บทที่ 101 พระชายาองค์ชายสี่
“องค์ชายสี่ยังไม่อภิเษกสมรสหรือเพคะ?”
กู้อ้าวเวยกวาดสายตามองดูรอบๆ แม้กระทั่งข้างๆ องค์ชายห้าก็ยังมีฮูหยิน แต่ข้างๆ องค์ชายสี่กลับว่างเปล่า
“ตัวเขาไม่มีเวลาไปหาพระชายา งานเลี้ยงพระราชวังในวันนี้ ฮ่องเต้น่าจะคิดเรื่องสู่ขอแม่นางสักตระกูลให้กับเขาแล้ว ไม่แน่พอเขากลับมาจากบ้านริมน้ำโล่เสีย อาจจะเป็นพิธีอภิเษกที่ยิ่งใหญ่ของเขาก็เป็นได้” ซ่านจินจื๋อให้นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ รินเหล้าสาเกให้จอกหนึ่ง
กู้อ้าวเวยชำเลืองมองไปทางซ่านเชียนหยวนก็เข้าใจอย่างชัดแจ้ง ไม่แปลกใจที่เขาทำท่าหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอดเวลาอย่างนั้น
ไม่นาน ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็เดินเข้ามา ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นทำความเคารพตามระเบียบ รอจนทั้งสองนั่งที่แล้ว ฮองเฮาซู๋เซ่อนั้นสง่างามยิ่ง อีกด้านหนึ่งก็มีกุ้ยเฟยและพระสนมอีกสามคน ซู๋เซ่องดงามดึงดูดใจผู้คน เสียนเฟยอ่อนหวานและอ่อนโยน พระสนมทุกคนต่างก็มีความงามทีต่างกัน ต่างก็มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า
ไม่นานเหล่าพระสนมก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็ไม่รู้ว่าคำพูดภายใต้รอยยิ้มนั้นจะซ่อนคมมีดอะไรเอาไว้หรือไม่
ทุกคนต่างพากันเข้ามาถวายสิ่งของล้ำค่า กู้อ้าวเวยได้เพียงแค่มองดูของขวัญที่เตรียมมาอย่างประณีตแล้วรู้สึกว่ามันไม่มีความน่าสนใจอะไร ได้แต่น่าเสียดายที่ข้างๆ ตนดันไม่มีหนังสือการแพทย์ แม้แต่กระเป๋าเข็มก็ไม่สามารถพกมาด้วยได้ จึงทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ อยู่ๆ ก็ซ่านจินจื๋อก็ยัดขนมปิ่งเข้าปากนางไปหนึ่งคำ
นางจึงหันกลับไปมอง อยากจะถามซ่านจินจื๋อผู้นี้ว่ามันหมายความว่าอะไร
“ถอนหายใจเช่นนี้ มันใช้ได้ที่ไหนกัน” ซ่านจินจื๋อกล่าวตักเตือน
รอจนทุกคนถวายสิ่งของมีค่าจนเสร็จแล้ว ถึงมีคนยกสำรับอาหารขึ้นมาถวาย
กู้อ้าวเวยที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กลับไม่ได้คาดคิดว่าฮองเฮาซู๋เซ่อที่อยู่เบื้องบนนั้นกำลังมองมาที่นางด้วยสายไม่เป็นมิตร “เมื่อก่อนได้ยินมาว่าพระชายาจิ้งจะดูแลองค์ชายสี่เป็นประจำ ไม่สู้ลองฟังความคิดเห็นของนาง?”
“หม่อมฉันรึ?” กู้อ้าวเวยรีบดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ไม่ได้สนใจเลยว่าเมื่อครู่พวกนางกำลังพูดคุยอะไรกัน แต่ในตอนนี้ทุกคนต่างก็พากันหันมาทางนาง ในแววตาของฮองเฮาซู๋เซ่อก็แฝงไปด้วยการหยั่งเชิง
นี่ถึงทำให้กู้อ้าวเวยนึกขึ้นมาได้ เมื่อก่อนตนก็คอยเอาใจฮองเฮาอยู่ แต่ฮองเฮาคอยสนับสนุนองค์รัชทายาทและองค์ชายหก เมื่อคำนวณแล้วก็เป็นเพราะกองทัพทั้งสองของซ่านจินจื๋อ จึงทำให้นางในตอนนี้เลือกที่จะยืนอยู่ข้างเขา มันอาจจะลำบากไปหน่อย
“เวยเอ๋อร์(กู้อ้าวเวย)มีแต่หลับหูหลับตาไปก่อเรื่องเป็นเพื่อนหยวนเอ๋อร์(ซ่านเชียนหยวน)อยู่เป็นประจำ ตรงไหนกันที่นับได้ว่าดูแล” ซ่านจินจื๋อเข้ามาโอบตรงเอวของนางเอาไว้ อีกมือหนึ่งก็ถือจอกเหล้า แล้วพูดต่อว่า “เรื่องงานแต่งงานของหยวนเอ๋อร์ก็ส่งให้ฝ่าบาทตัดสินพระทัยถึงจะดีพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของซ่านเชียนหยวนก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดมนในชั่วพริบตา คิดอยากจะโต้แย้ง
แต่เสียนเฟยกลับส่ายศีรษะให้เขาอย่างจนใจ ซ่านเชียนหยวนถึงกลับไปนั่งลงด้วยความโมโห
เขาจะชอบสตรีที่คนอื่นยัดเยียดให้ได้อย่างไรกัน
คำพูดนี้ถูกโยนไปให้กับคนที่มีตำแหน่งเป็นถึงฮ่องเต้ คนอื่นๆ ก็ไม่บังอาจพูดอะไรต่อ เป็นเวลานานฮ่องเต้ถึงได้วางจอกชาในมือลง ค่อยๆ พูดออกมาว่า “ข้าอยากจะฟังความคิดเห็นจากพระชายาจิ้ง”
สายตาของซ่านจินจื๋อหันไปสบกับสายตาของสองพี่น้องด้วยความเย็นชา
ฮ่องเต้ช่วงนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ซ่านจินจื๋อนับวันก็ยิ่งไม่เข้าใจ
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันก็จะพูดในสิ่งที่ใจของหม่อมฉันคิดนะเพคะ” กู้อ้าวเวยตรงไปนั่งที่ เพียงแต่ยิ้มให้ซ่านเชียนหยวน “ลักษณะนิสัยขององค์ชายสี่นั้นเรียบง่ายไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังองอาจกล้าหาญ ย่อมเป็นธรรมดาที่จะต้องหาสตรีที่ฉลาดและมีความสามารถมาดูแลพระองค์ ไม่ทราบว่าทุกท่านมีคนที่เลือกเอาไว้หรือยัง?”
“คนที่เลือกเอาไว้นั้นย่อมมีมากโข พระชายาจิ้งยังกลัวว่าจะเลือกไม่ได้ของดีอีกหรือ?” องค์รัชทายาทอดหัวเราะออกมามิได้ คนอื่นๆ เองต่างก็แอบกระซิบกระซาบกัน เอาเรื่องขององค์ชายสี่มาพูดในท้องพระโรงในวันนี้ คนส่วนใหญ่ก็ได้เตรียมคนที่เลือกเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว คำพูดนี้ของกู้อ้าวเวยดูไม่ค่อยมีประสบการณ์มากเท่าไหร่
เพียงแต่กู้อ้าวเวยกลับยิ้มยั่วโมโหให้องค์รัชทายาท “ย่อมเลือกไม่ได้”
“เอ๋? พูดให้ข้าฟังทีสิ” ฮ่องเต้หัวเราะ พลางมองมาที่นางด้วยความสนใจ
“สตรีไม่ใช่สิ่งของ มีหรือจะให้ทุกท่านเลือกไปเลือกมาได้ง่ายๆ หากจะให้หม่อมฉันพูดตามจริง บิดามารดาเป็นผู้จัดการ แม่สื่อเป็นผู้ดำเนินการถึงจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง เสียนเฟยเหนียงเหนียงและฮ่องเต้น่าจะรู้ดีว่าต้องหาภรรยาที่คู่ควรกับลูกชายอย่างไร” กู้อ้าวเวยหัวเราะเสียงเบา จึงถือโอกาสผลักเรื่องนี้ออกไป
นางไม่ได้พูดช่วยซ่านจินจื๋อ และไม่ได้พูดช่วยฮองเฮาซู๋เซ่อ แต่กลับเป็นการยืนอยู่ตรงกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
“หยวนเอ๋อร์ เจ้าว่าที่พระชายาจิ้งกล่าวมานั้นถูกต้องหรือไม่?” ฮ่องเต้พยักหน้าเบาๆ
“กระหม่อมคิดว่าที่พระชายาจิ้งกล่าวมานั้นถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ล้วนต้องเชื่อฟังการจัดการของเสด็จพ่อและเสด็จแม่” ซ่านเชียนหยวนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันที แต่สายตาของเสียนเฟยกลับเป็นประกาย นางจ้องกู้อ้าวเวยไม่หยุดเป็นเวลากว่าหนึ่งเค่อ(ประมาณ15นาที)
เดิมทีนางไม่เคยคิดจะขอร้องให้ลูกชายแต่งกับสตรีที่ตนเป็นคนเลือกให้ แต่กู้อ้าวเวยพูดขึ้นมาไม่กี่ประโยค กลับทำให้มีความหวังขึ้นมาอยู่หลายส่วน ทางฮองเฮาจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ฝ่าบาท ความจริงแล้ว เมื่อไม่นานมานี้หม่อมฉันก็มองหาอยู่หลายคนเพื่อเลือกให้กับหยวนเอ๋อร์เพคะ”
ไม่รอให้ฮองเฮาพูดต่อ เสียนเฟยก็นำสมุดที่นางเลือกสตรีเอาไว้ส่งขึ้นไปแล้ว
คำสนทนาดำเนินอยู่นั้นเหมือนจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับกู้อ้าวเวย แต่องค์รัชทายาทที่อยู่ด้านตรงข้ามก็ดูเหมือนจะมีปัญหากับนาง นางในตอนนี้ก็กำลังพูดคุยปรึกษากันกับซ่านจินจื๋ออยู่บนที่นั่ง “อยากรู้จริงๆ ว่าเสียนเฟยเหนียงเหนียงจะเลือกลูกสาวตระกูลใดให้องค์ชายสี่?”
“เป็นลูกสาวในตระกูลสาขาของเสียนเฟย นางชื่อลี่วาน ถูกขนานนามว่าเป็นหญิงสาวที่งดงามอันดับหนึ่งในเขตเจียงหนาน ตอนนางยังเด็กก็เป็นเสียนเฟยนี่แหละที่เลี้ยงนางให้โตมากับมือ เดิมทีคิดว่าจะผลักดันให้นางได้แต่งเข้าจวนตระกูลอื่น แต่หลังจากคำพูดของเจ้าเมื่อครู่นี้ก็ทำให้ฮ่องเต้ทรงยอมรับ ไม่แน่อาจจะได้เป็นว่าที่ภรรยาหลวงก็ได้” ซ่านจินจื๋ออธิบายเสียงต่ำ
“ลี่วาน? มีแซ่หรือไม่?” กู้อ้าวเวยรู้สึกแปลกใจ “อีกอย่างถ้าหากคำนวณแล้ว เช่นนั้นลี่วานผู้นี้ก็เป็นคนฐานะธรรมดาล่ะสิ หากเข้ามาอยู่ในพระราชวังจะยืนให้มั่นคงได้อย่างไร”
กู้อ้าวเวยหลุบตาลงต่ำอย่างอดไม่ได้ “องค์ชายสี่จะยอมรับหรือไม่?”
“ในเมื่อเขาเป็นราชนิกุล ก็คงจะรู้ว่าชะตากรรมของเขาต้องเป็นเช่นนี้” ซ่านจินจื๋อก็ผินหน้าไปมองกู้อ้าวเวยเช่นกัน
เหมือนว่าคุณสมบัติของกู้อ้าวเวยเหมาะจะแต่งงานกับเขา พระชายาจิ้งโดดเด่นเช่นนี้ สามารถได้หญิงสาวที่คู่ควรเช่นนี้ย่อมต้องดีไม่น้อย แต่มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่แตกต่าง นั่นก็คือหลังจากแต่งงานแล้ว พวกเขาทั้งสองไม่สามารถจะให้เกียรติและเทิดทูนกันและกันได้
แต่ถ้าหากย้อนกลับไปวันนั้นได้ วันที่ซูพ่านเอ๋อเจ็บป่วยกะทันหัน เพื่อช่วยเหลือนาง ซ่านจินจื๋อคงไม่ลังเลที่จะแทงทะลุเข้าไปในอกของนางแม้แต่น้อย
แต่กู้อ้าวเวยกลับเห็นสายตาที่ซ่านจินจื๋อมองนาง ก็เข้าใจทันที แล้วพูดว่า “เป็นเช่นนี้ก็ดี ท่านกับข้าที่พยายามจะเป็นเพื่อนกันก็ล้วนแต่เป็นการเพ้อฝันทั้งสิ้น”
“เจ้ารู้ก็ดี” ซ่านจินจื๋อก็ดื่มเหล้าลงไปอีกหนึ่งอึก แต่รู้สึกว่ารสชาติของเหล้านี้ แม้ทิ้งไว้นานแล้วแต่รสชาติกลับไม่จางลง จนกลายเป็นความขมฝาด
กู้อ้าวเวยก็ไม่ได้เสียใจจนน้ำตาร่วง นางเหมือนกับคนที่เกิดใหม่ นางก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ ถึงอย่างไรคนที่อยู่ข้างๆ ก็เป็นแขกที่มาเยือนเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่ไหนแต่ไรมาไม่มีใครสักคนที่คอยอยู่ข้างๆ นาง นางเองก็ชินกับมันแล้ว
ทั้งสองคนก้มหน้าก้มตาดื่มเหล้าอย่างอึดอัดใจ ฮองเฮาซู๋เซ่อยังคิดอยากจะแนะนำสตรีอื่นอีก แต่กลับถูกฮ่องเต้ปฏิเสธข้อเสนอ “ที่พระชายาจิ้งกล่าวมานั้นไม่ผิด ในเมื่อเสียนเฟยเป็นมารดาของหยวนเอ๋อร์ ก็ให้นางเป็นคนจัดการ ข้าเองก็วางใจ”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็นับได้ว่าทำให้ความฝันของใครหลายคนสลาย มีเพียงเสียนเฟยที่ดีใจเป็นอย่างมาก
หลังจากดื่มไปหลายแก้ว เดิมทีกู้อ้าวเวยก็รู้สึกเวียนหัวจากการอ่านหนังสือทั้งคืนอยู่แล้ว จึงเอนกายสลบไสลอยู่บนไหล่ของซ่านจินจื๋อ ตอนนี้งานเลี้ยงก็ได้ดำเนินมาถึงครึ่งทางแล้ว ซ่านจินจื๋อก็ไม่ได้ว่าอะไรนาง เพียงแค่สั่งขันทีที่อยู่ข้างๆ ว่า “รินน้ำอุ่นมาให้พระชายาแก้เมาหน่อย”