ้นส่วนที่ดีเท่าไรนัก ถึงขนาดเรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้ ” กู้อ้าวเวยเอามือไปตบที่บ่าขององค์ชายสาม แล้วค่อยๆหันหน้าไปหาฉีเฟย “ถ้าข้าช่วยเจ้า เจ้าก็จะไม่ทำร้ายฉีหลินใช่มั้ย แล้วไม่พูดเรื่องที่รู้ออกไปใช่มั้ย”
“ใช่” ฉีเฟยเหงื่อแตก
ส่วนซ่านเซิ่งหาน ถ้าคิดอย่างนั้นจริงๆละก็ คำถามของกู้อ้าวเวยเมื่อครู่ก็เพื่อลองใจเขาหรือ?
“กุ่ยเม่ย” ในที่สุดกู้อ้าวเวยก็ออกห่างซ่านเซิ่งหาน กุ่ยเม่ยเปิดประตูเข้ามา ถึงแม้จะเป็นช่วงกลางวันแต่ก็ยังใส่ชุดสีดำทั้งตัว ดวงตาทั้งคู่มองมาที่กู้อ้าวเวย “พระชายาเรียกข้ามีเรื่องอันใด?”
“ถ้าเจ้าไม่ฟังข้าพูด แล้วรู้ได้อย่างไรว่าขาเรียกเจ้า?” กู้อ้าวเวยยกจอกเหล้าขึ้น “เรื่องครั้งก่อนเจ้าฟังไปมากน้อยแค่ไหน ไปบอกซ่านจินจื๋อหมดเลยใช่มั้ย?”
กุ่ยเม่ยพูดไม่ออก กู้อ้าวเวยก็รู้แจ้งทันที
ซ่านเซิ่งหานก็เข้าใจความหมายของกู้อ้าวเวย ว่านางตั้งใจให้ตนมาวันนี้ มาเสแสร้งแตกหัก
15นาทีต่อมา กู้อ้าวเวยลุกยืนขึ้น ตบบ่าของกุ่ยเม่ย “เรื่องที่เกิดวันนี้ เจ้าก็เอาไปบอกซ่านจินจื๋อเสีย เขาจะลงโทษอย่างไร ก็ตามใจ”
พอพูดแล้ว กู้อ้าวเวยก็ออกไปจากห้องอาหารหรู
หลังจากตอนที่นางพูดกับฉีเฟยเสร็จ ซ่านจินจื๋อก็รีบพาซ่านเชียนหยวนกลับมาหยั่งเชิง ถึงขั้นไม่ทันเปลี่ยนชุดใหม่สะอาดๆ ที่แท้ก็มีเหตุผล
นางจะเชื่อได้อย่างไรว่ากุ่ยเม่ยไม่ได้ฟังอะไรเลย
ฉีเฟยถึงขั้นอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองตายเพราะอะไร แต่ถึงอย่างไรกู้อ้าวเวยก็ยังจะเสแสร้งแตกหักกับองค์ชายสาม และจะจับโกหกของกุ่ยเม่ย ไม่สู้เอาฉีเฟยมาตายพร้อมกันเลย
กู้อ้าวเวยกลับมายังร้านยาเหย้าเอง อุ้มพุทราให้อาหารหยินเอ่อ
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม กุ่ยเม่ยก็เดินตามซ่านจินจื๋อเข้ามา
“ที่แท้เมื่อวานเจ้าก็ดูออกแล้ว ” ซ่านจินจื๋อเดินเข้ามาข้างๆ
กู้อ้าวเวยรำคาญเสียงเขาจนต้องนั่งลง “ซ่านจินจื๋อ เจ้าเพียงแค่หยั่งเชิงข้าแต่ไม่ได้เตือนข้า หรือรู้ว่าถึงอย่างไรข้าก็ไม่มีวันร่วมมือกับองค์ชายสาม?”
“เมื่อก่อนเจ้าเป็นอิสระ ไม่อยู่ในแวดวงชิงดีชิงเด่นของราชนิกุล” ซ่านจินจื๋อมักจะพูดตรงใจนางที่คิดไว้อยู่บ่อยครั้ง
กู้อ้าวเวยอารมณ์เสียจนขยี้หัวตัวเอง พุทราแมวน้อยในอ้อมอกร้องดังขึ้น มันร้องระแวงซ่านจินจื๋อ ดูเหมือนว่าจะมีเพียงสัตว์พวกนี้ถึงจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดของคนบางกลุ่ม
“อีกอย่างวันนี้ เจ้าก็ยืนยันได้จุดนึงว่า องค์ชายสามนั้นใจอ่อน ถึงแม้จะซ่องสุมกำลังเงียบ แต่ก็ไปไม่ถึงฝัน แต่ข้าไม่เหมือนกัน เจ้าฉลาดเช่นนี้ คงจะฉลาดหาไม้กิ่งดีๆมั่นคง เกาะไว้ ” ซ่านจินจื๋อทิ้งคำพูดพร้อมกุ่ยเม่ยไว้ แล้วจากไปอีกครั้ง
ตั้งใจมาที่ร้านยาเหย้า ก็เพื่อจะมาโน้มน้าวนาง
กู้อ้าวเวยเงียบกริบ แต่กลับไม่รู้ว่าฉีหรัวกำลังเอาจดหมายฉบับที่สองส่งให้องค์ชายสาม