ตอนที่118 กักขังครึ่งเดือน
ชิงต้ายไม่สามารถดึงรั้งกู้อ้าวเวยได้ นางกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของซ่านเซียนหยวน กางแขนออกเพื่อเผชิญหน้ากับซ่านจินจื๋อที่โกรธจัด ไม่ถอยหลีก: “องค์ชายสี่คือองค์ชายที่ท่านโปรดปรานที่สุด เกิดเรื่องราวอะไรขึ้นถึงไม่สามารถพูดจากันดีๆได้?”
“เจ้าหลีกไปให้พ้น!” ซ่านจินจื๋อยกดาบขึ้น ปลายมีดห่างจากจมูกกู้อ้าวเวยเพียงครึ่งกำปั้น หยินเชี่ยวชิงต้ายได้แต่ร้องอุทานแต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้
กู้อ้าวเวยปลายนิ้วสั่นไหว แต่ยังคงพูดต่อ: “บางทีอาจจะเป็นเพียงความเข้าใจผิด”
“ออกไป!” ปลายมีดเข้าใกล้อีกหนึ่งเซ็น
กู้อ้าวเวยกัดฟัน ซ่านเซียนหยวนที่อยู่ด้านหลังหน้าผากเลือดไหล แล้วสะบัดกุ่ยเม่ยเฉิงซานที่อยู่ข้างๆออก เดินหน้าหนึ่งก้าวแล้วดึงกู้อ้าวเวยหลบหลัง พูดอย่างเคร่งขรึม: “เป็นซูพ่านเอ๋อที่ชนด้วยตัวเอง ข้าไม่สามารถหลบทัน”
เพียงแค่ช่วงเวลาขณะที่กู้อ้าวเวยบังไว้ ทำให้เขาสงบลงมาก แต่ก็ยังคงกำกำปั้นไว้แน่น
“เจ้าเป็นคนมีวรยุทธ ทำไมถึงหลบไม่ทัน เริ่มตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เจ้าก็ไม่พึงพอใจซูพ่านเอ๋อในทุกๆด้าน ทุกอย่างนี้ก็ไม่ใช่เพียงเพราะกู้อ้าวเวย!” ซ่านจินจื๋อก็สงบลงเล็กน้อย เก็บดาบกลับเข้ามา และพูดต่อ: “พระชายาจิ้งไม่รู้จักละอาย ล่อลวงองค์ชาย กักขังครึ่งเดือน หากไม่มีคำสั่งจากข้า ห้ามใครเข้าเยี่ยม”
กู้อ้าวเวยดวงตาเบิกกว้าง ยังไม่ทันอ้าปากพูด เฉิงซานที่อยู่ข้างหลังก็เข้ามาจับตัวนางและปิดปากนางไว้ และกุ่ยเม่ยขวางกั้นซ่านเซียนหยวนที่ต้องการหันหลังกลับ
“สมควรตาย! ซูพ่านเอ๋อก็เป็นเพียงแค่คนร้าย!” ซ่านเซียนหยวนไม่สามารถต่อสู้กับกุ่ยเม่ยได้ ทำได้เพียงตะโกนด้วยความใจร้อน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นการทำร้ายกู้อ้าวเวย
กู้อ้าวเวยสายตามืดครึ้ม ไม่สามารถหลุดพ้นจากการจับกุมของเฉิงชานได้ ทำได้เพียงถูกลากเดินไป ถูกโยนกลับเข้าไปในวิหารเฟิ่งหมิงอีกครั้ง ประตูวิหารถูกลงกลอน แม้แต่หยินเชี่ยวกับชิงต้ายก็ไม่สามารถเข้าได้
คาดไม่ถึงว่าซ่านจินจื๋อจะคาดโทษโกรธนางด้วย
คิดๆแล้วอารมณ์ขึ้น นางเตะไปที่ประตูอย่างขุ่นเคือง แต่แลกมากับคำประชดประชันจากคนหน้าประตู: “พระชายาอย่าเสียแรงเปล่าเลย คำพูดนี้ของท่อนอ๋อง ชื่อเสียงของท่านก็ไม่มีแล้ว”
ข้าเอาชื่อเสียงมาแล้วใช้ประโยชน์อะไรได้!
กู้อ้าวเวยเตะเข้าที่ประตูอีกสองครั้งก็กลับไปที่หน้าโต๊ะหิน นางหายใจลึกๆสองครั้งถึงบังคับให้สงบลง จับข้อมือที่สั่นเบาๆ เพียงแค่ขมวดคิ้วแล้วรอให้อาการสั่นหายไป
เพียงแค่หวังว่าซ่านเซียนหยวนจะไม่ของแข็งชนของแข็งกันอีก
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ซ่านเซียนหยวนไม่ได้งัดข้อกันอีก กลับกันรีบพาลี่วานตรงไปยังตำหนักองค์ชายสาม ไม่รอให้ซ่านเซิ่งหานได้พูดอะไร เขาเปรียบเหมือนกระบอกไม้ไผ่ใส่ถั่วก็รีบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่อีกครั้ง ยิ่งไม่พอในใจมากขึ้นสายตามองไปยังลี่วาน
ขณะที่กู้อ้าวเวยออกหน้าเพื่อเขา ลี่วานทำได้เพียงคุกเข่าอยู่บนพื้น ไม่กล้าแม้แต่ขยับตัว
นี่ทำให้เขารู้สึกต่อหญิงสาวที่มารดาส่งมาไม่หลงเหลือความรู้สึกดีๆ
“เสด็จอาทำเช่นนี้ คือไม่ไว้หน้าของเจ้ากับพระชายาแล้วจริงๆ” ซ่านเซิ่งหานก่อนหน้าก็มีเจตนาที่จะทำลาย แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ซูพ่านเอ๋อทำจะส่งผลดี ทำให้เขาไม่ต้องเสียเวลาคิดหาวิธีที่จะทำลาย
“ยิ่งไปกว่านั้น! ข้ายังสงสัยว่าซูพ่านเอ๋อจริงๆแล้วไม่ได้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นตอนที่เสด็จอากลับมานางก็ล้มป่วยก็ดี หรือจะเป็นเรื่องในวันนี้ที่นางตั้งใจกระแทกเข้ามาก็ดี” ซ่านเซียนหยวนโกรธจัดรู้สึกไม่ยุติธรรม
“องค์ชายสี่ระงับอารมณ์ลงบ้าง ท่านมาที่นี่ก็หมายความว่าต้องการขอคำแนะนำจากองค์ชายสามใช่ไหม? ตอนนี้มาช่วยกันคิดวิธีแก้ปัญหานี้ดีกว่า” เยว่กล่าวอย่างเงียบๆ เหลือบมองซ่านเซิ่งหานอย่างเงียบๆ
ลี่วานเมื่อเห็นซ่านเซียนหยวนดูเหมือนจะขอคำแนะนำจากซ่านเซิ่งหานจริงๆ ก็กระซิบพูดว่า: “พระชายาจิ้งและอ๋องจิ้งเองเป็นสามีและภรรยากัน พวกเราไม่ควรแทรกแซงในเรื่องนี้”
ซ่านเซียนหยวนสีหน้าเย็นชาลงทันที แต่ซ่านเซิ่งหานเห็นสิ่งนี้อย่างชัดเจน และยิ้มเบาๆอ้าปากพูดว่า: “น้องสี่ เรื่องนี้ไม่สมควรเข้าไปแทรกแซง แค่ไม่คิดว่าเสด็จอาจจะกล้ากระทำเรื่องทั้งหมดนี้เพียงเพื่อซูพ่านเอ๋อ”
“นางก็คือเกล็ดใต้คอมังกรของเสด็จอา” ซ่านเซียนหยวนสงบลงมากในครั้งนี้
ถ้าเพียงเขาไม่ก้าวร้าวบีบคั้นคน กู้อ้าวเวยก็คงไม่ต้องออกหน้า
ในเวลานี้ถึงนึกขึ้นได้ ตอนที่เขากับซ่านจินจื๋อกำลังปะทะกัน ชิงต้ายกับหยินเชี่ยวไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แล้วเรียกกู้อ้าวเวยเข้ามาได้อย่างไรกันแน่?
“สารเลว” ซ่านเซียนสบถด่าด้วยเสียงเบา ลุกออกจากที่นั่ง ตรงไปที่ตำหนักอ๋องจิ้ง
ลี่วานขมวดหัวคิ้ว และต้องการตามไป
“ช้าไปที่จะตามทัน ดูจากเวลาแล้ว” ซ่านเซิ่งหานพูดเสียงกระซิบ: “เจ้าไม่คู่ควรกับน้องสี่ เขาค่อนข้างถือเรื่องความจงรักภักดีมากกว่าที่เจ้าคาดคิดไว้
“ความจงรักภักดี? องค์ชายสามคงไม่ใช่ไม่รู้ว่าถ้าทำอย่างนี้ ว่าตำแหน่งขององค์ชายสี่จะ……”
“ราชวงศ์ไม่ได้โหดเหี้ยมอย่างที่เจ้าคิด ข้าจำได้ว่าพระชายาจิ้งก่อนหน้านั้นสอนเจ้ามากับมือ แต่ตอนนี้เพราะว่านางออกหน้าเพื่อช่วยสวามีของเจ้าจึงต้องเข้าไปอยู่ในวิหาร เจ้าจะปฏิบัติอย่างไร สามารถกล่าวได้ว่าไร้เมตตา” ซ่านเซิ่งหานส่ายหัวไปมาอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่ลุกขึ้นยืนก็ไม่ลืมที่จะดึงรั้งคนข้างกายอย่างเยว่
เยว่มองหน้าลี่วานตรงหน้าหนึ่งครั้งอย่างไม่มีทางเลือก: “ข้าก็คิดสิ่งที่แม่นางลี่วานพูดมาก็ไม่ผิดและถ้าองค์ชายสี่ยังดึงดันที่จะช่วยพระชายาจิ้งออกหน้าพูดอีก กลัวว่าแม้แต่ชื่อเสียงตนเอง……”
“เยว่” ซ่านเซิ่งหานจับข้อมือของนางแน่นขึ้น เยว่ถึงได้หัวเราะเบาๆ: “เป็นข้าที่พูดมากแล้ว แม่นางลี่วานโปรดอย่าถือสาวาจาข้า”
ซ่านเซิ่งหานสะกิดเบาๆที่กลางฝ่ามือของเยว่ และพาไว้นางจากลา
เหลือไว้เพียงลี่วานยืนอยู่ที่เดิมตามลำพัง และกำลังครุ่นคิด
……
ซ่านเซียนหยวนมาถึงตำหนักอ๋องแล้ว ใช้เวลาไม่นานก็หาเจอชิงต้ายกับหยินเชี่ยว
หลังสอบถามด้วยความละเอียด ชิงต้ายก็ตอบทันที: “พูดก็พูด หยุนฝูเจ้าดูออกเรื่องราวนี้ได้อย่างไร?”
“เป็นพ่อบ้านตำหนักอ๋องให้ข้าบอกให้แม่นางหยินเชี่ยว” หยุนฝูปกติมักอาศัยแต่ในร้านยาเหย้า ไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์เหล่านี้ ครั้งนี้จึงบอกกับหยินเชี่ยวโดยตรง
ช่างน่าเสียดายที่หยินเชี่ยวเป็นคนใจร้อน
พ่อบ้านปกติมักอยู่ข้างกายแม่นางซูตลอด คำตอบก็ชัดเจนอยู่แล้ว” ชิงต้ายหัวเราะต่ำ ซ่านเซิ่งหานอารมณ์เสียจนต้องกุมศีรษะ ปลายนิ้วสัมผัสโดนสิ่งที่เหนียวเหนอะถึงเพิ่งรู้สึก รอยแผลเมื่อสักครู่เขาเพียงแค่เช็ดผ่านๆ ตอนนี้ถึงเพิ่งคิดได้ว่ายังไม่ได้รับการจัดการ
ถ้าเพียงแค่กู้อ้าวเวยอยู่ด้วยก็คงดี
ต้องโทษเขาที่หุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นเรื่องเล็กน้อยแค่นี้จะขัดแย้งกับเสด็จอาได้อย่างไร ยิ่งไม่ส่งผลดีต่อกู้อ้าวเวยก็โดนกักขังในวิหารเฟิ่งหมิง
ในทางกลับกันคนที่โดนขังอยู่ในวิหารเฟิ่งหมิงอย่างกู้อ้าวเวยกำลังมองดูคนที่ข้ามผ่านกำแพงเข้ามา ยกคิ้วขึ้น: “เจ้ามาได้อย่างไร? ถ้าหากเสด็จอารู้เข้า อาจจะดุด่าเจ้าได้”
กู้เหยียนจือทำเพียงยืนนิ่งเงียบต่อหน้ากู้อ้าวเวย: “แต่……เมื่อสักครู่ข้าเห็นองค์ชายสี่ได้รับบาดเจ็บ ในเวลาปกติท่าทางท่านพี่ดูเหมือนกับว่าค่อนข้างเอาใจใส่องค์ชายสี่……”
กู้อ้าวเวยยืนขึ้นแล้วตบเบาๆที่หัวของเขา แล้วดันถุงคาดเอวไปไว้ในอ้อมแขนเขา: “เอามันไปรักษาเขาถ้าหากมีเรื่องอย่างอื่นอีกก็ไปที่จี้ซื่อถาง(ร้านขายยา) และช่วยข้านำจดหมายไปให้เสี่ยวหลินที ให้เขาไปช่วยข้าตามหาคนๆหนึ่ง”