บทที่ 178 ไม่สนใจยศตำแหน่ง
น้ำแกงยาทั้งขมทั้งฝาด
กู้อ้าวเวยประคองชามเปล่านั่งอยู่บนเตียง ซ่านจินจื๋อนั่งทำงานที่โต๊ะด้านข้างจัดการฎีกา เฉิงซานแทรกพูดอยู่บ่อยๆ มีเพียงกุ่ยเม่ยที่แอบยัดผลไม้แช่อิ่มส่งให้นางหลังจากที่ทานยาเสร็จ
“เจ้าเอาป๋ายเสาไปซ่อนไว้ที่ไหน?” กู้อ้าวเวยส่งชามยาคืนให้กุ่ยเม่ย เสยแขนเสื้อของเขาดู ดูเหมือนนางจะชอบนำป๋ายเสาซุกซ่อนไว้ที่นี่
ดวงตาเรียวแหลมของกุ่ยเม่ยกวาดมองนางอย่างเรียบเฉย ยินยอมให้กู้อ้าวเวยพลิกแขนเสื้อทั้งสองข้างจนตนเสียหลายรอบ
ด้านซ่านจินจื๋อเมื่อได้ยินข่าวคราวฝั่งนี้ ก็กระซิบสอบถามเฉิงซานที่อยู่ข้างๆ “สามารถเดินทางได้แล้วหรือ?”
“เป็นการดีที่สุดถ้าจะพักอีกสักระยะหนึ่ง แต่ว่าด้านแม่นางซู….”
“เช่นนั้นก็สั่งคนออกเดินทางกลับเทียนเหยียน” ซ่านจินจื๋อวางงานในมือ
ทว่าเมื่อกู้อ้าวเวยได้ยินคำพูดเหล่านี้ หัวใจหดหู่ยิ่งนัก
เห็นทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดการเดินทางทำให้นางไม่ยินยอมที่จะกลับไปที่กรงนั่น เรื่องที่น่าเสียดายคือนางไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในตอนนี้
“ข้าจะเอาป๋ายเสา” นางตบผ้านวมบนตักด้วยความขัดเคือง
กุ่ยเม่ยรีบจัดการมวยผมให้นาง ท่าทางอันชำนาญราวกับเขาไม่สมควรเป็นองครักษ์ลับ แต่เหมือนกับสาวใช้ปรนนิบัติฮูหยิน กู้อ้าวเวยอาจจะไม่มีฝีมือเก่งกาจด้านนี้เหมือนกับเขาด้วยซ้ำ “เจ้ามวยผมเป็นด้วยหรือนี่”
“เคยเรียนมานิดหน่อยพะย่ะค่ะ” กุ่ยเม่ยใช้ปิ่นเงินปักให้มวยผมอยู่ทรง
กู้อ้าวเวยรอจนกระทั่งเขาทำเสร็จจึงได้ลงจากเตียง เวียนไปเปลี่ยนเสื้อคลุมที่ด้านหลังฉากกั้น เมื่อเปลี่ยนเสร็จเรียบร้อยก็มายืนด้านหน้าหลายคน “ไปกันเถอะ”
เมื่อสิ้นคำ กู้อ้าวเวยก็เดินออกไปด้านนอก
กุ่ยเม่ยยึดถือคำสั่งของซ่านจินจื๋อรีบติดตามข้างกายกู้อ้าวเวย กู้อ้าวเวยปีนขึ้นรถม้า ตลอดทางไม่พูดอะไรกับซ่านจินจื๋อสักคำเดียว เวลาส่วนใหญ่คือการหยอกล้อกับป๋ายเสา หรือไม่ก็ไล่กวดดึงผ้าคลุมหน้าของกุ่ยเม่ย
เพียงแต่ไม่พูดกับซ่านจินจื๋อสักคำ
ทว่าซ่านจินจื๋อก็ไม่หยิบยกเรื่องในอดีตออกมาพูด ทั้งคู่ล้วนรักษาระยะห่างไว้เช่นเดียวกัน กระทั่งใกล้ถึงเทียนเหยียน ซ่านจินจื๋อได้กล่าวเบาๆ “เจ้าช่วยชีวิตข้า ข้าจะตอบรับเงื่อนไขอะไรก็ได้ของเจ้าหนึ่งข้อในอนาคต”
“ขอบพระทัย ท่านอ๋อง”
นี่คือประโยคแรกของกู้อ้าวเวยที่พูดกับเขา และก็เป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่จะเข้าเทียนเหยียน
กลับมาเมืองเทียนเหยียนอีกครั้ง เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งฤดูร้อน ฉีหรัวขยับตำแหน่งเกือบจะเท่าฉีหมิง ส่วนฉีหลินประสบความสำเร็จในการสืบทอดสำนักเหยียนหยู่เก๋อ หยินเชี่ยวและหยุนฝูอาศัยอยู่โรงยาเป็นเวลานานและไม่เคยอยู่ในจวนอ๋องเลย
เมื่อนางกลับจวนอ๋อง เบื้องหน้ามีเพียงชิงต้าย“ยินดีต้อนรับพระชายากลับจวนเพคะ”
“ชิงต้าย ไม่ได้เจอกันเสียนาน” นางยิ้มบางและเดินขึ้นหาและล้วงรายการออกจากถุงย่ามส่งให้กับมือชิงต้าย “เจ้าไปเตรียมสิ่งของเหล่านี้ให้เรียบร้อย ถือโอกาสหาเลือดมังกรกับถุงน้ำดีหงส์จากในโรงยามาให้ข้า ข้าจะรักษาแม่นางซู”
“เพคะ” ชิงต้ายมองสิ่งของที่อยู่บนรายการพลันหัวเราะออกมาเบาๆ จึงรีบไปจัดการ
ฝั่งพ่อบ้านที่กำลังดูแลจัดการซ่านจินจื๋อ เมื่อได้ข่าวว่าซ่านจินจื๋อกลับมา ซูพ่านเอ๋อกับกุ้จี้เหยาก็ล้วนออกมาหา นั่งประกบซ่านจินจื๋อซ้ายขวาถามไถ่ทุกข์สุขกันอย่างคึกครื้น
กู้อ้าวเวยเหลือบมองซ่านจินจื๋อเล็กน้อย เมื่อสายตาสองคู่ประสานกันก็รีบแยกย้ายหันหนีทันที
กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วเบาๆ ถือโอกาสกลับวิหารเฟิ่งหมิงของตนแล้วกวักมือเรียกกุ่ยเม่ยที่อยู่ด้านหลัง “ท่านอ๋อง ในวันหน้าไม่สู้ให้กุ่ยเม่ยติดตามหม่อมฉันเถิดเพคะ”
กุ่ยเม่ยเหลือบมองซ่านจินจื๋อด้วยความประหลาดใจ ซ่านจินจื๋อเพียงแค่พยักหน้าอย่างเงียบขรึม ให้ติดตามนางไป
หากกู้จี้เหยาสามารถมองออกถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างระหว่างสองคนนี้ เช่นนั้นซูพ่านเอ๋อก็สามารถมองออกว่าซ่านจินจื๋อรักถนอมกู้อ้าวเวยมากยิ่งขึ้น
กุ่ยเม่ยได้รับการอบรมจากซ่านจินจื๋อมากับมือ องครักษ์ลับคนอื่นๆสามารถทำภารกิจลับและเคลื่อนไหวได้ก็ต่อเมื่อสามสี่คนต่อหนึ่งกลุ่ม แต่ความคล่องตัวของกุ่ยเม่ยนั้นโดดเด่นและคุ้มกันซ่านจินจื๋อรอบด้านมาโดยตลอด บัดนี้กลับยกให้เขาไปติดตามกู้อ้าวเวยโดยตรง
“พี่จื๋อ….”
“พ่านเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องกังวล อาการป่วยของเจ้าจะรักษาให้หายดีในเร็ววันนี้” ซ่านจินจื่อค่อยๆนำร่างเข้าสู่อ้อมกอด กู้จี้เหยาที่ประกบอยู่ด้านข้างมองด้วยความริษยาแต่กลับไม่กล้าเสือกหน้าออกไป
ซูพ่านเอ๋อหอบหายใจหนักบิดสาบเสื้อของซ่านจินจื๋อไว้แน่น
ซ่านจินจื๋อไม่ได้กลับมาพักใหญ่ๆ ยามนี้องค์รัชทายาทเอ็ดตะโรวุ่นวายเสียยกใหญ่ หัวค้านชนฝาจะสมรสกับบุตรสาวใต้เท้าต้าหลี่ซื่อผู้ไร้กาลเทศะมาเป็นอนุ พระชายาองค์รัชทายาทก็นิสัยหยิ่งผยอง ด้วยโชคชะตาและศักดิ์ศรีของใต้เท้าต้าหลี่ซื่อบังคับให้ฮ่องเต้ต้องสินใจ บัดนี้ตำแหน่งขององค์รัชทายาทได้ตกอยู่ในอันตราย
ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับซ่านจินจื๋อมาโดยตลอด แต่ไม่โปรดปรานเขา
แม้แต่เซียวไห่ที่อยู่ข้างๆก็มองมา “ฮ่องเต้จะกำจัดองค์รัชทายาทในเร็วๆนี้ และช่วงที่ท่านไม่ทราบก่อนหน้านี้ฝ่าบาททรงส่งคนมาเจตนาแสดงอำนาจกับแม่นางซู บังคับให้นางจากไป
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว มองซูพ่านเอ๋อที่มีท่าทางราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรมอยู่ในอ้อมกอด “แม้กระทั่งซูพ่านเอ๋อเขายังกล้าลงมือ”
“ฮ่องเต้ทรงเชื่อมาโดยตลอดว่าซูพ่านเอ๋อยากจะเกื้อหนุนราชวงศ์ ถ้าหากมีเจตนาจะให้ท่านสืบทอดตำแหน่งจริงย่อมไม่ต้องการรั้งนางไว้” หลังจากที่เซียวไห่กล่าวจบก็ประสานมือคารวะซูพ่านเอ๋อด้วยสีหน้าขอโทษ “คำกล่าวนี้เกรงว่าอาจจกระทันหันเกินไปกับแม่นางพ่านเอ๋อร์ แต่มันเป็นความจริง”
“ที่ผู้บัญชาการเซียวพูดนั้นไม่ผิด” ซูพ่านเอ๋อกระแอมไอขึ้นมาเบาๆ แววตาหม่นหมอง
กู้อ้าวเวยรักษาอาการป่วยของนางหายได้จริง แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ หากซ่านจินจื๋อให้นางออกจากเทียนเหยียนชั่วคราวเพื่อราชบัลลังก์…..
นางเป็นกังวล และหลังจากที่ซ่านจินจื๋อจัดแจงให้นางออกไป ก็ได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาย้ำกับเซียวไห่ “หากพ่านเอ๋อร์ฟื้นฟูจากอาการป่วย เจ้าส่งนางไปที่สำนักเก่าของข้าแล้วส่งคนไปดูแล”
“ท่านไม่กลัวว่าแม่นางซูจะเกลียดท่านหรือ ตอนแรกนางมาเทียนเหยียนก็เพื่อพบท่าน แทบอยากจะใช้ชีวิตนี้ร่วมไปกับท่าน” เซียวไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เชื่อไม่ลงว่าซูพ่านเอ๋อจะไปจากเทียนเหยียนด้วยความยินยอมพร้อมใจ
ที่ข้าทำอยู่นี้ก็เพื่อนาง หากนางมีอาการป่วยแล้วข้าให้นางอยู่ข้างกาย องค์ชายทั้งหลายก็อาจจะรู้ได้ว่าคนร่างกายอ่อนแอเช่นนี้ไม่สามารถเป็นฮองเฮาได้ในอนาคต แต่หากนายหายเป็นปกติดีแล้วเหล่าองค์ชายจะเข้าใจว่าข้าต้องการให้นางเป็นฮองเฮาอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นเกรงว่าชั้นเชิงจะต้องเพิ่มความสุดขั้วเท่านั้น…..”
“ทรงกล่าวเช่นนี้ ท่านไม่เตรียมให้นางเป็นฮองเฮาของท่านหรือ?” เซียวไห่กล่าวกระซิบอย่างไม่อาจเชื่อ
“ข้าเพียงแค่ต้องการให้ซูพ่านเอ๋อเคียงข้างกายข้าอย่างเปิดเผย ยศตำแหน่งนั่นข้าไม่สนใจ”อีกทั้งกู้อ้าวเวยฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ ต่อให้ต้องนั่งตำแหน่งฮองเฮาในอนาคตก็จะไม่เป็นปัญหา
เพื่อให้คนที่ไร้บิดามารดาไร้สถานะพื้นเพ ไร้ญาติขาดมิตรและครอบครัวอย่างซูพ่านเอ๋อสามารถยืนเคียงข้างตนในอนาคตได้อย่างเปิดเผย เขาทำได้แค่ให้ตำแหน่งชายารองหรือสนมชั้นกุ้ยเฟยให้กับนาง
ทว่าพ่อบ้านที่อยู่หน้าประตูนำทุกสิ่งที่ได้ยินกับหูรีบร้อนมุ่งหน้าสู่จวนหลัก