บทที่ 174 แผลเก่ายังไม่หาย
เมื่อทานยาลงไปสามเม็ด กู้อ้าวเวยถึงได้รู้สึกว่าอาการปวดหัวนั้นดีขึ้น
เมื่อลุกขึ้นสูดลมหายใจลึกๆ นางจึงเริ่มนวดบริเวณข้อมือที่เกิดอาการปวด ลองเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังเมื่อเห็นว่าไม่มีอุปสรรคจึงเดินไปล้างหน้าบ้วนปากที่ด้านข้าง กั้นฉากเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ชุ่มเหงื่อ แต่ดันพาดไว้บนฉากกั้นแทนที่จะไว้บนพื้น ซ่านจินจื๋อเลยเห็นแทบจะเต็มตา
เสื้อผ้าที่ถูกสับเปลี่ยนยังมีรอยเลือดและบาดแผลบนไหล่ของนางก็ยังไม่หายเป็นปกติดี บาดแผลบนข้อเท้าทั้งสองข้างยังถูกพันไว้ด้วยผ้าโปร่ง แต่นางคล้ายกับไม่รู้สึกเจ็บปวด หลังจากที่เปลี่ยนยาก็สวมรองเท้าใหม่อีกครั้ง
“แผลเก่าของเจ้ายังไม่หาย เหตุใดจึงไม่บอกกัน?”ซ่านจินจื๋อเดินออกมาจากหลังฉากกั้น
กู้อ้าวเวยตกใจสะดุ้งพลันเงยหน้ามองเขา “แผลแช่น้ำในแม่น้ำมา แถมตอนนี้ยิ่งเป็นฤดูร้อนด้วย แผลเกิดอักเสบไฉนเลยจะหายได้รวดเร็วปานนั้น”
“แล้วที่เจ้าเดินทางระยะไกลเช่นนี้ ท่องไปทั่วตลาดมืดชักจูงปั่นหัวโหวเซ่อ ไม่กลัวตายบ้างหรือไร?” ซ่านจินจื๋อนั่งลงที่ด้านข้างแล้วยกขานางขึ้นพาดบนตักของตน นำแผลที่ถูกพันอยู่ข้างในเผยออกมาให้เห็น
กู้อ้าวเวยกดขอบโต๊ะด้วยใบหน้าถอดสี
เห็นชัดๆว่าตอนก่อนหน้านี้ที่อยู่กับกุ่ยเม่ยก็ไม่เคยถูกจับได้ ตอนที่นอนร่วมห้องกับเขา ดูเหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจด้วยซ้ำ ทำไมวันนี้ถึงถูกจับได้เล่า
“จะอยู่นานกี่วัน”
“หม่อมฉันอยากเที่ยวที่ใหม่ๆ” กู้อ้าวเวยมองเขาแล้วดึงขาข้างนั้นของตนกลับ “แผลนี้ไม่รุนแรง ไม่ปวดมากด้วย ปกติหม่อมฉันก็นั่งแต่ในรถม้านะ”
“ไม่อนุญาต” นังหญิงตัวแสบ ยังอยากจะไปเที่ยวเล่นอีกหรือ!
กู้อ้าวเวยยู่ปาก ในที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแค่สวมใส่รองเท้าเรียบร้อย
ซ่านจินจื๋อกำชับเฉิงซานดูแลกู้อ้าวเวยให้ดี ไม่อนุญาตให้นางออกไปเที่ยวเล่น ตัวเขาก็เฝ้าดูแลกู้อ้าวเวยตลอดเวลา เมื่อว่างทั้งวัน กู้อ้าวเวยจึงโมโหอยู่นิดหน่อย โกรธซ่านจินจื๋อจนเลือกคำพูดไม่ถูกอยากให้เขารีบๆจากไป แต่ก็ตอบรับอย่างเงียบๆ
สองวันมานี้ฝนตกหนักส่งผลให้กระแสน้ำตอนล่างน้ำไหลท่วมเป็นวงกว้าง ซ่านจินจื๋อคิดวางแผนช่วยเหลืออยู่ที่นี่
กู้อ้าวเวยเอาแต่ทำยาดองสมุนไพรและสั่งให้กุ่ยเม่ยไปหาอาหารรสเลิศๆของที่นี้ และได้ซื้อแมวสีขาวผอมโซมาเลี้ยงจากเด็กขอทานคนหนึ่งแถมตั้งชื่อว่า ป๋ายเสา (ดอกโบตั๋นขาว) เตรียมไว้กลับไปอยู่เป็นเพื่อนกับเจ้าพุทรา
เมื่อเรื่องน้ำท่วมสิ้นสุดลง ทั้งสองคนถึงได้เดินทางต่อ กู้อ้าวเวยอุ้มเจ้าป๋ายเสาไว้ไม่ยอมปล่อย เมื่อเห็นซ่านจินจื๋อกลับขนพองไม่กล้าเข้าใกล้ ทำให้กู้อ้าวเวยหยอกล้อซ่านจินจื๋อว่า “เลือดเปื้อนมือ ยากที่จะล้างออกตลอดชีวิต แมวตัวหนึ่งยังมองทะลุปรุโปร่งได้มากกว่ามนุษย์เสียอีก ล้วนแต่ไม่กล้าเข้าใกล้ท่าน”
“เจ้าก็รู้ว่านิสัยข้าดุร้ายแล้วยังกล้าจะพูดจาเสียดสีหรือ?” ซ่านจินจื๋อกลับไม่ได้รำคาญคำพูดกัดเจ็บของนาง หลายวันมานี้คุ้นเคยราวกับเป็นเรื่องปกติ
“ท่านดีกับหม่อมฉันขนาดนี้ แล้วหม่อมฉันจะมีลางสังหรณ์แย่ๆได้อย่างไรกัน” กู้อ้าวเวยอุ้มป๋ายเสาที่อยู่ในมือขึ้นแล้วยังเกาขนท้องให้มัน ขนจึงได้หายพอง
“ข้ายังข้าเจ้าไม่ได้?”
“กล่าวเช่นนี้ ท่านฆ่าหม่อมฉันไม่ได้งั้นหรือ?” กู้อ้าวเวยมองเขาด้วยสายตามีพิรุธ “ครั้งนี้ท่านจะหลอกอะไรหม่อมฉันอีกล่ะ?”
ซ่านจินจื๋อนิ่งเงียบ กู้อ้าวเวยจึงถือเสียว่าฟังเรื่องตลกแล้วไม่ถามอะไรต่อ
ระหว่างเดินทางทั้งสองคนยิ่งคล้ายคู่สามีภรรยาขึ้นไปทุกที กู้อ้าวเวยภายนอกนิสัยดื้อดึงเอาแต่ใจยิ่ง ลากซ่านจินจื๋อไปฟังงิ้วที่โรงละครอย่าง ต่อมาก็ยังไปต่อแถวนานสองนานเพื่อซื้อขนมไข่ชิ้นเดียว ได้ยินว่าเสี่ยวหลงเปาร้านนั้นมีชื่อเสียง ก็ยังต้องรั้งรออยู่ที่นี่ถึงสองวัน ในวันธรรมดาหากไม่มีธุระก็หยอกแมวบ้าง ปรุงยาบ้าง ใช้ชีวิตราวกับคู่สามีภรรยาทั่วไป
แม้ในยามปกติซ่านจินจื๋อที่ไม่ค่อยพูดจาบางครั้งก็ยังถูกบังคับให้พูด แถมบางครั้งยังลงมือวิ่งไล่กวดกู้อ้าวเวยรอบบ้าน
เวลาบินหายไปอย่างรวดเร็ว ซ่านจินจื๋อเหมือนจะลืมซูพ่านเอ๋อที่เทียนเหยียนไปแล้วเขาเอาแต่ติดตามกู้อ้าวเวยไปดูโลกกว้างที่หลากหลาย
ในซากวัดเก่า กู้อ้าวเวยกำลังก่อกองไฟกับกุ่ยเม่ย ที่มุมด้านซ้ายคือกลุ่มผู้คุ้มกัน อีกด้านหนึ่งคือกลุ่มชาวยุทธภพที่มานั่งด้วยกัน ส่วนซ่านจินจื๋อก็ส่งคนออกไปล่าสัตว์ป่า
ผ่านไปสักครู่กู้อ้าวเวยเพิ่งจะก่อกองไฟติด พลันมองฝนที่นอกหน้าต่าง “ฝนที่ชางหลานทำไมถึงชุกขนาดนี้เนี่ย”
อย่างกับว่าเจ้าไม่ได้เติบโตที่ชางหลานอย่างงั้นแหล่ะ” ซ่านจินจื๋อมองเฉิงซานเติมท่อนไม้ลงในกองไฟ และมองกู้อ้าวเวยที่กำลังอังมือข้างกองไฟในยามฤดูร้อนอย่างคาดไม่ถึง พลันย่นคิ้วเล็กน้อย “เจ้ากลัวหนาว อีกหลายวันก็จะถึงหน้าผาไป๋เฉ่า ยังไปได้อยู่หรือ?”
“บาดแผลหายดีแล้ว กลัวหนาวสวมเสื้อผ้าเยอะๆหน่อยก็พอทนได้” กู้อ้าวเวยถูไถมือด้วยความหนาว คาดไม่ถึงว่าจะถูกอุดอู้อยู่ที่นี่ ป๋ายเสาโผล่หัวออกมาจากเสื้อของนาง ส่งเสียงร้อง มาวๆ กู้อ้าวเวยจึงฉีกหมั่นโถวที่พกมาป้อนมัน
“ถึงเวลานั้น ไม่ต้องการให้พวกเราไปที่หน้าผาไป๋เฉ่าด้วยจริงหรือพะย่ะค่ะ?” เฉิงซานกังวล
“ไปด้วยก็ไม่เลว แต่ถ้าไปกันเยอะกลับยิ่งอันตราย จะรับมือไม่สะดวก” กู้อ้าวเวยกล่าวเสียงแผ่ว ซ่านจินจื๋อที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็คิดไว้เช่นนี้ แค่ขึ้นภูเขาเก็บสมุนไพร ส่วนพวกเขาจะรอพวกกู้อ้าวเวยกลับมาที่ตำบลใกล้ๆ
เฉิงซานกับกุ่ยเม่ยย่อมไม่พูดอะไรต่อ
กู้อ้าวเวยมองไปที่แสงสว่างของกองไฟ แล้วชำเลืองมองซ่านจินจื๋ออยู่นาน
ซ่านเซิ่งหานได้ตระเตรียมซุ่มโจมตีซ่านจินจื๋ออย่างดี หากซ่านจินจื๋อจบชีวิตลงที่หน้าผาไป๋เฉ่า พระชายาของเขาก็จะกลายเป็นหญิงหม้าย แต่เบื้องหลังยังคงมีจวนเฉิงเสี้ยงสนับสนุนไม่สูญเสียอันใด แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะฆ่าซ่านจินจื๋อไม่ตาย เพราะซ่านจินจื๋อก็ฝีมือร้ายกาจไม่เบา
หากถึงเวลานั้น นางคงทำได้แค่ซ่อนสมุนไพรที่จะใช้รักษาซูพ่านเอ๋อก็แค่สิ้นเปลืองเวลามากขึ้นเท่านั้น
ทว่าเหตุใดเมื่อนึกถึงว่าซ่านจินจื๋อจะต้องจบชีวิตที่หน้าผาไป๋เฉ่า นางจึงปวดใจเช่นนี้เล่า
“เป็นอะไรไป?” ซ่านจินจื๋อมองนางด้วยคิดว่านางกำลังซ่อนอาการป่วย
“แค่กลัวว่าพอท่านถึงหน้าผาไป๋เฉ่าแล้วจะถ่วงขาหม่อมฉัน เมื่อถึงตอนนั้นท่านอย่าได้มาเป็นภาระการเก็บสมุนไพรของหม่อมฉันแล้วกัน” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆ กุ่ยเม่ยที่อยู่ข้างๆรีบกระตุกแขนเสื้อนางพลางขยิบตาใส่ว่าให้พอแล้ว
ซ่านจินจื๋อสีหน้าทะมึน มะเหงกเข้าที่ศีรษะของนาง แล้วเริ่มจัดการสัตว์ป่าที่ล่ามา
ขณะที่กุมศีรษะด้วยความเจ็บ กู้อ้าวเวยรู้สึกได้ว่าเขาเคยชินกับความรุนแรง ก่อนหน้านี้ก็บีบคอนาง หลายวันมานี้ก็บีบจมูกนางจนแทบจะเสียโฉม แม้แต่ผมก็ยังเคยถูกเขากระชาก
ผ่านไปสักครู่ กู้อ้าวเวยก็นำป๋ายเสายัดเข้าในอ้อมกอดของเฉิงซาน “ถึงเวลานั้นเจ้าเอากลับไปเพาะพันธุ์กับพุทราด้วยสิ”
“พุทราเป็นแมวตัวผู้พะย่ะค่ะ” กุ่ยเม่ยตักเตือนอย่างอดไม่ได้
กู้อ้าวเวยแน่นิ่ง เหลือบมองดูท้องน้อยของป๋ายเสา จึงลูบปลายจมูกด้วยความเก้อเขิน “ถ้างั้น….ข้าจะไปหาแมวตัวเมียอีกตัวได้ไหม?”
“จับคู่กับแมวตัวเมีย….”จะคลอดป๋ายเสากับพุทราออกมาสักกี่ครอกกัน” ซ่านจินจื๋อถามนาง
กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วเมื่อนึกถึงป๋ายเสากับพุทรา พลันพยักหน้าอย่างขึงขัง “เช่นนั้นก็เอาป๋ายเสาจับคู่ผสมพันธุ์พุทรา ตัวผู้สองตัวแล้วไง จะงอกอีกกี่ครอกเช่นนั้นโรงยาข้าก็ไม่ต้องใช้ผลิตยาแล้ว”
กุ่ยเม่ยกับเฉิงซานหัวเราะขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ซ่านจินจื๋อส่ายหน้าอย่างจนใจ วิธีการของกู้อ้าวเวยนั้นน่าสนใจเกินไปหน่อย
เมื่อถึงช่วงกลางคืน ทันทีที่กู้อ้าวเวยนั่งซ่านจินจื๋อก็ขยับเข้ามาใกล้แล้วโอบนางไว้ในอ้อมกอดพร้อมกับคลุมด้วยผ้าห่มบางๆ หลายวันที่ผ่านมาเขาปรับตามวิธีการของเห้อจิ้นหล่าง กู้อ้าวเวยเข้าสู่ภวังค์อย่างรวดเร็ว เมื่อถึงช่วงกลางคืนซ่านจินจื๋อมักจะแอบสำรวจบาดแผลบนร่างกายของนางอยู่เสมอเพื่อให้มั่นใจว่าบาดแผลนั้นหายดีแล้ว
เมื่อกลับจากหน้าผาไป๋เฉ่า ระหว่างพวกเขาทั้งสองควรจะทำอย่างไรดี