บทที่ 179 สถานะอันไร้ตำหนิ
“ความหมายของเจ้าคือ พี่จื่อไม่เคยคิดเตรียมตำแหน่งภรรยาหลวงให้ข้างั้นหรือ!”
ซูพ่านเอ๋อปัดผงชาดแต่งหน้าจากมือที่ยื่นส่งมาให้ ถลึงตาใส่ตนเองในกระจกทองเหลืองอย่างเดือดดาล ดวงตาอาฆาตมาดร้าย
จิ่นซิ่วที่คุกเข่าอยู่ด้านข้างพยักหน้าถี่รัว “แต่ท่านอ๋องยังคิดเผื่อท่านเช่นนี้ หากเบื้องหลังของท่านมีตระกูล ในอนาคตท่านอ๋องอาจสามารถสนับสนุนให้ท่านครอบครองสถานะอันสูงส่ง แต่ท่านตัวคนเดียวลำพัง……”
เสียงยิ่งมายิ่งเบา จิ่นซิ่วไม่กล้าพูดต่อ
เมี่ยวหารที่เดินเข้ามาบังเอิญพบฉากชุลมุน เห็นซูพ่านเอ๋อกำลังเกรี้ยวกราดจึงรีบกล่าว “ช่วงหลายวันนี้พระชายาต้องศึกษาตัวยาสมุนไพร ข้าเกรงว่าจะต้องใช้เข็มปรับแก้ร่างกายของท่าน เพื่อหลีกเลี่ยงที่จะถูกนางระแคะระคาย”
“ได้ แต่ว่าเมี่ยวหาร ข้าอยากให้ท่านช่วยเตรียมของบางสิ่ง”
ซูพ่านเอ๋อถลึงตามองใส่เมี่ยวหาร
……
ภายในวิหารเฟิ่งหมิง กู้อ้าวเวยเขียนตำรับยาส่งให้กับชิงต้ายพลางโอบป๋ายเสาเข้าอ้อมกอด ลูบไล้เล่นขนของมัน จึงได้กล่าวต่อ “นี่ถึงจะเป็นตำรับยาที่แท้จริง เมื่อฤดูใบไม้ร่วงมาถึงข้าจะไปบำรุงรักษาซูพ่านเอ๋อด้วยตนเองสักครั้ง
“คุณหนู ท่าน….”
“ข้าย่อมไม่ต้องการสิ้นเปลืองต้นเลือดมังกรและถุงน้ำดีหงส์ แค่พอจะทำให้นางลำบากเล็กน้อยไปบ้าง”กู้อ้าวเวยยิ้มสดใส วางป๋ายเสาลงบนพื้นปล่อยให้มันไปวิ่งเล่น
“แต่ในอดีตนายท่านเห้อแห่งร้านยาจี้ซื่อถางเคยวินิจฉัยให้ซูพ่านเอ๋อ”
“เช่นนั้นแล้ว ข้าควรไปหานายท่านเห้อสักครั้ง” กู้อ้าวเวยยักคิ้วใส่
ทักษะการแพทย์ของเห้อจิ้นหล่างโดดเด่น สมควรพบว่าซูพ่านเอ๋อไม่เคยถูกวางยาและไม่ได้ป่วย แต่เมื่อยึดตามนิสัยที่ตรงไปตรงมาของเห้อจิ้นหลาง เหตุใดถึงไม่บอกเรื่องนี้โดยตรงกับซ่านจินจื๋อเสียตั้งแต่ตอนนั้น
แม้ในใจนางสงสัย มีแต่ต้องไปพบสักครั้ง
เพิ่งมาอยู่ในจวนได้ไม่กี่วัน กู้อ้าวเวยก็ออกมารีบไปยังร้านยาจี้ซื่อถาง รอจนเห้อจิ้นหล่างหยุดธุระในมือจึงได้ไปที่จวนหลังแล้วพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เห้อจิ้นหลางส่ายหน้าด้วยความอับจน “สี่เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง นับเป็นความประมาทของข้าจริงๆ”
“เหตุใดนายท่านเห้อถึงพูดว่าประมาทล่ะ?”
“ก่อนที่ข้าจะไปตรวจชีพจร ชีพจรของแม่นางซูประหลาดมากจริงๆ ตอนนี้ได้ยินจากเจ้าว่านางไม่ได้ป่วย เรื่องนี้ก็กระจ่างแน่ชัดแล้ว หมอที่ติดตามนางนั้นเกรงว่าไม่ได้่วินิจฉัยชีพจรหลักทั้งหมดทั้งยังเล่นตุกติกบางอย่าง เสียดายที่ยามนั้นข้าล้วนมองไม่ออก” เห้อจิ้นหลางส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
เรื่องนี้ไม่ธรรมดาอีกต่อไป แต่ละคนมีความเชี่ยวชาญที่แตกต่างสาขากันไป ถึงแม้ว่าเห้อจิ้นหลางจะเก่งกาจทางการแพทย์ แต่เป็นด้านการช่วยเหลือรักษาคนไข้ หากเป็นการถอนพิษ หรือประเภทของชีพจรหลักนั้นกลับไม่เชี่ยวชาญ สำหรับกู้อ้าวเวยนางไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเส้นชีพจรหลักของคนยุคโบรราณ ก่อนหน้านี้นางมุ่งมั่นเกี่ยวกับการเรียนก็เพื่อจะถอนพิษเท่านั้น ไม่ได้สนใจเรื่องชีพจร
เพียงแต่เมื่อคิดได้แบบนี้ นางกลับเข้าใจเมี่ยวหารว่าเพราะเหตุใดจึงได้ทำเพื่อซูพ่านเอ๋ออย่างหมดหัวใจ
“ดูเหมือนเมี่ยวหารจะคิดลึกซึ้งกับนางมาโดยตลอด การแพทย์ไม่เชี่ยวชาญ แต่กลับสามารถจัดการเรื่องราวให้นางได้หมดทุกอย่าง” กู้อ้าวเวยวางถ้วยในมือลงทั้งยังกล่าวต่อ “นายท่านเห้อ ในวันหน้าไม่ต้องไปจวนอ๋องจิ้งแล้วเจ้าค่ะ”
“ทำไมล่ะ?”
“ข้ากับนายท่านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หากให้ซูพ่านเอ๋อรู้ล่ะก็คงถูกวางแผนให้ร้าย ชีวิตของท่านอาจจะถูกจดเข้าบัญชีดำ ในวันหน้าหากข้าต้องการพบท่านก็จะมาที่คฤหาสน์ของท่านโดยตรงแล้วกัน”
กู้อ้าวเวยลุกขึ้นแล้วรีบร้อนจากไป
เห้อจิ้นหลางมองภาพเงาด้านหลังของนาง ดวงตาหยีเล็กน้อย
เด็กสาวคนนี้ไม่ธรรมดา ยามนี้ไม่ต้องการให้เขาเข้าใกล้ เกรงว่าจะทำการอะไรบางอย่างสินะ
เมื่อกู้อ้าวเวยกลับมาถึงจวน ก็ได้มีวิธีของตนอยู่ในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เมี่ยวหารไม่เชี่ยวชาญการแพทย์ ถ้าเล่นตุกติกเล็กน้อยตามบนใบสั่งยาของนางก็ไม่น่ามีอุปสรรค
ขณะที่เขียนใบสั่งยาอยู่นั้น กู้จี้เหยาก็ได้นำหลานเอ๋อร์เปิดประตูวิหารเฟิ่งหมิงเข้ามา เมื่อมองดูรอบๆไม่คนรับใช้สักคนจึงเดินตรงเข้ามายังห้องรับแขกเห็นกู้อ้าวเวยกำลังเขียนอะไรบางอย่าง จากนั้นค่อยส่งเสียงกระแอมเบาๆ
กู้อ้าวเวยถูกทำให้สะดุ้ง เมื่อหันกลับไปก็พบกับกู้จี้เหยาจึงวางพู่กันในมือลงแล้วเดินมาหา “วันนี้น้องสาวมีเวลามาได้อย่างไรกัน?”
“ทราบว่าพี่สาวกลับมาอย่างปลอดภัยจึงแค่มาแสดงความยินดี” กู้จี้เหยานั่งลงเองโดยที่ไม่มีใครเชิญแล้วให้หลานเอ๋อร์นำของกำนัลเข้ามาวางไว้ ขณะเดียวกันก็หัวเราะเยาะหยัน “ข้าคิดว่าพี่สาวกับท่านอ๋องไปท่องเที่ยวกันเสียนาน ความรู้สึกนานนับวันควรเพิ่มขึ้น แต่กลับนึกไม่ถึงว่าแม้แต่คนรับใช้ก็ไม่มอบให้ท่านสักคน”
กู้อ้าวเวยปรายตามองวิหารเฟิ่งหมิงของตนที่แสนจะเงียบเหงากลับประหลาดใจ “ดูเหมือนจะโล่งมากจริงๆ เช่นนั้นน้องสาวโปรดอย่ารั้งอยู่นานเถอะ ไม่มีใครรับใช้เจ้าหรอก”
“พระชายา คุณหนูของพวกเราจะดีร้ายอย่างไรนางก็ยังเป็นน้องสาวของท่าน” หลานเอ๋อร์เอ่ยด้วยความไม่พอใจ กระทั่งชี้เหล่าของกำนัลที่อยู่ตรงหน้า
นี่อาจจะเรียกได้ว่าขอโทษแล้วไม่ยอมรับ
“ก็ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ น้องสาวได้โปรดนั่งเล่นอยู่ที่นี่เถิด เพราะชิงต้ายน่าจะไปจ่ายยาแล้วล่ะ”กู้อ้าวเวยม้วนแขนเสื้อให้กว้างขึ้นเล็กน้อยแล้วกลับไปกระดาษและพู่กันของตนต่อ”
กู้จี้เหยากลับเห็นร่องรอยบาดแผลบนข้อมือของนาง สีหน้าลุ่มลึกกระจ่างความในทันที
“พี่สาว ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ท่านถูกคนของโหวเซ่อลักพาตัวไป ไม่คิดว่าหลังจากที่ท่านกลับมายังคงซึ่งสถานะอันไร้ตำหนิไว้ได้” กู้จี้เหยากลัยพูดความในใจของตนออกมาจนหมดสิ้น
การเคลื่อนไหวของกู้อ้าวเวยชะงัก เข้าใจถึงความหมายของกู้จี้เหยา
หลานเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆมองกู้อ้าวเวยด้วยความใคร่รู้ กระซิบอะไรบางที่ข้างหูกู้จี้เหยา หลังจากนั้นกู้จี้เหยาจึงได้หัวเราะออกมาเบาๆ “ใช่ว่าท่านทำมลทิลต่อชื่อเสียงของอ๋องจิ้ง ยามนี้ท่านอ๋องจึงไม่อยากพบท่านอย่างนั้นหรอกหรือ?”
“การคาดเดาของเจ้ามีหลักมีผลดีนะ” กู้อ้าวเวยเพียงแค่ยกยิ้มมุมปาก แต่กลับไม่มีความคิดที่จะเขียนต่ออย่างสิ้นเชิง จึงหันมาเผชิญหน้ากับกู้จี้เหยาอีกครั้ง มองนางจากที่สูงลงต่ำ “ท่านพ่อทราบเรื่องที่ข้าหายตัวไป?”
“เป็นท่านพ่อที่ให้ข้ามาถามท่าน ว่าได้ทำจวนเฉิงเสี้ยงของพวกเราขายหน้าหรือไม่” กูู้จี้เหยาลุกขึ้นยืนข่มเพื่อแสดงท่าทีเหนือกว่า
หน้าตาของจวนเฉิงเสี้ยงงั้นหรือ
นางกลับมาเทียนเหยียนด้วยร่างกายครบสามสิบสอง แต่บิดาอย่างกู้เฉิงกลับห่วงว่านางจะทำเรื่องขายหน้าหรือเปล่า
“เจ้าไปพูดเรื่องนี้กับท่านอ๋องโดยตรงเลยก็ได้นะ บางทีในอนาคตเขาอาจจะไม่ต้องเห็นข้าอีก”กู้อ้าวเวยโบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณเชื้อเชิญ “พูดถึงขนาดนี้แล้ว ก็ขอเชิญเจ้าไปเสียเถอะแล้ววานช่วยข้าไปบอกบิดาสักประโยค หากวันใดให้ข้าพบจุดอ่อนของจวนเฉิงเสี้ยงแล้วล่ะก็ ไม่อ่อนข้อให้แน่”
“คนอกตัญญู!”
“หากข้าพบจุดอ่อนของเขาว่าเขาไม่ซื่อสัตย์ต่อเทียนเหยียน ข้าก็แค่จัดการต่อญาติพี่น้องตามกฎหมาย” ระหว่างนางกับกู้เฉิงไม่มีสายสัมพันธ์พ่อลูกแม้แต่นิดเดียว หลังจากที่ตนหายไปเขากลับพูดปฏิเสธไร้เยื่อใย ไม่แปลกที่นางไร้หัวจิตหัวใจเช่นนี้
กู้จี้เหยาโกรธจนหน้าดำคล้ำเขียว จนในที่สุดก็สะบัดแขนเสื้อจากไป
หลานเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังส่งเสียงฮึดฮัด รีบตามกู้จี้เหยาออกไป
แต่กู้อ้าวเวยกลับคลึงใต้คางของตนขณะใช้ความคิด ถ้าหากมีคนคิดว่าเกิดอะไรขึ้นบางอย่างระหว่างนางกับจูเย่น มันก็ไม่เลวนะ เมื่อเป็นเช่นนี้ซ่านจินจื๋อก็จะได้ไม่ต้องแตะต้องตนอีก