บทที่ 125 คำพูดชั่วคราว
ฝ่ามือใหญ่ของซ่านจินจื๋ออบอุ่น ปฏิเสธไม่ได้ว่าให้ความรู้สึกปลอดภัย
แต่ความหมายของซ่านจินจื๋อจะสื่อว่าต้องทำตัวเป็นสามีมากภรรยา นางก็ฟังอย่างตั้งใจ
“หม่อมฉันเองก็ไม่อยากปฏิเสธหัวใจตนเอง หม่อมฉันรักอิสระมากกว่าที่รักท่าน” กู้อ้าวเวยค่อยๆถอนมือของตนออก เจตนาหลบสายตาอันเรียบเฉยของซ่านจินจื๋อ จึงได้แต่ก้มหน้างุดมองสมุนไพร “ หม่อมฉันกับแม่นางซูมิอาจเข้ากันได้ หากท่านอ๋องนึกอยากเป็นสามีมากภรรยาจริง เกรงว่าจะต้องอำนวยความสะดวกให้หม่อมฉัน ให้หม่อมฉันอาศัยอยู่โรงยา ไม่ต้องพบปะนาง”
“ตกลง” ซ่านจินจื๋อได้แต่มองนางอยู่ตลอด
กู้อ้าวเวยเกร็งร่างสะท้าน “หม่อมฉันยังต้องการอิสระ หรือท่านสามารถให้หม่อมฉันได้?”
“หากข้ามีใต้หล้า ก็จะมอบอิสระทั้งใต้หล้าให้กับเจ้า ยามนี้ข้าเป็นเพียงอ๋อง จึงสามารถมอบได้แค่อิสระของจวนอ๋องให้กับเจ้า”
ยามเขาเคยอยู่ในสำนักได้มองศิษย์น้องหญิงอยู่ห่างๆ ยังเคยดูอีกาสู้รบกันเพื่อจิกแย่งอาหาร จนถึงตอนนี้เขาได้ทรมานตนและกู้อ้าวเวยมามากพอจนกระทั่งพบว่า กู้อ้าวเวยเท่านั้นที่เป็นแสงดาวเพียงหนึ่งเดียวของเขา มีเพียงการรั้งให้นางอยู่ข้างกาย เขาจึงจะได้เป็นตัวของตัวเอง
สิ่งที่ซูพ่านเอ๋อร์ไม่รู้นั้นกลับบอกเล่ากู้อ้าวเวยได้
กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วสูงเพียงยิ้มด้วยความยินดี “เช่นนั้นหม่อมฉันจะเคียงข้างท่านเสมอ”
“ดี” ซ่านจินจื๋อพยักหน้าอย่างจริงจัง กุมมือของนางที่หนาวเย็น “เจ้าเป็นของข้าแล้วนะ”
ในภายหลังกู้อ้าวเวยมองประตูวิหารเฟิ่งหมิงที่เปิดออก หลังจากที่ซ่านจินจื๋อทิ้งจุมพิตเบาๆที่กระหม่อมของนางจึงจากไป นางได้แต่ยืนกำหมัดแน่นอยู่ตรงที่เดิมแต่แล้วก็เปลี่ยนเป็นโหมดปล่อยวาง
ความรู้สึกของตนยามนี้ที่เผชิญหน้ากับซ่านจินจื๋อช่างแตกต่าง
นางกลับไม่ได้เตรียมใจของตนมอบให้กับบุรุษที่เคยทำร้ายตนเองมาก่อน
เพียงแค่…สร้างเรื่องโกหกขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าซ่านจินจื๋อจะเชื่อมั่นนางขนาดนั้น
เมื่อทำปากยื่นล้อเลียนนางพิงเอนลงที่เก้าอี้ด้วยความเกียจกร้าน “สักวันข้าคงถูกสวรรค์ล้างแค้นแน่ แต่ข้าไม่นิ่งนอนใจหรอกนะ”
นางจะเชื่อซ่านจินจื๋อได้อย่างไร บุรุษผู้นี้ไม่ใช่ของนางเลย
เมื่อออกมจากวิหารเฟิ่งหมิงซ่านจินจื๋อก็ได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดกับเซียวไห่ขณะเดินมายังห้องหนังสือ เซียวไห่อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปาก “ท่านเชื่อจริงๆหรือ? ข้าจำได้ว่าพระชายาจิ้งผู้นี้….”
“เรื่องราวมาถึงจนบัดนี้ข้าเชื่อนาง” ซ่านจินจื๋อพิจารณามองสิ่งของบางอย่างในมือซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับเซิ่นโหลว เซียวไห่ไม่พูดมากความจึงสั่งให้คนนำหนังสือตำราในคลังทั้งหมดส่งไปให้กู้อ้าวเวย
……
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!” ซูพ่านเอ๋อร์กวาดสิ่งของทั้งหมดบนโต๊ะเครื่องแป้งคล้ายกับคลุ้มคลั่ง
จิ่นซิ่วที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังซูพ่านเอ๋อร์ตัวสั่นสะท้าน “ท่านอ๋องไม่เพียงปล่อยตัวพระชายาจากการกักบริเวณ กระทั่งรับสั่งให้พ่อบ้านว่าจากนี้ไปเมื่อพบพระชายาให้ปฏิบัติเช่นเดียวกับยามที่พบท่านอ๋อง แม้แต่หัวหน้าเซียวก็ได้มอบข้าวของให้พระชายาไม่น้อย ใต้เท้าถงโจวก็เข้าเฝ้าขอบพระทัยด้วยตนเองเจ้าค่ะ…”
กู้อ้าวเวยหว่านยาเสน่ห์ใส่คนพวกนี้หรือยังไงกัน!
ไม่ว่าจะองค์ชายหรือเหล่าผู้บัญชาการทำไมถึงได้เข้าข้างนางทีละคนๆ
“หุบปาก!” ซูพ่านเอ๋อร์ทะลึ่งกายลุกขึ้นยืนอดเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระแอมไอหลายครา แต่นางกลับไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สุดท้ายแล้วก็เหลือเพียงจิ่นซิ่วจึงเกิดการกรีดร้องด้วยความโกรธเกรี้ยว “ข้าจะปล่อยนางไว้ได้อย่างไร! บอกคนของเซิ่นโหลว พวกมันต้องช่วยข้าสังหารองค์ชายสี่ ข้าจะนำกำหนดการเดินทางบอกให้พวกมันทราบ!”
“คุณหนู เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับองค์ชายสี่ ก่อนหน้านี้ท่านอ๋องได้ตรวจสอบทั้งหมดแล้ว ถ้าหากครั้งนี้มีคนรู้ว่าท่านจะปลงพระชนม์องค์ชายสี่ล่ะก็….”
ตราบใดที่องค์ชายสี่ยังอยู่ ข้าก็ลงมือไม่ได้! ข้าไม่เชื่อหรอกว่าพี่จื๋อจะชอบนางจริง! ก็แค่ขวางหูขวางตาที่นางยั่วผู้ชายคนอื่น! องค์ชายสี่ก็ดี องค์ชายหกก็ดี….” ซูพ่านเอ๋อร์ยืนเกร็งร่างอยู่ที่เดิม แต่ก็สามารถระงับความโกรธที่อยู่ข้างในได้
จิ่นซิ่วไม่กล้าพูดมากความ ทว่าเมี่ยวหารอยู่ด้านข้างนิ่งเงียบอยู่นานแล้ว
ตราบเท่าที่ซูพ่านเอ๋อร์ต้องการสิ่งใด เมี่ยวหารไม่เคยไร้หนทางที่จะหามาให้นาง
จิ่นซิ่วได้แต่น้อมรับคำสั่งไปติดต่อกับคนของเซิ่นโหลว และคนของหอเซิ่นโหลวตอบรับโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ซูพ่านเอ๋อร์ที่ได้รับข่าวก็ดีใจเป็นบ้าเป็นหลัง แต่เมื่อมาถึงห้องหนังสือของซ่านจินจื๋อกลับสามารถทำหน้าซีดขาวขณะเข้าพบ นำขนมไข่ในมือวางข้างๆซ่านจินจื๋อพลางกล่าวว่า “พี่จื๋อยังกริ้วข้าอยู่หรือไม่?”
เมื่อวางของในมือลง ซ่านจินจื๋อก็นำร่างคนเข้าอ้อมกอด “ไม่หรอก”
“เช่นนั้นพี่จื๋อเหตุใดจึงได้ปล่อยนาง…..” ซูพ่านเอ๋อร์กระพริบตาถี่รัว
“นาง…เหมือนกับเจ้านะพ่านเอ๋อร์ ทั้งคู่ล้วนเหมาะสมกับข้า” ซ่านจินจื๋อไม่อาจพูดออกมาได้ว่ารักกู้อ้าวเวย
ซูพ่านเอ๋อร์หลับนัยน์ตาดำ ทว่าซ่านจินจื๋อกลับไม่เห็น
คนในอ้อมกอดจึงหันร่างมาจุมพิตเขาเบาๆราวกับแมลงปอล้อผืนน้ำ น้ำตารินไหลตามใบแก้ม ส่งเสียงกระซิบขณะมองเขา “ตั้งแต่เล็กพี่จื๋อชอบกินขนมไข่มากที่สุด พ่านเอ๋อร์มิเคยลืม”
การยอมรับในความแตกต่างอย่างเงียบๆ ซ่านจินจื๋อคิดได้ว่านางได้กลับไปเป็นซูพ่านเอ๋อร์ที่เคยไร้เดียงสาแล้ว
ในม่านเตียงที่อบอุ่นด้วยดอกชบา อย่างไรก็ต้องนอนอ้างว้างอย่างเดียวดาย
กู้อ้าวเวยมองประตูที่เปิดทิ้งไว้แต่กลับไม่อยากออกไปแม้สักก้าว ชิงต้ายมักจะอยู่ข้างกายนางเสมอ แม้กลางค่ำกลางคืนยังออกไปซื้ออาหารร้อนๆในร้านสุรา ทั้งเตรียมของบำรุงกำลังไม่น้อย ได้แต่หวังว่าร่างของนางจะหนาขึ้นกว่านี้บ้าง
“ชิงต้ายเจ้าช่างกังวลแทนข้า ข้าไม่ได้ป่วยนอนติดเตียงนานขนาดนั้นเสียหน่อยไหนเลยจะต้องการของบำรุงมากมายขนาดนี้” นางมองกล่องเล็กบ้างใหญ่บ้างที่วางอยู่บนโต๊ะ ในนั้นเกรงว่ายังมีโสมคนพันปีที่ส่งมาจากในคลัง
“พระชายาท่านดูสิเพคะ ผอมจนกลายเป็นแบบนี้ ช่วงที่ถูกกักบริเวณเกรงว่าจะไม่ได้เสวยของอร่อยเลยนะเพคะ” ครั้นแล้วชิงต้ายชำเลืองมองกล่องที่อยู่บนโต๊ะ กล่าวอย่างเสียไม่ได้ “เหล่านี้ล้วนเป็นข้ารับใช้ในจวนส่งมาเพคะ”
“ส่งให้ข้าทำไมกัน?” กู้อ้าวเวยมองดูหยกงามในกล่องนั้นด้วยความเหยียดหยัน
“ท่านอ๋องกล่าวไว้ว่าจากนี้ไปเมื่อพบท่านก็เท่ากับพบท่านอ๋อง สถานะยามนี้เมื่อต่างวาระจึงหาที่เปรียบมิได้เพคะ ตั้งแต่ยามนั้นบ่าวรับใช้ในจวนล้วนประจบประแจง” ชิงต้ายรีบเก็บของออกแล้วนำอาหารขึ้นโต๊ะ
กู้อ้าวเวยกลอกตามองบน จึงค่อยหยิบตะเกียบหยิบชามทานข้าว
ทานไปได้ครึ่งหนึ่ง ชิงต้ายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกลับเอ่ยด้วยเสียงอันเบา “พระชายาเพคะ ท่านยินยอมอยู่เคียงข้างท่านอ๋องตลอดจริงหรือเพคะ? หม่อมฉันจำได้ว่าเคย…..”
“ที่เจ้าพูดนั้นก็ผ่านมาแล้ว” กู้อ้าวเวยยกมือปิดปากหามชิงต้ายพลันยกยิ้มขึ้น
หากบอกว่าโลกนี้ยังมีคนที่เข้าใจนาง นอกจากซ่านจินจื๋อแล้วก็มีเพียงชิงต้ายนี่ล่ะ
ดวงตาชิงต้ายเบิกกว้างอยู่ชั่วครู่จนในที่สุดก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ รอจนกู้อ้าวเวยคลายมือออก นางจึงได้กล่าวต่อ “แต่หม่อมฉันจะอยู่เคียงข้างพระชายาตลอดทั้งชีวิตนะเพคะ”
กู้อ้าวเวยยกคิ้วพลางกล่าว “ทำไมกันล่ะ? เจ้าก็น่าจะเดาได้ว่าที่ข้าตอบตกลงก็แค่แผนรับมือชั่วคราว”
“ชีวิตชิงต้ายนี้เป็นของมารดาท่าน ต่อมาก็เป็นของท่านเพคะ” ดวงตาชิงต้ายส่องประกายลุกโชนไม่มีหลอกลวงแม้แต่นิด กู้อ้าวเวยกลับสนใจใครรู้เกี่ยวกับมารดาที่ไม่เคยพบมาก่อนนั้นเป็นคนเยี่ยงไร