บทที่ 191 จดจำไปชั่วชีวิต
“พวกเจ้าจะโยนจริงๆหรือ พวกเราเป็นสาวใช้คนสนิทของพระชายานะ”
หยินเชี่ยวคลานขึ้นมาจากถนนหน้าประตูจวนอ๋อง ชิงต้ายนึกไม่ถึงว่าเฉิงซานจะพูดจริงทำจริง แผลเก่าก็ยังไม่หายดียามนี้ได้แต่มองเหล่าผู้คุ้มกันหน้าประตูจวนอ๋องจิ้งด้วยใบหน้าถอดสี จึงคว้าตัวหยินเชี่ยวไว้ “หยุดพูดเถอะ เราต้องหาหนทางอื่น”
“แต่ว่าตอนนี้คณหนู….”
“หยุดพูดเถอะ ต้องหาหนทางอื่นเท่านั้น” ใบหน้าชิงต้ายเข้มงวดมากยิ่งขึ้น หยินเชี่ยวได้แต่เม้มปากเหยียดเป็นเส้นตรง ฉุดชิงต้ายลุกขึ้นจากพื้น “พวกเราเป็นแค่สาวรับใช้ จะทำอย่างไร….”
“จวนเฉิงเสี้ยงไง จะดีร้ายอย่างไรคุณหนูก็เป็นบุตรสาวของนายท่าน เห็นคนใกล้ตายจะไม่ช่วยได้อย่างไร!”
ดวงตาชิงไต้แน่วแน่ ฝ่ามือที่กำจนแน่นถูกเล็บจิกลึกจนเลือดไหลซึมโดยไม่รู้ตัว
สองสาวใช้มาถึงจวนเฉิงเสี้ยงกลับถูกคนเฝ้าประตูห้ามไว้ “คุณหนูรองนำเรื่องที่คุณหนูใหญ่วางยาพิษมาแจ้งแล้ว หากพวกเจ้าสองคนมาจวนเฉิงเสี้ยงเพื่อให้ช่วยเหลือก็ไม่จำเป็นแล้วล่ะ นายท่านกล่าวไว้แค่ว่า ไม่มีบุตรสาวี่ใจคอโหดร้ายเยี่ยงนาง”
ชิงต้ายเวียนศีรษะตาลายในพริบตา
หยินเชี่ยวหน้าแดงด้วยความโกรธ “แม้ว่าบุตรสาวคนโตของนายท่านจะต้องตายก็ไม่ช่วยจริงๆน่ะหรือ!”
“นายท่านกล่าวไว้ว่า ไม่ช่วย”
ทันทีที่พูดจบ ประตูหลักของจวนเฉิงเสี้ยงก็ค่อยๆปิดตัวลง
ทั้งสองไร้ที่ไป นึกอยากจะไปหาองค์ชายสี่เพื่อช่วยเหลือ แต่กลับไม่สามารถผ่านด่านลี่วานไปได้”
“องค์ชายสี่เป็นพระสหายคนสนิทของพระชายาจิ้ง ครั้งนี้พวกเจ้ามาหาความช่วยเหลือก็ต้องลากองค์ชายสี่ตกกระไดพลอยโจนด้วยอย่างเสียมิได้ หากพระชายาจิ้งรู้เข้าย่อมไม่ยินดีอย่างแน่นอน เจ้าทั้งสองกลับไปโรงยาเถิด” ลี่วานยืนมองทั้งคู่ด้วยท่าทางที่เหนือชั้นกว่า แต่ท้ายที่สุดก็ยังให้สาวใช้หยิบถุงเงินสองใบส่งให้กับหยินเชี่ยว
ประตูปิดสนิทลงอย่างแน่นหนา
แล้วร้านยาจี้ซื่อถางกับสำนักเหยียนหยู่เก๋อจะสามารถเข้าแทรกแซงเรื่องในจวนอ๋องจิ้งอย่างไรกัน
ชิงต้ายและหยินเชี่ยวรู้สึกหัวใจราวกับด้านชา ยามนี้ทุกอย่างที่สามารถทำได้ก็เหลือเพียงมุ่งหน้าไปโรงยาได้แค่อธิษฐานให้กู้อ้าวเวยปลอดภัย
……
เมื่อสติค่อยๆกลับคืนมา ทั่วทั้งร่างเจ็บปวดจนยากจะทานทน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตำแหน่งลับส่วนล่างของร่างกายที่ไร้ความรู้สึกไปแล้ว
รู้อยู่แล้วว่าจะเปลี่ยนเป็นอ่อนแอเช่นนี้ นางไม่ดิ้นรนขัดขืนเสียดีกว่า
แขนข้างหนึ่งของนางค่อยๆพยุงตนขึ้นจากเตียง ภายในห้องกลับไม่มีกลิ่นยาที่คุ้นเคย แต่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆบางอย่าง และเสียงใบไม้ร่วงที่เสียดสีกันข้างหูก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ
เสียงของซ่านจินจื๋อดังเข้ามาในหูนาง “เจ้าต้องบำรุงร่างกายให้ดี”
“นึกไม่ถึงว่าเพื่อซูพ่านเอ๋อแล้วท่านจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลงคอ” กู้อ้าวเวยยื่นมือปัดถ้วยยาที่จ่อเข้าใกล้ปากนาง ขณะที่ยกข้อมือขึ้นเสียงเสียดสีของโซ่เหล็กก็กระทบดังชัดเจน นางปลุกเร้าดวงตาที่แดงฉาน “ท่านไม่สู้ฆ่าข้าเสียดีกว่า”
ซ่านจินจื๋อมองคราบน้ำที่เปื้อนบนมือ แต่ก็ยังสามารถระงับความโกรธไว้ข้างในได้
“อย่าได้คืบจะเอาศอก” *
(* ต้องการได้มากกว่าที่ได้มาแล้วหรือได้มาแล้วแต่ยังต้องการเพิ่มขึ้นอีกในสิ่งที่ได้มาให้มากกว่าเดิม)
“ฆ่าข้าเสีย”
กู้อ้าวเวยยืดมือจะคว้าดูว่ายังมีเศษถ้วยกระเบื้องแตกอยู่หรือไม่ แต่น่าเสียดายที่ซ่านจินจื๋อตะครุบข้อมือนางไว้อย่างรวดเร็ว เพียงกล่าวด้วยเสียงดังฟังชัด “เฉิงซาน เข้ามาจับกรอกยาให้นางที”
“พ่ะย่ะค่ะ”
น้ำแกงยารสขมปร่าติดอยู่ในลำคอ โดนความเจ็บปวดและการดิ้นรนสำลักน้ำจนหายใจไม่ออกจนทำให้นางทรมานเจียนตาย จนกระทั่งน้ำแกงยาในมือของเฉิงซานหายไปจนหมดนางกลับหยุดดิ้นรน เสียงสำลักน้ำปะปนกับเสียงหัวร่อที่ดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาขุ่นคลั่กสูญเสียเสน่ห์จนหมดไปอย่างสิ้นเชิง
“หัวเราะอะไร” ซ่านจินจื๋อไม่ชอบที่เห็นนางหัวเราะด้วยท่าทางเช่นนี้
คนที่ถูกเขากดอยู่ใต้ร่างเอาแต่หัวเราะเสียจนตัวโยน จนกระทั่งความเจ็บปวดจากสมองทำให้นางต้องสลบลง นางจึงถูกโยนลงบนเตียงราวกับเศษผ้าเก่าๆ ตั้งแต่ที่ได้รับบาดเจ็บครั้งก่อนร่างกายนางซูบผอมทรุดโทรมขั้นรุนแรง ซ่านจินจื๋อสามารถเฉือนที่ลำคอของนางอย่างง่ายดายและเอาเลือดเนื้อของนางไปทำเป็นตัวนำยาให้ซูพ่านเอ๋อ
หลังจากที่หลางจงพเนจรรีบร้อนเข้ามาจับชีพจรนางก็ลดเสียงต่ำลง “ท่านอ๋อง! นางสูญเสียเลือดลมมานาน ไม่สู้สังหารนางให้สิ้นเสียดีกว่า…อั่ก!”
(*หลางจง หมอชาวบ้านที่มักชอบสั่นกระดื่งยาขายร่อนเร่ไปตามที่ต่างๆ)
เมื่อถูกพลิกร่างคว่ำลงกับพื้น หลางจงพเนจรแสนบอบบางก็กระอักเลือดออกมาคำโต หมดสตินอนราบไปกับพื้น
เฉิงซานที่รุดเข้ามาอย่างรีบร้อน มองซ่านจินจื๋อที่ริมเตียงด้วยความสงบนิ่ง แต่ก็ลากหลางจงออกไปให้โดยไร้วาจา โยนส่งๆให้กับลูกน้องให้ส่งไปยื้อชีวิตที่จี้ซื้อถาง
ท่านอ๋อง ท่านคิดอย่างไรกับพระชายากันแน่?”
ยามนี้ ซ่านจินจื๋อมองกู้อ้าวบนเตียงที่นอนหายใจรวยริน ภายในใจสับสนว้าวุ่น
“ตราบใดที่เจ้าตั้งครรภ์เช่นนั้นก็จะไม่จำเป็นต้องฆ่าเจ้า ถึงเจ้าจะไม่ได้วางยาพิษพ่านเอ๋อแต่กลับเล่นตุกติกกับนางมาตลอด หากเจ้าค้นพบทันเวลาและไม่เพิ่มตัวยาอีกหลายชนิดเข้าไป ก็ไม่อาจทำร้ายซูพ่านเอ๋อได้อย่างแน่นอน เมื่อซ่านจินจื๋อพูดถึงตรงนี้ก็เคียดแค้นยิ่งนัก
มือยื่นออกไปคว้าลำคอของนาง แต่ยามที่เห็นบาดแผลบนร่างกลับชักมือกลับด้วยใจที่เลื่อนลอย
เมื่อลุกขึ้นยืนซ่านจินจื๋อก็กลับไปชักสีหน้าเย็นชาวันๆไม่พูดไม่จาตามเดิม ขณะออกจากห้องสายตากวาดมองไปที่กลุ่มคนรับใช้ เข้าใจว่าสาวใช้สองคนนั้นคงถูกสั่งสอนโดยเฉิงซานและโดนขับไล่ออกไปแล้ว “ดูแลพระชายาให้ดี แล้วข้าจะมาทุกๆสามวัน”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”
กลุ่มคนตรงหน้าคุกเข่าให้กับซ่านจินจื๋อกันหน้าสลอน
ทุกอย่างนี้ก็ล้วนเพื่อกู้อ้าวเวยทั้งสิ้น หากนางมีทายาทก็จะปล่อยให้นางคลอดอย่างปลอดภัย
ส่วนภายนอกนั้นรู้เพียงแค่ว่าพระชายาจิ้งป่วยหนัก ถูกส่งไปรักษาที่โรงหมออื่นนอกเมืองเทียนเหยียน มีเพียงคนในจวนอ๋องจิ้งเท่านั้นที่รู้ว่าชีวิตพระชายาไม่อาจคาดการณ์ได้ หากต้องการเป็นข้ารับใช้อย่างปลอดภัยในจวนอ๋อง ทางที่ดีที่สุดคือปฏิบัติอย่างดีกับซูพ่านเอ๋อที่จะกลายเป็นพระชายาจิ้งในอนาคต
จวนหลักในเวลานี้ แม้เป็นยามฤดูใบไม้ร่วงแต่ซ่านจินจื๋อยังคงให้ปลูกดอกไม้ใบหญ้าไม่น้อยเพื่อคนที่ไม่ได้ออกไปข้างนอกจนยามนี้ใบไม้ยังเขียวชอุ่ม เหล่าสาวใช้นับสิบดูแลทั้งวันทั้งคืน
วันนี้ซูพ่านเอ๋อเอนกายอยู่บนฟูก นั่งในห้องโถงแล้วมองไปยังด้านนอก เพียงกลืนน้ำแกงยาลงไปแล้วยิ้มเหยียดกับตนเอง “จวนหลักแห่งนี้ ข้าเกรงว่าคงอีกนานกว่าจะย่ำออกไปได้”
เมี่ยวหารที่อยู่ด้านข้างชำเลืองมองพลางหลุบตาลง “เหตุใดยามนี้ท่านถึงยึดติดกับซ่านจินจื๋อนัก การเป็นสตรีที่สง่างามแห่งยุคสมัยไม่ดีกว่างั้นหรือ? ท่านควรจะรู้อยู่แล้วว่าซ่านจินจื๋อไม่ได้มีความรู้สึกชายหญิงกับท่าน ก็แค่….”
“ข้ารู้ แต่ข้าต้องการเขา” แม้ซูพ่านเอ๋อจะส่งเสียงไอหลายคราก็ยังเงยหน้ามองเมี่ยวหารด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก “ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อข้าถูกความรักของพี่จื๋อจองจำไว้ข้างกาย แล้วเหตุใดข้าถึงต้องปล่อยให้สตรีสง่างามในใต้หล้ามาทำให้พี่จื๋อหวั่นไหว! แล้วยังปล่อยให้มาดูแลเอาใจพี่จื๋อทั้งวันทั้งคืน!”
“ท่านเสียสติไปแล้ว” เมี่ยวหารมองนางอย่างไม่อาจเชื่อ แล้วค้อมเอวเข้ามาเพื่อจับชีพจรนาง “ท่านควรจะรู้ว่าเป็นเพราะร่างกายนี้ทานอาหารน้อย ทานยาเยอะและยังอ่อนแอ ตอนนี้ยังทานพิษลงไปอีก ชีวิตของท่าน….”
“ถึงแม้เป็นความตายก็จะทำให้พี่จื๋อจดจำข้าไปชั่วชีวิต ชีวิตของเขาสมควรเป็นของข้า” ซูพ่านเอ๋อปัดมือเขาออกอย่างเหลืออด “หากเจ้าต้องการหาความไม่อภิรมย์ให้ข้า ก็ไสหัวไปให้ไกลๆ”
เมี่ยวหารแข็งขืนอยู่ชั่วครู่จึงชักมือกลับ นำถ้วยยาที่ว่างเปล่าถือเดินจากไป ทิ้งนางไว้เพียงลำพัง