ตอนที่ 97 รักษาโอกาส
ซ่านเซิ่งหานเอาจดหมายผูกมิตรเก็บไว้ในลิ้นชัก
“พระชายาจิ้งคนนี้ น่าสนใจมากจริงๆ ” ซ่านเซิ่งหานยิ้มกระตุกแก้มขึ้น แขนเสื้อยาวลากผ่านโต๊ะไป เปื้อนหมึกที่สาดออกมา เกือบจะมองไม่เห็น
แต่เยว่ชิง เด็กรับใช้ที่อยู่ข้างๆเห็นรอยหมึกเล็กๆบนเสื้อ แล้วรีบคุกเข่าลง เอาผ้าเช็ดหน้าค่อยๆเช็ดออก ซ่านเซิ่งหานหัวเราะขึ้น อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ว่า “พระชายาจิ้งก็แค่อยากหลอกใช้องค์ชายสามก็เท่านั้น”
“หลอกใช้ซึ่งกันและกัน ก็ถือว่าไม่เลว เพียงแต่เสียดายผู้หญิงที่ฉลาดขนาดนี้ไปเข้าตำหนักอ๋องจิ้งเสียแล้ว ถ้าหากว่ามาอยู่ตำหนักข้าละก็ ข้าก็เป็นเช่นดั่งเสือติดปีก ” ซ่านเซิ่งหานหัวเราะขึ้น เผลอนึกถึงเรื่องข้างกองไฟในงานล่าสัตว์ในวันนั้น สายตาของกู้อ้าวเวยที่จองมองปลาปิ้ง
ส่วนสายตาที่นางมองลง ก็คือสมุนไพรที่นางให้กับเขาเมื่อครั้งก่อน ไม่เคยได้ใช้เลย แต่ถูกวางไว้บนโต๊ะที่ใกล้ที่สุด สามารถเห็นได้ทุกวัน กลิ่นอ่อนๆของสมุนไพรก็จะอบอวลมาเตะจมูกทุกเมื่อ
สายตาของเยว่ชิงเหลือบต่ำลง ได้แต่พูดว่า “แต่พระชายาจิ้งให้ท่านซ่อนตัวอยู่ที่หญ้าป่ายหยาอยู่เป็นเดือน หญ้าป่ายหยาอยู่บนยอดเขา ถึงแม่พวกเราจะส่งลูกน้องไป ก็ไม่แน่ว่าจะทำร้ายอ๋องจิ้งได้ ยิ้งไม่ต้องพูดถึงว่าอ๋องจิ้งมีวิทยายุทธเก่งกาจเพียงใด”
“เยว่ชิง ” ซ่านเซิ่งหานเรียกเบาๆ เป็นการหยุดยั้งการคาดเดาขิงเยว่ชิง
“แต่หม่อมฉันพูดผิดตรงไหน?” เยว่ชิงรีบก้มหัวลง
ซ่านเซิ่งหานส่ายหัว “ มันไม่ถูกต้อง หญ้าป่ายหยาเป็นพื้นที่ห่างไกล มีเพียงที่แห่งนั้นที่จะเหมาะต่อการลงมือ ถ้าตอนนั้นลงมือได้ ก็จะบอกได้ว่า อ๋องจิ้งกลิ้งตกหน้าผ้าสิ้นพระชน ถ้าลงมือไม่สำเร็จ ก็ไม่มีใครสาวมาถึงข้าได้”
“แต่ว่า ขอแค่รู้ว่าท่านอ๋องจะไปที่นั่น ลงมือระหว่างทางเลยก็ไม่เลวเหมือนกัน ” เยว่ชิงก็ยังไม่พอใจ เงยหน้าขึ้น ยังคงไม่เข้าใจเช่นเดิม
“แต่ว่ามีเพียงบนหญ้าป่ายหยา มันถึงจะไม่มีคนอารักขา ” ซ่านเซิ่งหานถอนหายใจ แล้วมองไปที่เยว่ชิง
อย่างน่าสงสาร ก้มหัวต่อไป เยว่ชิงกัดริมฝีปากล่างไว้แน่น ถึงกับไม่พูดอะไรเลย
“ล้วนโทษข้าคนเดียว ทุกวันเอาแต่หวังแต่ความสามารถของเจ้า แต่เรื่องวางแผนการไม่ได้สอนเจ้าให้ดี” ซ่านเซิ่งหานก็ไม่ได้ลงโทษเยว่ชิงที่มองแผนไม่ออก ภายในใจก็ยังคงจนปัญญา
เยว่ชิงเป็นคนที่เขาฝึกมากับมือ ปกติแล้วก็จะเป็นคนปรนนิบัติ ถ้าในช่วงที่ไม่มีคนอื่นนางก็จะเป็นอาวุธสังหารของเขา ไม่เหมือนกับพระชายาองค์ชายสามที่ถูกยัดเยียดเข้ามา เยว่ชิงเป็นคนส่วนน้อยที่น่าไว้ใจในตำหนักนี้ ทั้งยังเป็นหญิง ปกติก็จะโปรดปรานไว้
แต่ปัจจุบัน มีหญิงที่ฉลาดหลักแหลมอย่างกู้อ้าวเวยปรากฏขึ้น ถ้าเทียบกันดู ก็มีความคล้ายกันอยู่
“เป็นเพราะหม่อมฉันไม่ตั้งใจเล่าเรียน แบ่งเบาภาระท่านไม่ได้ ” เยว่ชิงก้มหัวต่ำกว่าเก่า
ซ่านจินจื๋อได้แต่ยื่นมือไปดึงนางลุกขึ้น เยว่ชิงถูกดุเสียจนขอบตาแดงไปหมด ก็ได้แต่ยิ้ม “เป็นเพราะข้าเคร่งกับเจ้ามากไป หลายวันมานี้ ฮูหยินทำเรื่องอะไรงามหน้าในตำหนักอีกมั้ย?”
“พระชายาองค์ชายสามก่อนหน้านี้ไปก่อเรื่องที่สำนักเยียนหยู่ บอกแค่ว่าเครื่องสำอางที่นั่นก็แค่ของธรรมดา มัดใจท่านคืนมาไม่ได้ เกิดเป็นเรื่องตลกยกใหญ่ ตอนนี้ยังมีพวกหญิงปากนกปากกาเอาเรื่องนี้ไปพูด หม่อมฉันพยายามให้คนไปปิดข่าวให้ แต่ก็ได้ผลน้อยมาก ” เยว่ชิงรีบอธิบาย
พระชายาองค์ชายสามคนนี้ถึงแม่จะไม่ใช่ลูกสาวขุนนาง แต่ก็เป็นลูกสาวคนเดียวของเฒ่าแก่ร้านชาซ่าน ทรัพย์สินมหาศาล พี่ชายสามคนในตำหนักล้วนเป็นคนค้าขาย แล้วก็โอนเอนมาทางองค์ชายสาม
พี่น้องพวกนั้นของซ่านเซิ่งหานอยากจะให้เขาแต่งกับลูกสาวนักธุรกิจ ก็เลยเอาเรื่องนี้ไปทูลขอจากฮ่องเต้ ก็เลยเอานางมาอยู่ที่นี่
นึกถึงจุดนี้ ซ่านเซิ่งหานก็ปวดหัว แล้วก็คิดอะไรขึ้นได้อีก “ก่อนหน้าฮูหยินไปโวยวายที่สำนักเยียนหยู่?”
“ใช่” เยว่ชิงพะยักหน้า
“ถ้าเป็นเช่นนั้น งั้นข้าก็จะลองฝีมือกับพระชายาจิ้งคนนี้เสียหน่อย” ซ่านจินจื๋อมุมปากชี้ขึ้น แล้วสั่งเยว่ชิง เยว่ชิงรับทราบแล้วก็สั่งคนไปจัดการ
……
ส่วนตอนนี้ กู้อ้าวเวยนั่งยองยองอุ้มพุทราอยู่มุมหนึ่ง
กุ่ยเม่ยยืนข้างนาง ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ ดูเหมือนว่ากำลังคิดว่าคนที่ยุ่งๆทำไมถึงได้จ้องไปที่ม้าแล้วครุ่นคิด อีกทั้งพุทราดูไปดูมาเหมือนจะง่วงเหงาหาวนอน แต่นางกลับอยู่ได้ทั้งวัน
“กุ่ยเม่ย เจ้าคิดว่าทำงานให้ซ่านจินจื๋อ มันคุ้มมั้ย ?”
หลังจากที่ซ่านจินจื๋อกลับไป คำนี้เป็นคำแรกที่นางเอ่ยปากพูดขึ้น
“ไม่รู้เหมือนกัน” กุ่ยเม่ยส่ายหัว เขาถูกห่อไว้อย่างมิดชิดแล้วถูกวางให้อยู่ใต้แสงพระอาทิตย์ เหงื่อของเขาไหลย้อยมาจากหางตา หยดมาลงบนผ้าสีดำที่ห่อกายไว้ หลังจากที่เขาเห็นว่ากู้อ้าวเวยไม่ตอบอะไร ก็เลยพูดต่อ “ท่านอ๋องเป็นตนเก็บข้ามาเลี้ยง”
“เจ้าก็เลยจงรักภักดีต่อเขา” กู้อ้าวเวยอุ้มพุทราลุกขึ้น ขาที่ชาของนางทำให้นางต้องยื่นมือมายันไว้กับผนังไว้สักพัก
“ใช่แล้ว”
“เจ้าช่างมีวาสนา” กู้อ้าวเวยถอนหายใจ แล้วมองไปที่ตาของเขา “อย่างน้อยเจ้าก็ไม่ต้องไปคิดว่าต่อจากนี้จะใช้น้ำเสียงแบบใดไปคุยกับคนอื่น”
กุ่ยเม่ยก้มหัวลงช้า เหมือนว่ากำลังคิดเรื่องราวข้อเท็จจริงของเรื่องเรื่องนี้
กู้อ้าวเวยคิดว่าตอนที่เขาก้มหน้าลงขบคิดก็น่ารักดี แต่นางไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของกุ่ยเม่ย และคิดไม่ถึงว่าจะมีคนที่ชื่อชุ่ยๆแบบนี้ได้เหมือนกัน เพราะ คนชื่อเฉิงยีและเฉิงเอ้อ ก็ตั้งชื่อแบบลวกๆ มากพอแล้ว
นางเอาพุทราไปวางไว้ในห้องอย่างนุ่มนวล แล้วก็จากไป ตรงไปยังร้านยาจี้ชื่อถาง
ฉีหลินหลับไปแล้ว ฉีหรัวนั่งข้างอย่างรอคอย เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยมา ก็รีบลุกขึ้น “ ฉีเฟยว่าอย่างไรบ้าง?”
“นางไปรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้เข้า พ่อของเจ้าคงจะไม่ให้นางออกมาแล้ว ” กู้อ้าวเวยตบบ่าปลอบใจ แล้วนั่งลง “ เจ้าล่ะ? จะอาศัยช่วงที่พี่ใหญ่และน้องชายไม่อยู่นี้ กลับไปช่วงชิงอะไรหน่อยมั้ย?”
“ข้าจะอยู่ดูแลเสี่ยวหลินที่นี่”
“ถ้าเช่นนั้น เจ้าจะปล่อยโอกาสที่จะครอบครองสำนักเยียนหยู่นี้หลุดไปหรือ เสี่ยวหลินอยู่ที่นี่ไม่ได้รับอันตรายอะไรหรอก แต่เจ้า ตอนนี้ เจ้าต้องรีบไปบอกกับพ่อเจ้าว่า อยากจะดูแลสำนักเยียนหยู่ ” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้น แสดงท่าทางและพลังออกมา ให้ไปกระตุ้นฉีหรัว
ฉีหรัวมองไปที่ฉีหลินบนเตียง สายตาอันหนักแน่น “อดทนหน่อยนะ เสี่ยวหลิน”
กู้อ้าวเวยพยักหน้า จ้องมองฉีหรัวเดินออกไป นางเจ็บปวดจนต้องหลับตา รู้สึกว่าการวางแผนชีวิตในแต่ละก้าวนั้นมันช่างเหน็ดเหนื่อย นางอยากจะเก็บตัวอยู่แต่ในร้านยาไม่ออกไปไหน
แต่มีบางเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะ ไม่ถึง2ชั่วยาม ฉีหมิง ผู้รักลูกดั่งดวงใจ เมื่อรู้ว่าลูกได้รับบาดก็เลยรีบมา ทักทายกันแล้วก็ติดสินบนให้กับคนงานในนี้
ก่อนหลับไป ฉีหมิงได้ยินในสิ่งที่พวกคนใช้พูดกันก็เลยหันกลับมามอง “พระชายา ยังมีอีกเรื่องให้ท่านช่วย”