บทที่156 บัณฑิตขี้โรค
ออกจากตำบลซ่านหลินหนึ่งลี้ยังมีจวนหลังใหญ่หนึ่งหลังอยู่ในป่า
ป้ายแผ่นใหญ่บนหน้าประตูเขียนว่าจวนเมิ่งสองพยางค์ กู้อ้าวเวยตามหลังเฟิงเมี่ยวเดินเข้าข้างใน จวนเมิ่งนี้ยังให้ความรู้สึกผ่อนคลายและขลัง เมื่อเทียบกับการตกแต่งของที่อื่นๆ หน้าต่างของเขาใส่ใจในการแกะสลักทั้งหมด ค่อยๆเข้าไปข้างใน จะเห็นสี่ฤดูในหนึ่งปี สิบสองเดือนบนหน้าต่างแต่ละอันที่ไม่เหมือนกัน
เมื่อเดินมาถึงในห้องโถง แม่บ้านในจวนก็ทักทายขึ้น: “นายท่านซู๋ ฮูหยินซู๋ คุณหนูซู๋”
แม่บ้านแสดงออกถึงความสุข ใบหน้าที่ยิ้มแย้มกับดวงตาโตหนึ่งคู่ อายุมากแล้วจึงทำให้พูดจาดูมีจริตจะก้าน
“อั๊ยโหย หญิงงามท่านนี้คือใครกัน? เป็นคนที่นายท่านซู๋หามาเพื่อเป็นคนรักคุณชายน้อยของข้าใช่หรือไม่?” แม่บ้านเมื่อเห็นกู้อ้าวเวยตรงหน้าชัดๆ เห็นรูปร่างผอมบางของนาง ก็เปลี่ยนหัวข้อทันใด: “แม่นางนี่คือไม่ทานข้าวหรือ ยัยไง่หงรีบไปจัดกับข้าวเพิ่มไป!”
“ใช่!” หญิงสาวที่อยู่ด้านข้างปิดปากหัวเราะเบาๆ แล้วรีบเดินออกไป
กู้อ้าวเวยรู้สึกกระอักกระอ่วน ฉับพลันก็ถูกแม่บ้านท่านนี้ผลักเบาๆให้ไปนั่งลงบนเก้าอี้ แม้แต่จะแนะนำตัวก็ทำไม่ได้
ผ่านไปสักพัก บนโต๊ะก็วางเต็มไปด้วยกับข้าว ซู๋โหย่วเว่ยพาทุกคนนั่งลงบนที่นั่ง โดยไม่รอเจ้าบ้านมาก็จับตะเกียบขึ้น ทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านของตนเอง ซู๋โหย่วเว่ยก็อธิบายว่า: “นายท่านเมิ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานของข้า ลูกชายคนโตของเขาออกไปค้าขาย ลูกชายคนเล็กเต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่ร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เกิด ฮูหยินเมิ่งก็ล้มป่วยเพราะคลอดบุตร วันๆยังซึมเศร้าเพราะอาการป่วยของบุตรชายคนเล็ก
“ดังนั้นก่อนมาครั้งนี้ ท่านจึงอยากให้ข้าช่วยรักษาฮูหยินเมิ่งและคุณชายเมิ่ง?” กู้อ้าวเวยก็จับตะเกียบมากินด้วย ทุกอย่างรวดเร็วเสมือนพายุหอบเอาปุยเมฆทำให้แม่บ้านและยัยไง่หงที่อยู่ข้างๆพูดไม่ออก
“ใช่ ข้าได้ดูใบสั่งยาของเจ้าแล้ว ประโยชน์ยังไม่ต้องพูดถึง แม้ว่าครอบครัวของข้าจะฝึกฝนแพทย์มาหลายชั่วอายุคนก็ไม่กล้าจ่ายใบสั่งยาพวกนี้ของเจ้า”
“ท่านไม่กลัวว่าข้าจะทำอันตรายพี่น้องของท่านหรือ? ข้าเป็นแค่คนที่มีที่มาไม่ชัดเจน” กู้อ้าวเวยวางลงตะเกียบพร้อมถ้วยที่ว่างเปล่า
เมื่อถูกถามเช่นนี้ ซู๋โหย่วเว่ยเพียงแค่จับที่ปรอยผม เฟิงเมี่ยวที่อยู่ข้างกันจึงพูดด้วยเสียงต่ำ: “สามีข้าก็เป็นหมอเช่นกัน หากเจ้าคิดจะลงมือกระทำ ก็ต้องผ่านความสัมพันธ์ของพวกข้าด้วย”
“ฮูหยินช่างเป็นคนที่พูดตรงนัก” กู้อ้าวเวยเพียงแค่ค่อยๆพยักหน้า ดูแล้วสามีภรรยาตระกูลซู๋ก็ไม่ใช่ไม่มีการระวัง พูดเสร็จนางก็ลุกขึ้น แล้วยืนตรงประตูมองไปในที่ไกลๆ เหม่อลอยเล็กน้อย
แม่บ้านเก่าแก่เพียงส่งสายตากับยัยไง่หง ยัยไง่หงนั่นก็เข้าใจได้จึงเดินไปข้างหน้า: “แม่นางเหตุใดมายืนอยู่ตรงนี้ ตรงนี้เป็นช่องรับลม”
“เพิ่งทานข้าวแล้วไม่ควรนั่งนาน” และข้อมือของนางและหน้าอกเจ็บอีกครั้ง หายใจไม่สะดวกเล็กน้อย ยืนอยู่ตรงนี้คือกำลังดี
ซู๋โหย่วเว่ยเฟิงเมี่ยวยังไม่ทันทานเสร็จ ก็เห็นชายในชุดสีน้ำเงินเข้มเดินมาตามระเบียงทางเดินข้างๆ ใบหน้าซูบผอม ร่างกายทั้งผอมทั้งอ่อนแอไม่มีที่เปรียบ ทุกก้าวที่ก้าวเท้าออกกลับต้องสูดลมหายใจเข้าลึก เป็นอาการที่ป่วยหนักจริงๆ
“กู้อ้าวเวยเองก็มองตาม สายตาสบกัน นางกำลังคิดว่าผู้ชายคนนี้เหมือนได้รับพิษ แต่ผู้ชายอ่อนแอนั่นเมื่อเห็นนางกลับชะงัก แล้วเร่งฝีเท้าเดินมา ถามไปยังยัยไง่หง: “ปล่อยให้หญิงสาวเข้ามาตามอำเภอใจได้อย่างไรกัน”
“คุณชายน้อย ท่านนี้ไม่ใช่หญิงสาวอย่างว่า แต่เป็นหมอที่นายท่านซู๋พามาด้วย บอกว่าจะมาช่วยรักษาอาการป่วยของท่านและฮูหยินเพื่อหาเงินค่าเดินทางเพคะ” ยัยไง่หงกลับดึงคุณชายน้อยเข้ามาในห้องโถงใหญ่แทน
คุณชายน้อยโค้งคำนับให้กับพวกของซู๋โหย่วเว่ยแสดงถึงความเคารพนับถือมากมาย
“ข้าคือเมิ่งซู่ ไม่ทราบว่าแม่นาง……”
“เอ่อร์ชิง เพราะมีเหตุบางอย่างทำให้ต้องตกอับอยู่ที่นี่ ตั้งใจใช้นามแฝงเพื่อไม่ก่อให้เกิดปัญหา” กู้อ้าวเวยสามารถดูออกว่าซู๋โหย่วเว่ยและคุณชายตรงหน้าต่างเป็นคนที่มีความคิดละเอียดอ่อน จึงได้บอกที่มาบางส่วนของตนเองออกไป
เมื่อได้ฟังแล้ว คุณชายน้อยท่านนั้นก็ไอออกมาเล็กน้อย กู้อ้าวเวยก็ไม่ล่าช้า เดินเข้าไปใกล้และช่วยเขาตรวจชีพจร
แค่จับเข้าที่ชีพจร กู้อ้าวเวยกลับรู้สึกแปลกใจจนต้องมองไปที่เมิ่งซู่: “เจ้าเคยถูกวางยาพิษที่ร้ายแรง หาทางรักษาไม่ได้ จากนั้นก็ถูกกดทับไว้ ตอนนี้พิษลดน้อยลง ตัวยาก่อนหน้ากลับสะสมในร่างกาย รวมทั้งที่นี่เปียกและชื้น เจ้ากลางคืนนอนไม่หลับ เหงื่อออกทั้งตัว ทุกวันตื่นขึ้นมาแขนขาทั้งสี่อ่อนแรง ช่วงนี้มีอาการปวดหัวบ้าง?”
พูดเสร็จ กู้อ้าวเวยก็หยิบมีดเล่มหนึ่งออกมาจากกล่องยาของซู๋โหย่วเว่ย บั่นลงบนปลายนิ้วของเมิ่งซู่ หยดเลือดลงไปในจอก เข็มเงินก็ค่อยๆเปลี่ยนสี นางเริ่มขมวดคิ้ว: “พิษนี้ยังไม่หายไป เป็นเพราะอะไรกันแน่?”
“แม่นางเอ่อร์ชิง……เจ้าดูออกได้อย่างไรกัน……” เมิ่งซู๋และแม่บ้านข้างๆต่างก็ประหลาดใจเล็กน้อย
เรื่องนี้กลับย้อนถามกลับกู้อ้าวเวย แพทย์โบราณโดยทั่วไปควรจะดูฟังถามและจับชีพจร แต่นางเมื่อมาถึงที่นี่ ถึงค้นพบว่าชางหลานมีสมุนไพรเป็นจำนวนมาก และเช่นเดียวกัน ผู้คนที่เติบโตขึ้นในดินแดนนี้มาหลายชั่วอายุคน หากว่าร่างกายเพราะใช้ยาแล้วเกิดปัญหา จากนั้นจะมีปัญหาทั่วทุกส่วนในร่างกาย
เพียงแต่ว่านางยังไม่ค้นพบสาเหตุแท้จริง บางครั้งก็เป็นการเดาหนึ่งส่วน อีกเก้าส่วนคือประสบการณ์
“เป็นเพียงความเคยชินเท่านั้น และแค่ไม่รู้ว่าในเวลานั้นเจ้าได้รับพิษอะไร?”
“ตอนแรก คือมีคนและคุณชายใหญ่ทำมาค้าขายแข่งกัน ตอนท้ายอับจนหนทางจึงได้จ้างวานนักฆ่าของโหวเซ่อมาลงมือกับคุณชายน้อย โดยพิษที่ใช้เป็นของโหวเซ่อทั้งหมด ถึงเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถแก้ได้ ในเวลานั้นผู้เฒ่าพเนจรท่านนั้นก็เพียงแค่กดทับพิษไว้” พลันแม่บ้านที่ยืนข้างๆก็พูดเล่าทุกอย่างออกมาโดยไม่หยุด ในดวงตาเต็มไปด้วยความหวัง
เลิกคิ้วขึ้นแล้ว กู้อ้าวเวยกลับพยักหน้าเข้าใจ: “พิษนี้ถ้ายังอยากสลายไป เกรงว่าจะต้องใช้เวลานาน แต่ว่าเจ้าไม่สามารถใช้ยาเพื่อกดทับพิษ ต่อไปต้องหยุดยา แล้วใช้เข็มปรับสมดุล วันปกติหากว่าจำเป็นต้องดื่มยาเพื่อแก้พิษ ก็จะต้องระวังยาไม่ควรเข้มข้นมากไป”
พิษนี้สะสมมาเป็นเวลานานเช่นนี้ แม้แต่นางก็ไม่กล้ารับรองว่าจะสามารถแก้ไขพิษนี้ได้จริง
หากว่าผลีผลามทดลองยา ตามที่ร่างกายของเมิ่งซู่ เกรงว่าไม่เกินสามวันอาการคงกำเริบได้ และเวลาที่นางจะอยู่ที่นี่ก็ไม่มากแล้ว แต่ก็ไม่สามารถชะลอ
คิดมาถึงตรงนี้ นางก็ดึงให้เมิ่งซู่ลุกขึ้น: “ไปห้องของเจ้า วันนี้ข้าจะฝังเข็มให้เจ้า พรุ่งนี้เสริมโดยสมุนไพรเพิ่มทีละบาดแผล”
“แต่……ชายหญิงไม่ควรสนิทสนมชิดใกล้” เมิ่งซู่สะดุ้งตกใจ
“เจ้าก็คิดซะว่าข้าเป็นผู้ชาย ข้าพักอยู่ที่นี่เพียงห้าวันเท่านั้น หลังจากนั้นก็ต้องมุ่งหน้าไปหลิ่งหนานตระกูลหยุน สักนิดก็ล่าช้าไม่ได้” กู้อ้าวเวยบีบที่ฝ่ามือของเขาไปมา เพื่อให้เขาพาตนเองไปในห้อง
แม่บ้านเก่าแก่ปิดหน้าหัวเราะคิกๆ: “อั๊ยโหย คุณชายน้อยนี้ยังคงหัวโบราณและเป็นคนขี้อาย”
“ข้าก็ตามไปดูด้วย” ซู๋โหย่วเว่ยก็รีบถือกล่องยาเล็กของตนเองตามไป
เฟิงเมี่ยวกลับมองตามหลังทั้งสองคน คิดว่าหากสามารถหาหญิงสาวสักคนที่มีความสามารถทั้งการศึกษาและยังมีความเมตตาให้เมิ่งซู่ได้จริง ก็คงไม่เลว จึงกวักมือให้แม่บ้านเก่าแก่: “เจ้าไปรายงานเรื่องนี้กับนายท่านเมิ่งไว้ เมื่อเขากลับมาในวันพรุ่งนี้ อย่าทำให้หญิงสาวของคนอื่นตกใจกลัวได้”
“เข้าใจเจ้าค่ะ” แม่บ้านเก่าแก่ปิดหน้าแล้ววิ่งเร็วราวหมอกควันออกไปไม่เห็นแม้แต่เงา
ยัยไง่หงดวงตากลมโตกลอกกลิ้งไปมา ก็รีบตามกันไปร่วมสนุก เพิ่งวิ่งถึงประตู ก็ได้ยินเสียงอุทานของเมิ่งซู่ออกมาจากข้างใน: “ไม่ได้! ทำไมถึงต้องถอดเสื้อผ้า!”
“ไม่ถอดเสื้อผ้าออกจะฝังเข็มอย่างไร?” กู้อ้าวเวยไม่รีรอ ก็ปัดออกเสื้อส่วนบนทั้งหมดของเขา ให้ตัวคนนอนลงไปบนเตียง นางก็ตั้งอกตั้งใจในการฝังเข็ม ทนไม่ได้แม้แต่น้อยกับความสะเพร่า